หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ละจากธรรมกาย มาดูธรรมทำง่ายๆ คลานเครียดกันครับ

เนื้อหาโดย กั๋วซิง

ละจากธรรมกาย มาดูธรรมทำง่ายๆ คลานเครียดกันครับ

ก. อิทธิบาท ๔

- ทำให้เป็นที่สบายกายและใจ เรียบง่ายๆเบาๆสบาย ไม่ตึงไม่หย่อน
- ทำปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ยินดีที่ได้ทำพอใจที่ได้ทำ รู้เพียงว่าทำแล้วจิตเรามีกำลังแผ่เมตตาให้ท่านเหล่านั้นพร้อมสัตว์ทั้งปวง ขันธ์ ๕ ทั้งปวง จะหยาบหรือละเอียด, เล็กหรือใหญ่, สั้นหรือยาวก็ตาม จะสัตว์ 2 เท้า, 4 เท้า หรือมากเท้า สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์บก สัตว์น้ำ ในอาการ ในดิน ในที่ทั้งปวง ทุกผู้ ทุกรูป ทุกนาม ทุกดวงจิต คือ มนะ, มโนทั้งปวง ได้สำเร็จประโยชน์สุข สวัสดี ไม่มี้เวรภัยเบียดเบียนทั้งภายในและภายนอกตน  (ทำศรัทธาคู่ปัญญา)
- ยินดีในธรรม แต่ไม่ปารถนากระสันจะเอาผลในตอนนั้น ตอนนี้ เดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ ให้ทำเพียงสะสมเหตุ เขาทำสะสมเป็นเดือน เป็นปี เป็น 10 ปี เป็นชาติๆ อสงไขยไม่ใช่แค่เพิ่งทำแล้วได้ ทำความพอใจให้เป็นที่สบายกายใจที่ได้ทำสะสมเหตุ มีความเพียรเจริญอยู่ทำอยู่เสมอๆ ทำให้เนืองๆ คือทำแบบสบายๆไม่ให้ขาดแต่ไม่หวังเอาผลยินดีที่ได้ทำสะสมบารมีตนพอ เมื่อมีความเพียร ๔ ที่เรียกว่า สัมมัปปธาน ๔ เพียนระวัง เพียรขจัด เพียรทำ เพียรประครองรักษา มีสังวรปธานเป็นต้นอยู่นี้จะเป็นเหตุให้สติเกิดมีขึ้นมากเรื่อยๆแก่เราจน มีกำลังมาก เป็นสติกำลังควบคู่กับความเพียรไม่ขาด (เพียรคู่กับสติ)
- มีสติสัมปะชัญญะรู้ใจรู้กายเนืองๆ เราพร่องหย่อนจาดสิ่งใดให้เติมสิ่งนั้น สิ่งใดที่ดีแล้วให้คงไว้ สิ่งใดสุดโต่งหรือมากเกินให้ลดลง
