หลังชนฝาหมาจนตรอก
หลังชนฝาหมาจนตรอก
Tuesday, March 7, 2017 - 00:00
เห็นมั้ย.... นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ต้องถือศีล ๒๒๗ ข้อ ยังมีสำนึก เข้ามอบตัว คดีฟอกเงินเลยครับ
ศาลให้ประกันตัว ก็ไปใช้สิทธิ์สู้คดีเอา
ผิด-ถูก ไปว่ากันในศาล ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม คนที่อยู่ข้างหลังจะได้ไม่เดือดร้อนมาก ไม่ต้องตั้งกองกำลังมาคอยปกป้อง
สังคมมันกลับตาลปัตร...แค่ห่มเหลืองหลอกเงินชาวบ้าน หนีหมายจับ ไม่ยอมมอบตัว กลับมีลูกน้องพร้อมตายแทนเป็นกองทัพ
ฉะนั้น กรณีธรรมกายจึงสะท้อนปัญหาในสังคมไทยอยู่หลายประเด็น
สังคมงมงาย...เชื่อเพราะถูกชักจูงง่าย ไร้เหตุผล เป็นสูตรตายตัวในการดำรงอยู่ของลัทธินอกรีต และธรรมกายอยู่ในข่ายนี้
สอนให้ทุ่มทำบุญจนสุดตัว ปิดบัญชีได้ปิด!
และสุดท้ายสิ้นเนื้อประดาตัวมาหลายรายแล้ว
อีกประเด็นใหญ่ การปกป้องคนโกง กลายเป็นปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นทั้งในทางโลกและทางธรรม
คนโกงทำตัวเป็น "ผู้ให้" เพราะเห็นจุดอ่อนของสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ
นายทักษิณ ชินวัตร ใช้นโยบายประชานิยม มอมเมาประชาชน แต่อีกมือหนึ่งหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง
นายไชยบูลย์ สุทธิผล อวดอุตริ อวดอ้าง หยั่งรู้ฟ้าดินนะจ๊ะ จนสาวกพากันครางฮือ...นับถือๆ แต่อีกด้านหนึ่งตั้งแก๊งขโมยเงินชาวบ้าน เพื่อสร้างบารมี
ทั้งทักษิณและไชยบูลย์ ต่างก็มีมวลชน และมวลชนทั้ง ๒ กลุ่ม ก็ไหลมาอยู่ที่เดียวกัน เกื้อหนุนกัน เคลื่อนไหวด้วยกัน
เห็นอกเห็นใจกัน!
ฝั่งหนึ่งทำบุญไม่อั้นหมดตัว ครอบครัวล่มสลายไม่เป็นไร ขอให้ตัวเองได้ขึ้นสวรรค์
กับอีกฝั่งโกงไม่เป็นไร ขอให้แบ่งกัน
ฝั่งหนึ่งอ้างประชาธิปไตยเป็นใบเบิกทางเพื่อโกง
อีกฝั่งอ้างบุญเป็นใบเบิกทางเพื่อสร้างบารมี และอาณาจักร
สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดที่ผิดเพี้ยน
ในทางโลกประชาธิปไตยไทยถึงมีปัญหา เดินหน้าไม่ได้
แน่นอนต้องมีคนเถียงว่าประชาธิปไตยไปไม่ได้เพราะรัฐประหารต่างหาก มันก็ถูกครับ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะหากมีนักการเมืองเลว เอาแต่โกงกิน มันก็ทำให้วงจรอุบาทว์ครบวงจร
ฉะนั้นรัฐประหารเพราะนักการเมืองโกง มันก็ยังเป็นเหตุผลที่ฟังได้สำหรับประเทศที่ใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเข้าสู่การเมืองเพื่อไปโกง
เช่นกัน วงการสงฆ์ไทยมีปัญหา เพราะอลัชชีใช้ผ้าเหลือง ใบ้หวย ลงยันต์ มั่วสีกา แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หลอกลวง ต้มตุ๋น ยันโกงเงินชาวบ้าน เพื่อสนองตัณหาตัวเอง
เส้นทางของทักษิณกับไชยบูลย์เริ่มจะทับเป็นเส้นเดียวกันขึ้นทุกที
คนหนึ่งถูกถอดยศเพราะโกง
อีกคนถูกถอดสมณศักดิ์ก็เพราะโกง
ก็เหลือแค่พิสูจน์ให้รู้ว่า ไชยบูลย์ เผ่นไปหรือยัง
ถ้าเผ่นก็ทับรอยกันอย่างสมบูรณ์
สถานะของ ไชยบูลย์ วันนี้คือ เข้าตาจน หลังพิงฝา
ถ้าถูกจับคือต้องสึก นอนคุก โอกาสได้ประกันตัวแทบจะเป็นศูนย์
ถ้าหนีคือไปโผล่ที่สาขาธรรมกายในต่างประเทศ
มาถึงวินาทีนี้ ก้ำกึ่งครับว่า อย่างไหนมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน
เพื่อการแก้ปัญหาที่ต่อเนื่อง ข้อเสนอของ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นับว่าน่าสนใจ
คือเป็นหน้าที่ของ มหาเถรสมาคม (มส.) นำกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ.๒๕๓๘) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ข้อ ๓ ในกรณีพระภิกษุรูปใด ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกันหรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ หรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
คณะปกครองสงฆ์มีอำนาจวินิจฉัยให้สละสมณเพศได้ มาดำเนินการสั่งให้ ไชยบูลย์ พ้นจากสมณเพศได้ในทันที!
