นายกฯยันไม่เลิก ม.44 ลุยวัดพระธรรมกายจนกว่าธัมมชโยจะมอบตัว-ผบ.ตร.บอกในวัดทำตัวเหมือนนักเลง-ดีเอสไอใช้ Facebook Live ถ่ายสดระหว่างค้นป้องกันบิดข่าว

นายกรัฐมนตรี ประกาศไม่เลิก ม.44 จนกว่าธัมมชโยจะมอบตัว ให้สื่อช่วยบอกคนทำผิดมามอบตัวรวมทั้งบอกพระเอาผ้าปิดจมูกออก ผบ.ตร.มั่นใจจับธัมมชโยได้ชี้พระในวัดไม่ใช่กืจของสงฆ์แต่ทำตัวเหมือนนักเลง ดีเอสไอใช้ Facebook Live สดถ่ายทอดระหว่างค้น ป้องกันการบิดเบือน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงปัญหาการตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า วันนี้โทรทัศน์บางช่อง พิธีกรบางคนระบุว่าใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกายแล้วก็ไม่มีความหมาย กลายเป็นว่ารัฐบาลไม่มีน้ำยา เรื่องนี้หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปัญหาก็จะเกิด กลายเป็นเชียร์มวย ดูกันว่าใครจะชนะระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ ถามว่าเกิดประโยชน์อะไรแก่บ้านเมืองบ้าง เรื่องนี้เป็นคดีความ ถ้าสู้กันตามกระบวนการทุกอย่างก็จบ

“เมื่อตำรวจบอกว่า 7 วัน คือหมายความว่าต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้มีการทำงานร่วมกันทั้งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มหาเถรสมาคม (มส.) ก็ลงมาหารือร่วมกันเพื่อทำให้วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าไป ไม่แปลกประหลาดหรือแตกต่างจากที่อื่น ส่วนคดีความเป็นเรื่องของบุคคล ใครทำผิดก็ว่ากันไป ขอร้องอย่าพูดเหมือนเดิมพันใครจะชนะ เพราะบ้านเมืองจะแพ้ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

สื่อมวลชนควรบอกคนทำผิดมามอบตัว

ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายมีการต่อเติมอาคารและใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คนทำผิดกฎหมายยังไม่มาขึ้นศาลตามกระบวนการ จึงอย่าเพิ่งถามว่าผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดหรือไม่ ดังนั้น สื่อมวลชนจึงควรบอกผู้ที่กระทำความผิดให้มามอบตัว เพราะเป็นหน้าที่ของสื่อที่จะต้องไปบอกว่าขอให้พระสงฆ์เอาผ้าปิดจมูกออก

“ได้ที่ไหน เป็นพระปิดหน้าปิดตา เหมาะสมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนที่ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 ยืนยันว่าผมไม่ยกเลิก เพราะยังไม่จบเรื่องแล้วจะยกเลิกได้อย่างไร กฎหมายเลิกได้ที่ไหน ในเมื่อยังนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องควบคุมไปตลอดจนกว่าพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสจะมอบตัวหรือดำเนินคดีได้ พร้อมบริหารจัดการใหม่ และอย่ามาบอกว่าผมจะไปยึดพระทองคำ เพราะไม่รู้อะไรอยู่ไหน มีหรือเปล่าก็ไม่รู้ และแน่ใจอย่างไรว่าเป็นพระแท้ เป็นไปได้หรือที่นำทองคำไปหล่อพระขนาดนั้น เพราะขนาดสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นยังรั่วเลย คิดแบบนี้ก็จะรู้คำตอบเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ลือในวัดพระธรรมกายไม่ใช่พระเป็นคนงานย่านปทุมธานี

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพระลูกวัดธรรมกายไม่ใช่พระจริง แต่เป็นคนงานในโรงงานย่าน จ.ปทุมธานี ว่า ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าจะเป็นพระจริง หรือพระปลอม

ส่วนการบังคับใช้มาตรา 44 ในการตรวจค้นพื้นที่วัดนั้นจะไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่เรามีกฎหมายว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ควบคุมอยู่ เมื่อถามว่าจะยกเลิกมาตรา44 หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องตรวจค้นพื้นวัดให้ครบทั้งหมด และดูที่ความพร้อม จนทำความเข้าใจได้ครบทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนด้วย

“ผมตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการตรวจค้นวัด รู้แต่ว่าต้องมีความพอใจกันทุกๆฝ่าย เราจะเข้าไปตรวจค้นต่อไป อย่างไรก็ตามเราจะพยายามไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง และไม่ให้เข้าใกล้กัน เมื่อคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ และตัวแทนมหาเถรสมาคม (มส.) รวมทั้งตัวแทนวัดธรรมกายได้หารือถึงข้อตกร่วมกันเพื่อหาทางยุติเรื่องนี้”พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่าหากหาพระธัมมชโยไม่เจอ จะทำอย่างไรต่อไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของมส.ไม่เกี่ยวกับตน จะไปบริหารจัดการวัดก็ไม่ใช่ แต่ทางมส.จะดูแลเองในภาพรวมทั้งหมด “จะมีการเกณฑ์คนมาล้อมทหารก็ให้เกณฑ์มา แต่ตอนนี้ยังไม่เกณฑ์มาจะคิดอะไร ภาพรวมตอนนี้รัฐบาลก็ทำตามกฏหมาย จะมาล้อมทำไม ผมไม่เห็นว่าจะเกิดผลดี” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมมาตรการป้องกันการเกณฑ์คนเข้ามาสมทบเพิ่มเติมในวัดพระธรรมกายแล้วจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่

