จริงอะเปล่า? “กัญชา” รักษาโรคมะเร็งได้?
สัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าว เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ เรื่อง “กัญชารักษาโรคมะเร็งได้” ขณะที่กัญชาเป็นพืชและยาต้องห้ามในประเทศไทย ถือเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ห้ามครอบครอบ ห้ามเสพ และห้ามจำหน่าย
กระแสดังกล่าวมาจากงานเขียนหนังสือของ นพ.สมยศกิตติมั่นคง ที่ระบุว่ากัญชารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมีกระแสข่าวในสังคมออกมาเป็นช่วงๆแต่ก็เงียบหายไปกระทั่งถูกกลับมาจุดเป็นกระแสในสังคมอีกครั้ง โดย นายแพทย์ สมยศกิตติมั่นคง เปิดเผยว่า หนังสือเล่มนี้เขียนจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งในและต่างประเทศ
โดยพบว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วมีบริษัทยายักษ์ใหญ่ 2บริษัทในประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษได้จดสิทธิบัตรว่ากัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้เมื่อปี 2003
ประเทศสหรัฐอเมริกาเองได้มีการจดสิทธิบัตรว่ากัญชาสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ ล่าสุดได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐฯระบุยากัญชารักษาโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้การจดสิทธิบัตรต่างๆ เชื่อถือได้เนื่องจากก่อนจะจดสิทธิบัตรเขาจะต้องมีข้อมูลการทำวิจัย และต้องพิสูจน์ว่าทำได้จริง นอกจากนี้ยังมีรายงานล่าสุด 64 งานวิจัย พบว่า กัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ โดยจะต้องมีการใช้ขนาดและวิธีการที่เหมาะสม
สำหรับการใช้กัญชาในการรักษาโรคจะใช้เป็นรูปแบบยาแผนโบราณคือไปพบหมอ ให้หมอจ่ายใบสั่งยา และนำใบสั่งยาไปรับดอกกัญชา แต่ในกระบวนการใช้ยานั้นเราจะต้องแปรรูป
ซึ่งสามารถใช้ 4 วิธี ได้แก่
1.สูบ
2.การกิน
3. ทา
และ 4 สวนทวารหนัก
มีหลายคนสอบถามข้อมูลแหล่งสื่อ แหล่งรักษารวมทั้งวิธีการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็ง ตนยืนยันว่าไม่ทราบ ทั้งนี้หากใครต้องการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง
วิธีที่แนะนำ คือ สามารถไปที่อเมริกา และประเทศแถวยุโรปเท่านั้น ขณะที่ในประเทศไทยมีข้อมูลการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็งแบบลับๆ มีคนใช้รักษาโรคมะเร็งมากว่า 10 ปีและมีกลุ่มเภสัชกรกว่า 10 ปีที่ใช้รักษา
ซึ่งหากตำรวจรู้ถูกจับดังนั้นจึงเป็นความลับทั้งคนช่วยและคนรักษา หากใครมีครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย ถูกจับ และติดคุก ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีคนไปขออย.เพื่อทำการวิจัยเรื่องนี้ เขาบอกผิดกฎหมาย ดังนั้นในไทยจึงไม่มีการทำวิจัยในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ปปส.หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรมได้ยื่นร่างประมวลกฎหมายฉบับใหม่เรื่องยาเสพติดซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างดังกล่าวแล้ว โดยมีมาตราหนึ่งที่น่าสนใจ ระบุว่าให้แพทย์แผนปัจจุบันหรือแผนไทยสามารถสั่งยาที่มีส่วนผสมของกัญชาให้คนไข้ได้เป็นไปตามมาตรา 76
โดยคิดว่าทางปปส.มีคนศึกษาเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตามจะใช้ได้จริงก็ต้องให้รัฐมนตรีสาธารณะสุขเป็นผู้ประกาศออกมา
สำหรับจุดอ่อนของกฎหมายคือต่างประเทศเขียนเป็นสมุนไพร ขณะที่ประเทศเราใช้ในรูปแบบยาแผนปัจจุบัน แต่ปัญหาคือจะส่งผลให้เราใช้กัญชาไม่ได้เพราะไทยประกาศใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาเป็นผลสำเร็จ
แต่ก็เป็นประโยชน์เพื่อป้องกันการนำกัญชามาใช้ผิดวิธี โดยคนที่จะสามารถใช้ได้ต้องมีใบสั่งแพทย์ก่อนใช้กัญชา
ขณะเดียวกันทางด้านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกออกมาชี้แจงถึงกระแสดังกล่าว โดย เภสัชกรสมชาย ปรีชาทวีกิจรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าปัจจุบันยังไม่มียาจากกัญชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยหรือเอกสารทางวิชาการยืนยันว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้
อย่างไรก็ตามอย.ได้ทราบถึงประโยชน์ของกัญชาและสารสกัดจากกัญชาในการนำมาใช้ในการบำบัดรักษาทางการแพทย์จึงได้เสนอให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ เปิดให้สามารถนำกัญชารวมถึงสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาโรคได้ตามคำสั่งของผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมผู้ประกอบการวิชาชีพการแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรมไทยหรือผู้ประกอบการวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ได้จัดทำร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเป็นการรวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหลายฉบับบรรจุไว้เป็นร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับเดียว
อย.จึงได้ส่งร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯดังกล่าวให้ป.ป.ส.เพื่อประกอบการจัดทำร่างประมวลกฎหมาย ซึ่งร่างประมวลกฎหมายนี้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบกับหลักการของร่างฯ เมื่อวันที่ 12 เมษายนขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา