DSI สอบ “อลิสา อัศวโภคิน” 2 คดีเข้าข่ายฟอกเงิน 298 ล้านที่ดิน 8 แปลงและที่มาของการก่อสร้างตึกบุญรักษาให้พระ-คนเข้าไปใช้

ดีเอสไอสอบ“อลิสา อัศวโภคิน”ลูกสาว แลนด์ แอนด์ เฮาส์ เข้าข่ายฟอกเงินรับซื้อที่ดิน 298 ล้านบาทต่อจากศุภชัยอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น พบเป็นเงินจากวัดพระธรรมกายโอนไปให้น.ส.อลิสาซื้อที่ดินและถือกรรมสิทธิ์แทนวัดพระธรรมกาย พร้อมเรียกสอบที่มาที่ไปของตึกบุญรักษา โฆษกดีเอสไอเผยทัตตชีโวนำเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก 4 คดี

รายงานข่าวเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 ภายหลังจากการประชุมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)และเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษสำนักการสอบสวนและคณะทำงานในคดีพิเศษที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินของวัดพระธรรมกายเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระทัตตชีโวนำเงินวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น ตลอดจนคดีที่ถูกแยกเป็น 15 สำนวน

ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามการสอบสวนคดีฟอกเงินในส่วนของ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจบ้านจัดสรรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อที่ดินต่อจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้น นายขจรศักดิ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพียงกล่าวว่าคดีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบสำนักคดีอื่น และกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ต่อมา แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้สำนักคดีอาญาพิเศษ 3ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กรณีนำเงินสหกรณ์ไปซื้อที่ดินใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้วนำไปใส่ไว้ในชื่อตัวเอง กระทั่งนายศุภชัยถูกดำเนินคดีในปี 2556 จึงได้ขายที่ดิน 8 แปลงให้น.ส.อลิสา อัศวโภคิน ลูกสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮาส์ (L&H)

ตามหลักฐานพบว่าเมื่อนายศุภชัยขายที่ดินแล้วได้เงิน 298 ล้านบาท แต่กลับไม่นำเงินส่งคืนให้สหกรณ์ฯ ในเบื้องต้น น.ส.อลิสาที่ถูกรุบว่าเป็นผู้ซื้อที่ดินชี้แจงว่า มีการซื้อขายและชำระเงินกันจริง พนักงานสอบสวนจึงทำความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะนายศุภชัยกับพวก และไม่อายัดที่ดินทั้ง 8 แปลงเพราะเชื่อหลักฐานที่ผู้ซื้อนำมาแสดงว่าเป็นการซื้อโดยสุจริต

ต่อมาสำนักคดีการเงินการธนาคารซึ่งรับผิดชอบเฉพาะคดีฟอกเงินของพระธัมมชโย,มูลนิธิวัดพระธรรมกาย,มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ หางนกยูง และพระลูกวัดอื่นๆที่มีชื่อรับเช็ค ก็พบหลักฐานสำคัญเป็นร่องรอยธุรกรรมการเงินจากวัดพระธรรมกายโอนให้น.ส.อลิสานำไปซื้อที่ดินทั้ง 8 แปลงและถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนวัดพระธรรมกาย

ปัจจุบันที่ดินนี้เป็นสถานที่ตั้งอาคารบุญรักษา สอดคล้องกับความเห็นในชั้นอัยการที่สั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มไปถึงผู้บริจาคเงินให้กับวัดธรรมกาย เพื่อนำมาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อนำมาสร้างโรงพยาบาลสำหรับพระสงฆ์

รายงานข่าวเปิดเผยว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอสั่งให้โอนสำนวนจากสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ไปอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักคดีการเงินการธนาคาร เนื่องจากเป็นคดีฟอกเงินที่เกี่ยวพันกับกลุ่มพระสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย

นอกจากนี้ยังสั่งการให้ขยายผลการเข้าไปรับซื้อที่ดินของนายอนันต์จากลูกข่ายที่รับฟอกเงินจากนายศุภชัย ซึ่งที่ดินทั้งหมดมีที่ตั้งรายล้อมวัดพระธรรมกายจนยาวไปถึงที่ตั้งบริเวณตลาดไท รังสิต

รายงานข่าวเปิดเผยว่าน.ส.อลิสาถูกเจ้าหน้าที่เรียกเข้าให้ปากคำ 2 ประเด็นคือ 1.ในคดีฟอกเงินเกี่ยวกับที่ดิน 8 แปลง 2. จะถูกออกหมายเรียกเข้ารายงานตัวตามมาตรา 44  กรณีให้พระสงฆ์และประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่อาคารบุญรักษาและต่อต้านการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่

สำหรับที่ดินจำนวน 8 แปลง ก่อนหน้านี้ถูกชุดเฉพาะกิจของ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมอายัดไว้ที่สำนักงานที่ดินคลองหลวงเมื่อปี 2558

