ศาลปราบโกงตัดสินคดีแรกจำคุกอดีตรองอธิบดีฯ 245 ปีทุจริตฮั้วประมูล-ข้าราชการอื่นจำคุก 100-205 ปี
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหรือที่เรียกกันให้เข้าใจง่ายๆว่า“ศาลปราบโกง”มีคำพิพากษาให้จำคุก นางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จำเลยที่ 1 รวม 49 กระทงๆละ 5 ปี รวมทั้งสิ้น 245 ปี ฐานกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่เป็นบทหนัก แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี นอกจากนี้ยังลงโทษจำคุกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกับเอกชนผู้เสนองาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดสมยอมราคารวม 13 ราย คนละ 30 - 40 กระทง รวมจำคุกตั้งแต่ 100 - 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไว้ 50 ปี
ทั้งนี้ศาลได้พิพากษายกฟ้องข้าราชการชั้นผู้น้อยประมาณ 20 ราย เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงผู้รับเรื่องประมูล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมยอมราคาและการทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีดังกล่าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และส่งอัยการสูงสุดฟ้องดำเนินคดีนางประไพศรี เผ่าพันธุ์ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับพวกรวมกว่า 30 ราย ฐานร่วมกันทุจริตดำเนินโครงการ “จัดซื้อต้นไม้ปรับแต่งภูมิทัศน์และอาคารสถานที่” ระหว่างปีงบประมาณ 2543-2545 จำนวน 201 งานจ้างหรือ 201 สัญญา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 311,317,086 บาท
กรณีดังกล่าวจำเลยมีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่งให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอนุมัติให้จัดจ้างด้วยวิธีแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่จะจ้างโดยวิธีประกวดราคาเป็นโดยวิธีสอบราคา และเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่มีการดำเนินการสอบราคาและแข่งขันเสนอราคากันจริง ทั้งได้ทำเอกสารการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีสอบราคาเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารใบเสนอราคาของเอกชนรายอื่นมาเป็นหลักฐานแข่งขันเสนอราคากับเอกชนรายที่ได้เลือกให้เป็นผู้รับจ้างทำงานนั้น
ทางด้านนายนิกร ทัสสโร รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กล่าวว่า นับแต่เปิดทำการศาล คดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯพิพากษาลงโทษจำคุกสูงสุดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในคราวเดียวจำนวนมากกว่า 10 คนโดยส่วนใหญ่ศาลวางโทษจำคุกแต่ละคนตั้งแต่ 100 - 240 ปี แต่ตามกฎหมายรวมโทษแล้วจำคุกได้เพียง 50 ปี
ขณะนี้จำเลยประมาณ 10 คนได้ถูกคุมขังในเรือนจำนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในส่วนเนื้อหาของคดีจำเลยสามารถอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตได้ตามกฎหมาย และส่วนที่ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยบางคนนั้น อัยการสูงสุดโจทก์ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษได้
แนะกระทรวงแรงงานเร่งเรียกค่าเสียหายคืน
เมื่อถามถึงการชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่รัฐ นายนิกรตอบว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้เสียหายควรจะนำคำพิพากษาไปศึกษาและหากยังไม่ได้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายก็ควรรีบดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายคืนแก่รัฐอันเกิดจากการที่จำเลยที่ได้กระทำลง
ตามความเป็นจริงแล้วในทุกคดีหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องควรติดตามคดี เพราะว่าเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องคดีแล้ว หน่วยงานรัฐผู้เสียหายสามารถที่จะยื่นคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งคืนแก่รัฐเข้ามาในคดีอาญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล แต่คดีนี้ไม่ปรากฏว่าหน่วยงานของรัฐยื่นคำของทางแพ่ง
“อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนขอให้ปฏิบัติงานโดยสุจริตยึดถือประโยชน์ของแผ่นดินเป็นที่ตั้ง ทำตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้นเป็นสิ่งคุ้มครอง อย่าใจอ่อนต่อเงินและประโยชน์ที่ไม่ชอบ อย่าใจอ่อนต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการโดยไม่ถูกต้องเพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เดือดร้อนต้องถูกดำเนินคดีอาญาได้ และเท่าที่สังเกตเมื่อต้องคดี ก็ไม่เคยเห็นผู้สั่งการให้ความช่วยเหลือทางคดีหรือช่วยประกันตัวให้”นายนิกรกล่าว
ศาลปราบโกงคืออะไร
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ศาลยุติธรรมชั้นต้นของประเทศไทยที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ เปิดทำการวันแรกในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีนายอำนาจ พวงชมภู ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบคนแรก
ศาลอาญาแห่งนี้พัฒนามาจากแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในศาลฎีกาที่เปิดทำการเมื่อปี พ.ศ. 2558
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบประกอบไปด้วยผู้พิพากษาทั้งสิ้น 45 คนซึ่งแต่ละคนมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี