คนการบินไทยรวมพลังให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้ ม.44 ตรวจสอบทุจริตเผยปี 2551 ขาดทุนกว่า 2 หมื่นล้านยังอนุมัติจัดซื้อเครื่อง 75 ลำ
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 ที่สนามบินสุวรรณภูมิพนักงานการบินไทยรวมตัวกันเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ใช้ ม.44 ตรวจสอบการบินไทย
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 3560 เครือข่ายคนบินไทยจิตอาสาต้านโกง กว่า 200 คนรวมตัวกันที่บริเวณหน้าอาคารศูนย์ปฏิบัติการการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ แถลงเรียกร้องให้สื่อมวลชน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบการบริหารภายในของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)โดยให้ ตรวจสอบคณะกรรมการบอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัทการบินไทยฯ ที่ดำเนินนโยบายและบริหารงาน สวนกระแสกับสถานะทางการเงินที่แท้จริงของบริษัท จนทำให้บริษัทมีหนี้ผูกพันระยะยาว และส่งผลให้บริษัท ทริส เรตติ้งซึ่งเคยจัดอันดับความน่าเชื่อถื่อในสถานะทางการเงินของบริษัทฯจัดอันดับให้ลดลง สะท้อนผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในบริษัท
โดยเฉพาะการอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2552-2554 บริษัทฯ กำลังประสบภาวะขาดทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทในปี 2551 ด้วยแผนการจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 2 ล็อต รวม 75 ลำ แบ่งออกเป็นล็อตแรก 37 ลำ มูลค่า 200,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2561 และล็อตที่ 2 อีก 240,000 ล้านบาท จำนวน 38 ลำ เพื่อเข้าฝูงบินของบริษัทการบินไทย โดย มติ ครม.ปี 2553 รวมมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท แม้การจัดซื้อในล็อตที่ 2 จะถูกยกเลิกก็ตาม
นอกจากนั้นบอร์ด และฝ่ายบริหารของบริษัทในแผนฟื้นฟูกิจการปี 2552 ยังได้ร่วมกันลงมติเปลี่ยนแปลงแก้ไข อายุการใช้งานจริงของเครื่องบินแต่ละแบบ จนส่งผลให้เครื่องบินเกือบ 50 ลำของฝูงบินบริษัทฯ ต้องถูกปลดระวาง ก่อนการหมดอายุการใช้งานจริง จอดรอขายทั้งที่สนามบินอู่ตะเภา และดอนเมือง เพื่อนำมาซึ่งการจัดซื้อเครื่องบินใหม่
การบริหารงานดังกล่าว กลุ่มเครือข่ายคนบินไทยจิตอาสาต้านโกง เชื่อว่า ส่งผลให้บริษัทฯมีหนี้สินผูกพันระยะยาวจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างการแปลงและปรับระบบเครื่องบิน ทั้ง เก้าอี้ภายในเครื่อง หรือ ซีท โมดิฟาย ระบบสาระบันเทิงภายในเครื่องบิน หรือ ไอเอฟอี และระบบ ไวไฟ ซึ่งใช้งบลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านบาทในปี 2560
นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ เพื่อตรวจสอบปัญหาทุจริตเชิงนโยบายด้วย
รวมทั้งยังเรียกร้องให้ประธานคณะกรรมการและฝ่ายบริหาร บริษัท การบินไทย ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการแผนฟื้นฟูบริษัทในช่วงปี 2552-2554 ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อแผนและนโยบายที่ผิดพลาดจนก่อให้เกิดปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องและสร้างหนี้สินผูกพันระยะยาว ซึ่งในฝ่ายบริหารชุดนั้น มีประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทยคนปัจจุบัน คือนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน รวมอยู่ด้วย
นายนเรศ ผึ้งแย้ม ตัวแทนกลุ่มพนักงานการบินไทยจิตอาสาต้านโกง กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะหารือกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังหน่วยงายภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบ ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบทางบัญชีผลบประกอบการของบริษัทการบินไทย ว่าบัญชีผลประกอบการเกิดจากการแต่งบัญชีและยัดไส้ค่าด้อยสภาพเครื่องบิน ที่ผิดไปจากความเป็นจริงหรือไม่
รวมทั้งตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทลูก โดยเฉพาะไทยสมายล์ นกแอร์ และวิงสแปน ว่าการดำเนินนโยบายดังกล่าวเป็นไปเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของบริษัทหรือเพื่อเอื้อต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ และให้ สตง.ตรวจสอบทางบัญชีผลประกอบการบริษัทว่าเกิดจากการแต่งบัญชีผิดไปจากความเป็นจริงหรือไม่
“ยืนยันว่าการรวมตัวกันครั้งนี้ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อผู้โดยสารที่มาใช้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อจากนี้จะรอดูท่าทีของฝ่ายบริหารดังที่กล่าวไป และท่าทีของหน่วยงานภาครัฐว่าเป็นอย่างไรก่อน แล้วพนักงานค่อยจะตัดสินใจร่วมกันว่าจะรวมตัวกันอีกครั้งหรือไม่”นายนเรศกล่าว