พรรคการเมืองเสนอทางปรองดอง สร้างระบบการเมืองเป็นธรรม
โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ภาพรวมเวทีรับฟังความเห็นสร้างความปรองดองพรรคการเมืองเป็นไปด้วยดี และพรรคที่ร่วมพูดคุยเห็นกับการร่วมมือเดินหน้าประเทศผ่านกระบวนการปรองดอง ชี้ควรสร้างระบบการเมืองเป็นธรรม แนะทุกพรรคยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่เคลื่อนไหวนอกสภา
เมื่อวันที่ 15 กุมพาพันธ์ 2560 พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง กล่าวภายหลังที่ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา (ชพ.) เข้าเสนอแนวทางปรองดอง ว่า สำหรับบรรยากาศพูดคุย เสนอแนะเรียบร้อยเป็นกันเอง สร้างสรรค์ รวมทั้งเปิดใจกว้าง ตรงไปตรงมา ในการให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ
ซึ่งภายหลังพรรคการเมือง ทั้ง 4 คือ พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งกระเทศไทย พรรคความหวังใหม่ และพรรคชาติพัฒนา ต่างแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการปรองดองว่าต้องสร้างความปรองดอง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมาทำให้ประเทศเสียโอกาส สังคมไทยติดหล่ม เกิดความขัดแย้งมานาน ซึ่งกระบวนการปรองดองทำให้เราได้จะทำให้สังคมไทยเดินออกจากความขัดแย้งได้ เพื่อนำไปสู่อนาคตในการอยู่ร่วมกันประเทศ โดยจำเป็นต้องสร้างความปรองดองก่อนการเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย และเป็นที่ยอมรับตามหลักสากล
ทั้งนี้ทุกพรรคเห็นว่า1.ประเด็นการเมืองมีความสำคัญมากที่สุดต่อความขัดแย้งที่ผ่านมา เพราะเกิดจากการแสวงหาอำนาจ และรักษาอำนาจ หาผลประโยชน์ รวมทั้งใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ โดยเสนอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมในการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งเห็นควรให้ทำกระบวนการเลือกตั้งอย่างสุจริตเที่ยงธรรม และเกิดการยอมรับกันทุกฝ่าย อีกทั้งพรรคการเมืองต้องไม่สร้างปัญหาทำให้ติดหล่มทางการเมือง โดยควรใช้กลไกรัฐสภาแก้ปัญหาเท่านั้น และไม่ออกมาเคลื่อนไหวนอกรัฐสภา ซึ่งทุกพรรคการเมืองควรมีข้อตกลงร่วมกันเหมือนสัญญาประชาคมว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาทุกฝ่ายต้องยอมรับ และทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า 2.ความเหลื่อมล้ำต้องเข้าถึงการใช้ทรัพยากรและต้องบริหารจัดการน้ำโดยรัฐต้องบริหารที่ดิน และแหล่งน้ำประโยชน์สูงสุดอย่างเป็นธรรมกับเกษตรกร 3 . เรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาในการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยการแทรกแซง ซึ่งทุกพรรคเห็นว่าควรสร้างหลักนิติรัฐและนิติธรรมให้ทั่วถึงทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทุกฝ่าย 4.สื่อมวลชน ทุกพรรคเห็นว่าสื่อมวลชนไม่ควรปลุกเร้าให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ควรระวังรับผิดชอบในการเสนอข้อมูลข่าวสาร ภายใต้กรอบจริยธรรมสื่อ และสนับสนุนป้องกันการคุกคามในการทำงานของสื่อ อีกทั้งสื่อควรเสนอข่าวเพื่อให้คลี่คลายขัดแย้ง
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า 5.การทุจริตคอรัปชั่นทุกพรรคตรงกันว่าต้องมีมาตรการทางกฎหมาย มีการจัดตั้งศาลเฉพาะในการดำเนินการคดีทุจริต เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีบทลงโทษที่รุนแรง และรวดเร็ว พร้อมทั้งมีมาตรการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ เพื่อป้องกันการทุจริตภายในองค์กร 6.ด้านการต่างประเทศ ทุกพรรคเห็นว่าไม่ควรนำปัญหาภายในประเทศไปขยายให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ชาติ 7.การปฏิรูปนั้นก็เห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปอย่างจริงจัง ทุกด้านพร้อมๆกัน 8.สังคมเศรษฐกิจเพื่อเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามกรอบรัฐธรรมนูญ และต้องมุ่งพัฒนาไปทุกกลุ่มรายได้ เพื่อนสร้างความเข้มแข็งและกระจายรายได้ให้กับประชาชน 9.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั้นทุกพรรคเห็นตรงกันว่าเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นเสมือนเครื่องมือที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย และมีทิศทางที่ชัดเจน
พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า ในวันที่16 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00-12.00 น. คณะอนุกรรมการจะเชิญพรรรคไทยรวมพลัง พรรคไทยมหารัฐพัฒนา พรรคประชากรไทย ส่วนช่วงบ่ายเวลา13.30-16.30 น. จะเชิญ พรรคชาติไทยพัฒนา สำหรับวันที่17 กุมภาพันธ์ เวลา09.00-12.00 น. จะเชิญพรรคประชาธิปัตย์มาพูดคุยเสนอแนะแนวทางการปรองดอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอความร่วมมือนักการเมืองที่เข้ามาเสนอแนวทางการปรองดอง ควรงดสัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุย หรือไม่ พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ขอให้พรรคการเมืองใช้ดุลยพินิจความเหมาะสมในการเสนอข่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสร้างความปรองดองทางสังคม รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วยในการตั้งประเด็นคำถามที่มีเงื่อนไขทางสังคม
“เราขอเวลาเพียง 3 เดือนในการรวบรวมความคิดเห็นของทุกพรรคการเมือง เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอร่วมเป็นสัญญาประชาคม ดังนั้นขอเวลานิดเดียวให้ทุกความเห็นตกผลึกเป็นสัญญาประชาคมที่กำหนดอนาคตการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมไทย” พล.ต.คงชีพ กล่าว