ทั้งยังเป็นการย้อนรอยสาวกธรรมกายที่อ้างว่าปกป้อง ไชยบูลย์ เท่ากับปกป้องพระพุทธศาสนา
เมื่อ ไชยบูลย์ ถูกคณะสงฆ์ขับออกจากสมณเพศแล้ว ก็หมดข้ออ้าง
เว้นเสียว่า ที่ผ่านมาการปกป้อง ไชยบูลย์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเลย
แต่เป็นการแอบอ้างพระพุทธศาสนาเพื่อปกป้องเจ้าลัทธิ
ครับ...มีความเป็นไปได้สูงว่าหวยจะออกมาแบบนี้!
เพราะธรรมกายไม่มีความเป็นพุทธมาตั้งแต่แรก การใช้คณะปกครองสงฆ์เข้าแก้ปัญหาจึงใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
วานนี้ (๖ มีนาคม) พระครูวิจิตร อาภากร เจ้าคณะตำบลคลองสี่ พร้อมพระวินยาธิการ 5 รูป ร่วมกับตัวแทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เดินทางมาเจรจากับ พระภิกษุ บริเวณตลาดกลางคลองหลวง
และขอตรวจสอบใบสุทธิสงฆ์
ผลคือสาวกไชยบูลย์ขวาง จนพระครูวิจิตรต้องถอยกรูด
ขณะเดียวกัน ในธรรมกายก็ยังมีกิจกรรมหลักคือ ทำการขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
"มหาทศพร" ตำแหน่งเท่ไม่เบา เป็นหัวหน้ากองภาพลักษณ์ออนไลน์ แถลงข่าวชวนให้คิดว่านี่คือสงครามโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่
"เป็นวันที่ ๑๙ ของการที่วัดพระธรรมกายถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และรัฐใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า ๖๐-๙๕ ล้านบาท ขณะที่คนไทยมี ๗๐ กว่าล้านคน ถ้ารัฐนำเงินงบประมาณนี้มามอบให้ทหาร ตำรวจ ดีเอสไอที่มาตากแดดทนร้อน และให้คนไทยทั้งประเทศคนละ ๑ ล้านบาท ก็ได้ประโยชน์มากกว่าการนำงบประมาณมาล้อมวัดกับข้อหาขัดหมายเรียกที่มีค่าปรับเพียง ๕๐๐ บาทเท่านั้น
คณะพระมหาเถระทั้งในและต่างประเทศ และบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงองค์กรพุทธนานาชาติ ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ของวัดพระธรรมกาย โดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน 4 แห่ง ที่เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด และคณะบุคคล องค์กรระหว่างประเทศ จำนวนกว่า ๓๐ องค์กร เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา ๔๔
ขอยืนยันว่าคณะศิษย์ได้ใช้สติและอยู่ในความสงบ และไม่กระทำการที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมทั้งเฝ้าระวังการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ"
คือ...มันเกินข้อหาขัดหมายเรียกค่าปรับ ๕๐๐ บาทไปไกลโขแล้ว ล่าสุดถูกตั้งข้อหาไปแล้ว ๓๕๐ คดี ตายไปก็คงยังสู้คดีไม่จบ!
นี่เป็นการสร้างความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง
พฤติการณ์ทั้งของสมีโย และสาวก เข้าข่ายกบฏเข้าไปทุกที
ถามว่าอยู่กันอย่างสงบมั้ย?
ไปดูเถอะครับ เหมือนเตรียมตัวจะก่อสงคราม!
ถนนเลียบคลองแอล ใกล้ประตู ๑๕ สาวกตั้งค่ายกล ขุดคู เติมน้ำ ขวางไว้เป็น ๔ แนว
มีถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตร ตั้งเต็นท์ปักหลักคล้ายยุทธวิธีทางทหาร
เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ได้ครับ สาวกและกองกำลังห่มเหลืองขวาง!
นี่หรืออยู่ในความสงบ?
แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป...
เมื่อ ไชยบูลย์ ถูกถอดสมณศักดิ์แล้ว มันไม่มีทางที่จะไปสูงกว่านี้แล้ว มีแต่จะดิ่งลง
หาก ไชยบูลย์ ยังอยู่ข้างในจริง พูดได้คำเดียวครับว่า อันตราย ถึงขั้นเลือดตกยางออก
นึกภาพหมาจนตรอกออกนะครับ คือจะสู้จนตัวตาย!
ฉะนั้นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ ทหาร พึงใช้ความระมัดระวังให้มาก ขอให้ระลึกเสมอว่า ยังมีคนพร้อมพลีชีพเพื่อนายไชยบูลย์อยู่
สำหรับบรรดาสาวกที่ยังเหลืออยู่ในธรรมกายขณะนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะกลั่นเหลือแค่กลุ่มที่คลั่งไคล้ ไชยบูลย์ จริงๆ
กลุ่มนี้สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ชนิดที่สังคมไทยคาดไม่ถึงทีเดียว เฉกเช่นกับพวกคลั่งลัทธิต่างๆ ในโลกนี้ ที่ยอมตายเพื่อเจ้าลัทธิ
ครับ...การจะจบกรณีธรรมกาย อาจจะเกิดกรณีไม่พึงประสงค์ หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
แต่สิ่งที่ชาวพุทธต้องตระหนักคือ ผลของการหลงไปกับพุทธเทียม พุทธพาณิชย์ จะทำให้มีปัญหาต้องสะสางและกระทบกระทั่งกัน ไม่เฉพาะกรณีธรรมกาย
ยังมีอีกมาก วันนี้ก็ยังปลุกเสก หลอกลวงกันอยู่เลย...
ผักกาดหอม