- ทำความปล่อยวางกายใจ เพราะจิต(มโน)เรานี้ท่องเทียวในภพภูมิต่างๆมานานนับอสงไขย อาศัยสังขารกรรม ทรงขันธ์ ๕ไว้ เกิดเป็นคนบ้าง สัตว์บ้าง สัตว์นรกบ้าง เทวดาบ้าง มารบ้าง มหาเทพบ้าง วนเวียนท่องเที่ยวจรไปมากมายไปสิ้นสุด ถูกอวิชชาเข้าครอบงำสะสมทับถมกิเลสลงใจใจมานานนับอสงไขยให้ยึดว่าเป็นตัวตน จับต้องรับรู้ได้เพียงสมมติ ไม่ยอมรับความพรัดพากไม่เที่ยง สุขที่สมหวังทุกข์เพราะผิดหวังเจอสิ่งไม่สมปารถนา ทุกข์เพราะเจอสิ่งอันไม่เป็นที่จำเริญใจ เมื่อกายนี้ก้อตั้งอยู่ได้ไม่นานบังคับไม่ได้ หาความเป็นเราในอาการทั้ง 32 ประการไม่ได้ เราไม่มีในนั้น เราไม่ใช่สิ่งนั้น นั้นไม่ใช่เรา นั้นไม่ใช่ของเรา สิ่งนั้นไม่มีในเรา
- น้อมใจไปดูว่ากายที่เราเอาใจเข้ายึดครองอยู่นี้ คือ เมื่อมโนคือจิตที่ท่องเที่ยวไปซึ่งเกิดแต่วิบากกรรม(ผลกรรมที่ทำในกาลก่อน) มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตามอาศัย ต้องเป็นไปตามวิบากกรรม เข้าปฏิสนธิในสังขารกรรม สังขารธรรม วิญญาณขันธ์ของกุมารหรือกุมาริกาก็แล่นเข้ายึดธาตุ ๔ มโนก็ยึดเอาวิญญาณขันธ์คือจิตที่รู้แต่สมมติทางมโนทวารที่ส่งธัมมารมณ์อันเป็นสมมติมาให้มโนนั้นรู้อีกรอบ 
เมื่อจิตเรานี้จรออกไปเป็นอนัตตาต่อกายนี้ คือ เราไม่มีตัวตนต่อกายนี้แล้ว หากจิตเราไม่มีในกายนี้แล้ว กายอันเป็นที่ประชุมธาตุประชุมโรคนี้ก็เหมือนดั่งกองซากเนื้อหนัง ซากศพ บิดหับงอทับถมไม่มีรูปไม่มีร่างเป็นกองอสุภะ เหมือนดั่งซากซพทั่วไปหรือในสนามรบ เป็นกองธาตุเท่านั้นที่เน่าเปื่อยผุพังย่อยสลายไปในที่สุด ดังนั้นไม่ควรยึดเอากายนี้เป็นตัวตน สักแต่เพียงอาศัยไว้บ่มบารมี 10 ทัศน์ของตนเท่านั้น
- ทำใจให้ผ่องใสดุจดวงประทีป น้อมไปภายในตนไม่ส่งจิตออกนอก เห็นใจในภายในผ่องใสดูจดวงประทีป แต่อาศัยสมมติกิเลสที่จรมาทำให้มัวหมอง จิตรู้สิ่งใดสิ่งนั้นล้วนลมมติทั้งหมด อย่ายึดสิ่งที่จิตรู้  ดังนี้ว่า..
1. ด้วยเห็นโทษ รู้ทุกข์ เกิดมีขึ้นเมื่อเราเสพย์ในสิ่งใด แล้วไม่เสพย์สิ่งใด
2. ด้วยเห็นคุณ จิตชื่นบานผ่องใสเย็นใจ เกิดมีขึ้นเมื่อเราเสพย์ในสิ่งใด แล้วไม่เสพย์สิ่งใด
3. ติดใจข้องแวะสิ่งไรๆในโลกไปย่อมหาประโยชน์สุขไรๆไม่ได้นอกจากทุกข์
4. ไม่ติดใจข้องแวะสิ่งไรๆในโลกด้วยความไม่เอนเอียงอคติเพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะไม่รู้เห็นตามจริง จึงไม่มีทุกข์ ไม่มีโทษ

