แกะเรื่องราว..17 ปีที่หายสาปสูญของ หลวงพ่อศิลา จากการถูกโจรกรรม.. คืนกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างไร!!
แกะเรื่องราว..17 ปีที่หายสาปสูญของ หลวงพ่อศิลา จากการถูกโจรกรรม..วัดทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย!!!
คืนกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างไร!!
วันนี้มาสุโขทัย กับคณะกรมศิลปากร.... มาฟังเรื่องเล่าจากหลวงพ่อจิระ ซึ่งท่านเล่าประวัติพระศิลา ที่ถูกโจรกรรม แล้วเรื่องราวกว่าจะได้กลับคืนมาได้น่าสนใจ จึงอยากเล่าให้คนไทยได้ฟังว่า กว่าจะได้กลับมานั้นยากเย็น ต้องช่วยกันดูแลรักษา
หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปโบราณล้ำค่าทางวัฒนธรรม. ที่สลักหินปางนาคปรกองค์เดียวที่เป็นศิลปะไทยแท้ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ เป็นศิลปะลพบุรีที่ได้รับอิทธิพลจากเขมร มีคุณค่ามากด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงประทานความเห็นไว้ว่า
"พระพุทธรูปองค์นี้ ที่กระบังหน้ามีแนวขึ้นมาตรงกลาง ลักษณะเช่นนี้เป็นรูปแบบของโบราณวัตถุที่ทำขึ้นในประเทศไทย ด้วยเหตุ
นี้จึงเรียกว่า ศิลปะแบบลพบุรี เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากศิลปะเขมร เพราะแม้ลักษณะทั่วไปจะดูคล้ายกัน แต่พระพักตร์นั้นไม่
เป็นแบบขอม"
ครั้นเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้ามาโจรกรรมพระศิลาไปจากพระอุโบสถใหญ่ วัดทุ่งเสลี่ยม พระศิลาจึงได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย!!!
อีก ๑๗ ปีต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ กลุ่มอนุรักษ์ชาวไทยในต่างแดนได้พบข่าวพระศิลาในประเทศอังกฤษจึงได้เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์มติชนว่า ได้พบภาพพระพุทธรูปปางนาคปรก ในหนังสือประมวลศิลปวัตถุ เพื่อประมูลขายของสถาบันโซธบี (Sotheby Institute) ในกรุงลอนดอน หน้า ๕๒
ความทราบถึงชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยม ชาวบ้านจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และกรมศิลปากรเพื่อให้ทางราชการติดตามทวงถามพระพุทธรูปที่หายไป ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน กรมศิลปากรได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาหาแนวทางติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลา
ต่อมาหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษได้แจ้งให้ไทยทราบว่ามีผู้ประมูลพระพุทธรูปศิลาไปและถูกเคลื่อนย้ายไปที่สหรัฐอเมริกาแล้วทนายความของผู้ครอบครองได้ติดต่อเข้ามาว่า ผู้ครอบครองไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปที่ได้มาจากการโจรกรรม แต่จะคืนให้ประเทศไทยโดยเรียกร้องค่าชดเชยเป็นเงิน สองแสนเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท ในครั้งแรกทางรัฐบาลไทยพยายามจะติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลาโดยอาศัยกรณีที่คล้ายคลึงกันกับการหายของรูปปั้นเทพีในประเทศอิตาลี ที่สามารถติดตามทวงคืนได้โดยดำเนินการผ่านทางกระทรวงยุติธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา ตามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่เมื่อคณะผู้แทนไทย นำโดย ศาสตราจารย์อดุล วิเชียรเจริญซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ทางหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา(เอฟ บี ไอ) ได้แจ้งให้ทราบว่า การติดตามเรื่องนี้มิใช่คดีอาญา จึงอยู่นอกเหนืออำนาจของเอฟบีไอ รวมถึงการยื่นฟ้องตามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างสองประเทศก็ไม่สามารถกระทำได้
ในที่สุดเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการติดตามพระพุทธรูปศิลา นำโดยร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบพระพุทธรูปตามรอยตำหนิ และมอบค่าชดเชยรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเป็นจำนวนเงินสองแสนหนึ่งพันเหรียญสหรัฐ 5.2 ล้านบาท ในสมัยนั้น ซึ่งเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เป็นผู้ให้การสนับสนุนค่าชดเชยนำพระพุทธรูปล้ำค่าของไทยกลับคืนมา และไม่เคยทำข่าว หรือบอกว่าเป็นผู้ชดเชยเงินและค่าใช้จ่ายนำกลับสู่ประเทศไทย
(ธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้มอบเงินค่าชดเชยการขนย้าย "หลวงพ่อศิลา" จำนวนเงิน สองแสนหนึ่งพันเหรียญสหรัฐ 5.2 ล้านบาท)
วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ขบวนอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับถึงประเทศไทย ณ สนามบินดอนเมือง มีชาวทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ได้เหมารถบัสจำนวนกว่า ๑๐ คัน มารอรับองค์หลวงพ่อศิลา
วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับหลวงพ่อวัดเสลี่ยม สุโขทัย จึงอยากเอาเรื่องราวดีๆมาเล่าให้ฟัง....สาธุ