เหตุผลว่าทำไมผู้ชายบางคนจึงไม่เคยสำนึกผิดเมื่อนอกใจคนรัก
ขณะที่ทวิตเตอร์เอาแต่พุ่งประเด็นไปที่วิดีโอซึ่งกำลังเป็นกระแสในสังคมและทำให้เรารู้จักกับแฮชแท็ก #HurtBae ฉันก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาทั้งหมดสามเรื่องด้วยกัน
หนึ่ง..ฉันรู้สึกทึ่งกับบทสนทนาที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในฐานะที่ฉันไม่เคยพบพานบทสนทนาเช่นนี้มาก่อน การที่ชายคนหนึ่งซึ่งนอกใจคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมีผู้หญิงที่นั่งฟังเขาอย่างสงบเป็นสิ่งที่เข้าใจยากเหลือเกิน
สอง..ฉันรู้สึกอึ้งกับเรื่องราวของผู้หญิงที่ฉันรู้จัก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เพื่อนผู้หญิงจำนวนไม่น้อยของฉันได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆของผู้ชายที่พวกเธอได้เจอมา แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายและพบเจอบ่อยราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่ทำให้ฉันช็อคยิ่งกว่านั้น และนี่คือสถานการณ์ที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องเกี่ยวข้องกับ #HurtBae
จากนั้นก็มีเรื่องที่สามและเห็นได้ชัดเจนที่สุดว่าผู้ชายจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีปฏิบัติต่อผู้หญิงจริงๆ ฉันไม่ได้พยายามทำตัวมีศีลธรรมสูงส่งนะแต่นี่คือตรรกะบริสุทธิ์ล้วนๆ หากผู้ชายยังคิดว่าการนอกใจเป็นเรื่องปกติ เราก็สามารถพูดได้ว่าความรับผิดชอบที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้คงไม่มีอีกแล้ว บางครั้งฉันได้แต่สงสัยว่าเราคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากผู้ชายได้มากแค่ไหนหากทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่เป็นแบบนั้น
แต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวอย่าง #HurtBae ก็อาจต้องคิดดูใหม่ดังนั้นถ้าเราตั้งข้อสันนิษฐานว่าพวกเจ้าชู้ประตูดินคือ “ขยะสังคม” ทั้งหมด งั้นเรามีเหตุผลอะไรที่จะให้ขยะสังคมเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง? เราคาดหวังว่าจะดึงเอาความดีออกมาจากหัวใจของพวกเขาได้เหรอ? ฉันอยากทำนะ..แต่ฉันก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้นยิ่งไปกว่านั้นฉันรู้จักโลกใบนี้ดี เมื่อผู้ชายคุยกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆถึงเรื่องการนอกใจพวกเขามีแนวโน้มว่าจะหัวเราะมากกว่าการตักเตือนกัน แต่เมื่อผู้หญิงคุยกับเพื่อนผู้หญิงถึงผู้ชายที่นอกใจเรารับไม่ได้กับความคิดของผู้ชายเจ้าชู้บอกเลยว่าเจ็บเหมือนถูกลากไปตบหน้ากลางสี่แยกเลยล่ะ
เราไม่จำเป็นต้องโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย ลองสังเกตดูสิว่าสังคมบางแห่งมองว่าการที่ผู้ชายปฏิบัติต่อผู้หญิงไม่ดีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ฝั่งที่นอกใจมักจะไม่รู้สึกละอายใจและผลที่ตามมาก็ช่างน้อยนิดเหลือเกิน ใช่..บทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการนอกใจทำให้เราควรโยนความผิดใส่พวกผู้ชายหัวงู แต่ในช่วงเวลาก่อนที่จะหมดความอดทนล่ะเราควรจะรับมือกับเหตุการณ์นี้ยังไงดี?
Blogger : Joseph Milord
Source : elitedaily.com