ข. เมื่อทำสมาธิอบรมจิต

- กรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนี้เราได้รู้เห็นดังนี้ว่า มีไว้เพื่อฝึกให้สติตั้งมั่นจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ทำให้จิตตั้งมั่นจดจ่อเป็นอารมณ์เดียวได้นานตาม ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมศาสดาจะสอนเวลาทำภาวนากรรมฐานเสมอๆในทั้ง ๔๐ กองว่า "มีสติเป็นเบื้องหน้า แล้วทำใจไว้ในภายใน แล้วตามด้วยวิธีเจริญกรรมฐานในกองนั้น"
ประการที่ 1. ให้ทำจิตไว้ในภายในรู้ลมที่พัดเคลื่อนซ่านเข้ามาให้ใจรู้ รู้ลมที่พัดซ่านเคลื่อนออกไปให้ใจรู้เท่านั้น
ประการที่ 2. ปักหลักปักตอรู้ลมหายใจไม่เอนไหลไปที่อื่นในจุดที่ลมผ่าน เช่น ปลายจมูก หน้าอก ท้องน้อย
ประการที่ 3. ให้หายใจเข้ายาวๆ ออกยาวๆ ตั้งจับเอาที่จุดลมผ่านทั้ง 3 จุดตามข้อ 2
ประการที่ 4. ให้หายใจเบาๆช้าๆเข้าออกยาวๆช้าๆเนิบๆ ตั้งจับเอาที่จุดลมผ่านทั้ง 3 จุดตามข้อ 2
ประการที่ 5. ให้ตามร่ลมไปที่จุดพักลมต่างๆที่ลมผ่าน เช่น ปลายจมูก หว่างคิ้ว กลางกระหม่อม โพรงกะโหลกศีรษะ ท้ายทอย ลำคอ หน้าอก ท้องน้อยเหนือสะดือ พัดออกไล่ลมย้อนตามจุดนั้นๆ
ประการที่ 6. มองดูไปที่เบื้องหน้าในขณะที่หลับตานั้น มองดูความว่างที่มืดๆตอนหลับตานั้นแหละ สำเหนียกรู้ว่านั่นแหละสิ่งที่เห็นที่เป็นไปในปัจจุบันแล้วรู้ลมเข้าลมออกไป
 
ค. หากตามรู้ลมหายใจไม่ได้ให้ทำความสงบใจพอ

- หากยังไม่ได้ให้ทำแค่สงบนิ่งเหมือนตอนเด็กๆสงบนิ่งหน้าเสาธงพอ หรือ ทำความสงบนิ่งจากสิ่งทั้งปวงรับรู้แค่ความสงบคู่กายที่เสพย์ลมหายใจเข้าลมหายใจออก
 
ง.. การฝึกตามรู้ สักแต่ว่ารู้แยกกับนิมิตวิตก ด้วยมนสิการทำไว้ในใจ
 
1. เมื่อรู้สิ่งใดมันคิดสิ่งใดก็ปล่อยมันไปแต่เราทำไว้ในภายในให้รู้ว่าเราคิดสิ่งนี้ เกิดแบบนี้ ต้องการอย่างนี้ มีอารมณ์ความรู้สึกอยากให้เป็นแบบนี้ๆเท่านั้น
2. ห้ามไปขัดมัน  ละมันว่าไม่ได้ๆ แล้วโยกสลับกลับไปนั่นไปนี่ ทำแค่ให้รู้ตามมันไปไม่ว่ามันจะตรึกนึกคิดอะไรแค่ตามรู้มันไปพอ เช่น..
ประการที่ 1. หากเมื่อมันนึกคิดถึงผู้หญิงหน้าตารูปร่างแบบนั้นแบบนี้ ก็ให้ตามรู้สักแต่รู้ว่า..อ๋อ..ใจเราชอบคนรูปร่างหน้าตาแบบนี้ มีกริยาวาจาท่าทางแบบนี้ ทรวดทรงองค์เอวแบบนี้ๆ แล้วแนบจิตตามนิมิตความรู้สึกนึกคิดนั้นไปแบบนี้
ประการที่ 2. หากเมื่อมันนึกคิดลงราคะก็ให้ตามรู้ทำสักแต่ว่ารู็ว่า อ๋อ..นี้เรามีความต้องการเมถุนอยู่ มีความต้องการเสพย์เมถุนกับผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาทรวดทรงอย่างนี้ๆ อ๋อนี่แบบนี้เองใจเรามันชอบแบบนี้นี่เอง เลยยังพอไม่ได้อิ่มไม่เป็น
 
