กทม.สั่งยกเลิก BRT เมษายนนี้ ชี้ ขาดทุน 200 ล้านทุกปี อีกทั้งไม่ช่วยแก้ปัญหารถติด
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 รายงานข่าวจาก กองประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุว่า พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ประชุมมีมติยกเลิกการดำเนินโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT) โดยที่ประชุมได้พิจารณาจากความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสภากรุงเทพมหานคร คือโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ BRT ไม่ใช่ภารกิจหลักของกทม. เป็นการใช้งบประมาณที่สร้างภาระให้แก่กทม. เนื่องจากเกิดสภาวะขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งโครงการนี้เกิดจากนโยบายของผู้บริหารกทม. (สมัยหนึ่ง) และบางโอกาสถูกนำมาใช้ในการสร้างคะแนนนิยม นอกจากนี้ รถ BRT ยังไม่ได้ให้บริการกับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง และตลอดการดำเนินการที่ผ่านมายังไม่สามารถปรับปรุงการบริการให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้ ดังนั้นจึงเห็นควรยุติการดำเนินโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดสัญญาในเดือน เมษายน 2560
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวถึงคณะผู้บริหารกทม.ดังกล่าวด้วยว่า มติยกเลิกโครงการ BRT สายสาทร-ราชพฤกษ์ หรือสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ โดยโครงการ BRT ใช้ผิวจราจร 1 ช่องทางเพื่อรถเมล์ BRTเป็นเฉพาะ ทำให้คนกลุ่มใหญ่ที่ใช้ถนนเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมา จนบางครั้งก็มีรถยนต์ขับในช่องพิเศษ ทำให้รถบีอาร์ทีไม่สามารถทำความเร็วได้ เมื่อใช้ความเร็วไม่ได้ก็ไม่มีคนนั่ง ซึ่งยอดผู้โดยสารมีส่วนหนึ่งจากเด็กนักเรียนและผู้สูงอายุที่นั่งฟรี ทำให้กทม.ขาดทุนสะสมมาต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาททุกปี ขณะเดียวกัน สตง. ทำหนังสือแจ้งเตือนให้กทม.ทบทวนโครงการมา 2 ครั้งว่า ไม่ใช่ภารกิจของกทม. และเป็นโครงการทำลายวินัยการเงินการคลัง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจราจร ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มเป้าหมาย และไม่ได้ให้บริการกับประโยชน์สาธารณะ
สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น กทม. จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้าว่าจะยุติโครงการดังกล่าว และมอบสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ไปประสานกับ ขสมก. ให้จัดรถโดยสารประจำทาง มาเดินรถแทน ส่วนการใช้ประโยชน์จากสถานีรถ BRT ภายหลังยกเลิกโครงการนั้น จะยังคงสถานีให้เป็นป้ายรถประจำทาง นอกจากนี้กทม. จะคืนพื้นผิวจราจรในช่องการเดินรถBRT เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนต่อไป พล.ต.ท.อำนวยกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์" ว่า ยกเลิก BRT คิดดีแล้วหรือ เพราะพลันที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศยกเลิกให้บริการรถประจำทางด่วนพิเศษ หรือ BRT ได้มีเสียงสะท้อนในเครือข่ายสังคมมากมาย ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ยกเลิก พร้อมทั้งตำหนิการบริหารจัดการเดินรถของ กทม. ในฐานะผู้ริเริ่มทำโครงการเมื่อปี พ.ศ.2548 สมัยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้ทำจนจบ หลังจากพ้นตำแหน่งรอง ผู้ว่าฯ กทม. แล้วทราบว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการบางประการ ไม่เป็นไปตามแนวคิดที่ได้วางไว้ ทำให้ประสิทธิภาพของ BRT ลดลงเมื่อเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2553
BRT มีผู้โดยสารเฉลี่ยในวันทำการในปี พ.ศ.2559 ถึง 23,427 คนต่อวัน ถือว่ามากกว่าผู้โดยสารของ BRT ในต่างประเทศหลายเมือง ที่สำคัญ มีจำนวนผู้โดยสารพอๆ กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - เตาปูน ในขณะที่ค่าสร้าง BRT ถูกกว่าค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงถึงประมาณ 20 เท่า เมื่อดูผลประกอบการ ปรากฏว่า BRT ขาดทุนเพียงแค่ประมาณ 500,000 บาทต่อวัน ในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง ขาดทุนถึงประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อวัน หาก กทม. อ้างการขาดทุนเป็นเหตุผลสำคัญในการยกเลิก BRT ขอถามว่าเหตุใดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จึงไม่ยกเลิกรถไฟฟ้าสายสีม่วง เหตุใดองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จึงไม่ยกเลิกการให้บริการถเมล์ หรือเหตุใดการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จึงไม่ยกเลิกการให้บริการรถไฟ เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้ต้องแบกภาระการขาดทุนหนักกว่า กทม. หลายเท่า
ทั้งนี้ นายสามารถ ระบุอีกว่า น่าเสียดายที่ กทม. ยกเลิก BRTโดยไม่คำนึงถึงข้อคิดเห็นของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ที่ไม่ได้ต้องการให้ยกเลิก แต่เสนอแนะให้ปรับปรุงการให้บริการให้ดีขึ้น เพราะตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา กทม. ได้ปรับอัตราค่าโดยสารจากเดิม 5 บาทตลอดสาย เป็นการเก็บตามโซนหรือพื้นที่โดยมีค่าโดยสาร 2 อัตรา คือ 5 บาท และ 10บาท ปรากฏว่า กทม. สามารถเก็บค่าโดยสารได้เพิ่มขึ้นถึง 27% ทำให้การขาดทุนลดลง
ดังนั้น การยกเลิก BRT เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดของ กทม. เพื่อป้องกันปัญหา ที่เกรงว่าจะมาถึงตัวผู้รับผิดชอบ หากไม่ยกเลิก แต่จะเป็นทางเลือกที่ยากที่สุดของหน่วยงานอื่นที่ต้องการจะประยุกต์ใช้BRT ในหัวเมืองหลักในภูมิภาค ดังนั้น ต่อจากนี้ การแก้ปัญหาจราจรก็จะมุ่งไปที่รถไฟฟ้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด มีประชากรมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ทำให้เป็นการลงทุนมากเกินตัว ด้วยเหตุนี้ ก่อนถึงวันที่ 30 เมษายน 2560 อยากขอให้ กทม. ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง หากมุ่งมั่นที่จะปรับปรุง BRT มั่นใจว่า กทม. จะสามารถลดการขาดทุนได้แน่ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.กล่าว
ที่มา : ประชาไท INN