ผบ.ตร.เผยภายไม่ทราบ 2 มหาเศรษฐีหนุนหลังธัมมชโย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์เกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นและดูแลความปลอดภัยบริเวณวัดพระธรรมกาย ยังเป็นไปอย่างปกติ และขณะนี้ทางดีเอสไอรอเข้าไปตรวจค้น โซน A และ B ของวัด โดยมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งของวัดไม่ยินยอมให้เข้าไปตรวจค้น  แต่การตรวจค้นนั้นดีเอสไอจะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะต้องค้นวันนี้ให้ได้ โดยมีเป้าหมายในการเข้าตรวจค้นอยู่แล้ว

ส่วนการใช้ มาตรา 44 นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่าหากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอยู่แล้ว จึงขออย่าทำผิด

เมื่อถามว่าวัดพระธรรมกายมี 2 มหาเศรษฐีหนุนหลังแอละให้การช่วยเหลือพระธัมมชโยอยู่นั้น ผบ.ตร.บอกว่าไม่ทราบ ส่วนทางวัดใช้โซเชียลปลุกระดมคนนั้น มีการป้องกันอยู่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้พระธัมมชโยมอบตัวต่อสู้คดี อย่านำมวลชนมาเป็นเครื่องมือในการปกป้องตนเอง พร้อมขอให้สื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ส่วนสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ ทางดีเอสไอจะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์แต่อย่างน้อยกำหนดไว้ 7 วัน ทั้งนี้ เห็นว่าศิษย์ควรให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นตามหมายศาล ซึ่งการไม่ให้ค้นมองว่าอาจมีเจตนาไม่ดี เพราะหากให้ค้นยอมทำตามกฎหมายเรื่องก็จบ

ผบ.ตร.บอกว่าพระทำไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ทำแบบนักเลงมากกว่า

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า มาตรา 44 สามารถจับกุมพระธัมมชโยได้แน่นอน เพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พร้อมกล่าวว่าไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่มองว่าการกระทำของวัดในขณะนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่เป็นการกระทำแบบนักเลงมากกว่า “ตำรวจไม่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีความจำเป็น ตำรวจไม่ได้พกอาวุธ รวมทั้งสนับมือตามที่มีกระแสข่าว

ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้ให้ราคากรณีพระธัมมชโยไม่มอบตัว แต่เวลาถูกจับกุมอย่าเรียกร้องขอปล่อยตัวแล้วกัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับกำลังดูแลภายในวัด แต่ตนเองเป็นห่วงประชาชนคนบริสุทธิ์ในบริเวณนี้มากกว่า จึงใช้กำลังจำนวนมาก ไม่ใช่การขี่ช้างจับตั๊กแตน มาจับพระเพียงรูปเดียว

ดีเอสไอเตรียม Facebook Live สดป้องกันบิดข่าว

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ปฏิบัติการตรวจค้นเพื่อจับกุมตัวพระธัมมชโยในวันที่ 6 ดีเอสไอจะเข้าตรวจค้นพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายร่วมกับทหาร ตำรวจ ซึ่งการตรวจค้นครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติปรับแผนในการตรวจค้น เนื่องจากเกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มมวลชนวัดพระธรรมกาย และมีการนำเสนอข่าวเรื่องผู้บาดเจ็บจากการปะทะ โดยดีเอสไอจะมีการ Live Facebook สด เพื่อให้ประชาชนได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ ว่าการเข้าตรวจค้นนั้นปราศจากอาวุธและความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้พูดคุยกับพระผู้บริหารวัดธรรมกายเพื่อ ขอให้สื่อสารกับพระลูกวัดและกลุ่มศิษย์ที่มาชุมนุม ว่า เจ้าหน้าที่ต้องการเข้าตรวจค้นวัดเพื่อหาผู้ต้องหาตามหมายจับ ไม่ได้ใช้กำลังความรุนแรงกับพระและผู้ชุมนุม ซึ่งทางวัดธรรมกายได้รับปากว่าจะไปพูดคุยให้ โดยหลังจากตรวจค้นดีเอสไอจะแถลงสรุปผลปฏิบัติการเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบในแต่ละวัน

ส่วนกรณีการเรียกพระ 14 รูปเข้าให้รายงานตัว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอ จะยังไม่ขอออกหมายจับ ทุกอย่างเป็นตามขั้นตอนของกฏหมาย