จ. อาการเมื่อเกิดความรู้สึกที่สำคํญใจในราคะ
 
- เมื่อเราสำคํญใจในสิ่งใดด้วยราคะ เมื่อได้เฆ็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รู้รส ได้สัมผัส ได้สัมผัสใจ อาการธรรมชาติของจิตมันจะแล่นลงที่ต่ำไปที่อวัยวะเพศของเราในทันที จิตจ้องจับอยู่ที่ตรงนั้นร่วมกับการรู็อารมณ์ทางสฬายตนะ
ประการที่ 1. เมื่อจะแก้ให้ทำสมาธิปักหลักรู้ลมในจุดที่สูง เช่น หน้าอก ปลายจมูก
ประการที่ 2. ทำไว้ในใจในภายในลงจิตหรือดื่มน้ำลงไปแก้วหนึ่งเย็นที่ไหนจับเอาที่นั้นเป็นฐานที่ตั้งแห่งสติตามหลวงปู่เยื้อนสอน ซึ่งจุดนี้ตัวเราได้ทำตามมาสักพักแล้วมีความรู้สึกโดยส่วนตัวว่าจุดตรงนั้นแหละที่ดวงจิตเราอาศัยอยู่ ที่ใกล้มนะ มโนมากที่สุดให้ทำนิมิตไว้ในภายในตรงจุดนั้นอุปมาดั่งแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี แล้วตั้งปักหลักทำจิตโดยความสงบนิ่งหรือรู้ลมพัดซ่านไปในจุดพอ
 
ฉ. ปัญญาธรรม
 
- ปัญญาธรรมโดยแท้จริง คือ การรู้เห็นโลกตามจริง เรียก ยถาภูญาณทัสสนะจุดตัดเข้าพระอริยะบุคคลอันมี นิพพิทา วิราคะ วิมุตติ เป็นผล หรือ ญาณทัสสนะในผู้ที่มีเจโตปริยญาณ
- ปัญญาทางธรรมที่ประกอบไปด้วยคุณ ควรเจริญให้มากๆ ซึ่งเรามักจะเข้าใจผิดกันว่าทางทำทางธรรมคือไม่หือไม่อืออะไร เอาแต่ปล่อยวางทำอะไรไม่ได้ถูกรังแกก้อต้องยอม ทำทางโลกก็ไม่ได้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ปัญญาทางธรรมคือความฉลาดยิ่งในการใช้ชีวิต ถ้านักปฏิบัติธรรมที่ยังไม่บรรลุธรรมใด การอบรมปัญญาคือ การเรียรรู้ใช้ความรู้ความสามารถ ปฏภาณ ไหวพริบ ในการแก้ำไขปัญหาตอบโจทย์ ทำความรู้แจ้งในวิชาและอรรถาธิบายนั้นๆทั้งหลายอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด แล้วใช้ปัญญาปฏิภาณไหวพริบพลิกแพลงแก้ไข ปฏิบัติเรียนรู้ ฉลาดในอารมณ์ รู้ว่าสิ่งใดควรเสพย์ไม่ควรเสพย์ รู้ว่าสิ่งใดก่อประโยชน์สุขสิ่งใดประกอบไปด้วยทุกข์ สิ่งใดทำแล้วได้ผลยิ่งใหญ่ สิ่งใดทำแล้วฉิบหาย แยกแยะถูกผิดชั่วดีได้ ปัญญาที่เรานำทางธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้นั้นตามความเข้าถึงของเราแบ่งเป็น 5 อย่างได้ดังนี้คือ..
 