เรียกสอบ “อลิสา”ที่มาที่ไปสร้างอาคารบุญรักษา

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองโฆษก เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ มีการประชุมทุกวันเพื่อประเมินสถานการณ์ซึ่งขณะนี้มีผู้ถูกออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มเรียกให้มารายงานตัว 258 ราย และ 2. กลุ่มมีคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่ 94 ราย โดยมีมารายงานตัวแล้ว 171 ราย และเมื่อวันที่ 15 มีนาคมเข้าพบอีก 20 ราย

 พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ และกรมแผนที่ ไปตรวจสอบที่ดินรังวัด รวมถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ในพื้นที่ที่ปลูกอาคารบุญรักษา เพื่อให้ได้ทราบแน่ชัดว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของใคร หากเป็นของ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จริงจะดำเนินการออกหมายเรียกมาสอบถึงที่มาที่ไปในการสร้างอาคารและอนุญาตให้วัดพระธรรมกายใช้สถานที่ เหมือนกรณีป้าเช็ง

พบพระทัตตชีโวนำเงินซื้อหุ้นเพิ่มอีก 4 คดี

สำหรับกรณีพระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาส นำเงินจากบัญชีของวัดพระธรรมกาย ที่ได้จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบคดีเพิ่มเติมอีก 4 คดี โดยต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและประสานไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ว่าเข้าข่ายผิดระเบียบการซื้อขายหรือไม่ หากเชื่อมโยงไปถึงใครจะเรียกตัวไปสอบถาม

ส่วนพระที่มาตามหมายเรียก 14 รูป ขณะนี้ได้เข้าไปพบอัยการรับทราบข้อกล่าวหากรณีขัดคำสั่ง คสช.แล้ว 11 รูป ขาดเพียงพระทัตตชีโว, พระครูใบฎีกา และพระธัมมชโย

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ประเด็นความคืบหน้าการประสานให้ทางวัดพระธรรมกายดำเนินการปรับสภาพพื้นที่รอบบริเวณอาคารบุญรักษาพบว่าบริเวณคูคลองที่มีการขุดไว้บริเวณอาคารบุญรักษายังไม่มีการดำเนินการกลับสู่สภาพเดิม นอกจากนี้ บริเวณประตู 4 ประตู 5 และ 6 ก็ยังไม่เรียบร้อย ยังมีสแลน เต็นท์และสิ่งกีดขวางอยู่

อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 46 คดี เป็นความรับผิดชอบของกองปราบปราม 4 คดี, สภ.คลองหลวง 28 คดี และ สภ.คลองห้า อีก 14 คดี

หลักฐานมัด ศุภชัย ศุภศรีอักษร (ล่าง) ชิงขายที่ดิน 57 ไร่ ข้างวัดพระธรรมกาย ให้ลูกสาว อนันต์ อัศวโภคิน (ภาพบน) 298 ล้านภายหลังพบคดียักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ศุภชัยชิงขายที่ดินให้น.ส.อลิสา 298 ล้านบาทเพราะต้องคดียักยอก

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org   รายงานว่า นอกเหนือจากทรัพย์สินจำนวนหลายร้อยรายการ รวมวงเงินหลายพันล้านยาท อันได้แก่ ใบหุ้นบริษัทเอกชน ที่ดิน ของมีค่า ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น  หนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นวงเงินนับหมื่นล้านบาท ที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกคำสั่งอายัดไว้แล้ว

ยังมีที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง ของนายศุภชัย ที่ขายต่อให้กับลูกสาวของเจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย และยังไม่ได้ถูก ปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้  ทั้งที่ การซื้อขายที่ดินดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่นายศุภชัย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดียักยอกทรัพย์ อย่างเป็นทางการแล้ว ประมาณเกือบ 3 เดือนเศษ

ข้อเท็จจริงปรากฎตามข้อมูลที่ สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบล่าสุดดังนี้ คือ

ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.56 หลังจากที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ถูกคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในข้อหายักยอกทรัพย์และฉ้อโกง กรณีที่มีการนำเงินของสหกรณ์ไปลงทุนหุ้น ที่ดิน รวมทั้งนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556

นายศุภชัย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ ในตำบลคลอง 3 อำเภอคลองหลวง ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดพระธรรมกาย ให้กับ นางสาวอลิสา อัศวโภคิน  ลูกสาวนายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย โดยหนังสือสัญญาฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 7 มิ.ย.56

จากการตรวจสอบหนังสือสัญญาขายที่ดิน ดังกล่าว มีการระบุเลขที่โฉนดที่ดิน จำนวน 8 แปลง ที่มีการตกลงซื้อขายกันคือ 101460 ,101461 , 101462 , 152624 ,4519 ,101455  , 101456 และ 152626 โดยปรากฎชื่อนายวสินธุ์ เหมือนเกียรติ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน ทั้งฝ่าย นายศุภชัย"ผู้ขาย"กับ นางสาวอลิสา "ผู้ซื้อ"

โดยตกลงราคาซื้อขายกันเป็นเงิน 298 ล้านบาท ระบุว่าผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าที่ดินให้ผู้ขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ดินทั้งหมดไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีการเช่า ไม่ค้างชำระภาษีบำรุงท้องที่ 

ขณะที่นายศุภชัย "ผู้ขาย" ได้ที่ดินเหล่านี้มาโดยการซื้อเมื่อ พ.ศ.2552