ฉ.๑. ปัญญาธรรมที่นำมาใช้ในทางโลก
ประการที่ 1. ระดับความจำ คือ การศึกษาเรียนรู้ คือ เรียนรู้แล้วทำความเข้าใจในสิ่งนั้นๆอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด แล้วนำสิ่งที่รู้นั้นไปใช้ประโยชน์
ประการที่ 2. ระดับความคิด คือ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หาแนวทางที่ดีมีประโยชน์เกื้อกูลอันเว้นจากความเบียดเบียน ใช้ปฏิภาณไหวพริบความรู้ความสามารถริเริ่มสร้างสรรค์ฉุกคิดถึงแนวทางและสิ่งใหม่ๆนำเอามาประกอบกับความรู้ที่มี นำมาพลิกแพลงประยุกต์ใช้ให้เข้าให้เหมาะสมกับสภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ สภาพแวดล้อม เปิดโลกทัศน์กว้างไหลไม่ปิดกั้นความรู้ทั้งปวง ไม่ว่าจะง่าย ปานกลาง ยาก ที่ตนรู้แล้วปผ่านมาแล้วก็ทำใจทบทวนความรู้ หากยังไม่รู้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็นับว่าปัญญา พร้อมจะน้อมรับเอาเสมอๆ
ประการที่ 3. ระดับอารมณ์ความรู้สึก คือ ฉลาดในการปล่อยวาง ฉลาดในการข่มใจ ฉลาดในการอดทนอดกลั้น ทนได้รู้ฉลาดในการละวาง ฉลาดในการทำความสงบใจ เลือกอารมณ์ความรู้สึก หรือ ธัมารมณ์ควาามรู้สึกทางใจในแต่ละสถานะการได้ว่า สิ่งใดควรเสพย์ สิ่งใดไม่ควรเสพย์ ไม่ประมาท ไม่ละเลย สำรวมระวังบาปอกศุลกรรมและความเอนเอียงลำเอียงอคติอยู่เสมอๆ
ประการที่ 4. ระดับกาย คือ การกระทำเมื่อเรียนรู้ พลิกแพลง ปรับเทียบ ปรับปรุงให้เหมาะสมตามการได้แล้ว
 
ฉ.๒. ปัญญาธรรมที่นำมาใช้ในทางธรรม
ประการที่ 5. ความรู้เห็นตามจริง ยถาภูญาณทัสสนะ คือ ไม่มีสิ่งใดให้ยึดกมั่นถือมั่น เห็นโลกธรรม ความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เป็นทุกข์ ทุกสิ่งล้วนเกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป
ประการที่ 6. มองโลกด้วยรู้เห็นตามจริงว่าผลลัพธ์ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปแต่เหตุ เพราะอาศัยกรรมให้เป็นไป เรามีกรรมและผลของกรรมเป็นแดนเกิดติดตามอาศัยให้เป็นไป ตึงตั้งมั่นทำในกุศลอันมีจิตผ่องใส มีใจเแอื้อเฟื้อ เว้นจากความเบียดเบียน
ประการที่ 7. ถึงความจริง ถึงของจริงแทงตลอดแยบคาย จนถึงความหน่าย ถึงนิพพิทาญาณ ถึงความอิ่มวางใจ เพิกถอนใจออกจากธรรมอันเป็นสมมติในโลกทั้งปวง ถึงความตัด ถึงวิราคะ ถึงความพ้นทุกข์ บรรลุอรหันต์ ถึุงวิมุตติชาติหน้าไม่มีอีก
 
 


เนื้อหาโดย: ทะเล้น
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กั๋วซิง's profile


โพสท์โดย: กั๋วซิง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
VOTED: อู่ เม่ยเหนียง, บ่าวสันขวาน, Tabebuia, fencerub, น้องหมาเขาบอกว่า, toto, อิเชี่ยตุ๊ดลำปาง, challen, ท่านแมวฮั่ว, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เกมพลิก!! เมื่อหนุ่ม ๆ เเอบเเม่ไปหาปลา เกือบโดนด่า เเต่พอเห็นลูกได้ปลาตัวใหญ่กลับบ้าน เสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะเเม่ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยเมื่อเจ้าหญิงน้อยไอดอลของชาวเขมร บินมาดูคอนเสิร์ตที่กรุงเทพ! แบบนี้มันข้ามหน้าชาวเขมรไปไหมน้อ?😃ราศีที่อ่อนไหวและอ่อนแอที่สุดหนังเรื่อง "คนกราบหมา" ได้เข้าฉายหลังจากถูกแบนมา 25 ปีชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สาว "เจี๊ยบ" ทำเนียนเดินรวมกับ นร.ญี่ปุ่น..ทำเอาหนุ่ม "บอย" ถึงกับแยกไม่ออกชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
รีวิวหนังสือ ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเองtorment: ทรมาน ระทมทุกข์"Colosseum" โคลอสเซียม ณ อิตาลีenhance: เสริม ยกระดับ ทำให้มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่