ตำรวจสงสัยประเด็นเงิน 6 ล้านที่เบนซ์ เรซซิ่ง อ้างยืมจากมาดาวน์รถ-ยังไม่สรุปและยังไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินให้กลุ่มค้ายาเสพติด

ตำรวจสอบปากคำ เบนซ์ เรซซิ่งกว่า 5 ชั่วโมงเจ้าตัวให้ความร่วมมืออย่างดี เผยไม่รู้จักไซซะนะ ไม่รู้ว่าบอยมีเบื้องหลังค้ายาเสพติด ยอมรับยืมเงินสด 6 ล้านมาดาวน์รถ เจ้าหน้าที่เตรียมประชุมสัปดาห์หน้าหาความเชื่อมโยง ยังไม่ตั้งข้อหา แต่สงสัยที่ไปที่มาของเงิน 6 ล้านยืมไปซื้อรถและใช้คืนกันอย่างไร เบนซ์รวบรวมหลักฐานชี้แจงเพิ่มเติม

เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เจ้าของร้านเเอเรีย 51 (Area51)ใต้อาคารธนดลแมนชั่น ซอยอินทามาระ51 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง พร้อมด้วยทนายความและญาติพี่น้องเดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดตามที่ได้นัดหมายว่าจะเข้าพบและให้ข้อเท็จจริงตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการ

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนสอบปากคำนายอัครกิตติ์หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นานกว่า 5 ชั่วโมง นายอัครกิตต์ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกว่า หลังจากทราบข่าวเมื่อวานนี้ ( 2 กุมภาพันธ์) ตนรู้สึกตกใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข่าวทางโซเซียลต่างๆ ที่ออกไปก็ยังไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง แต่ตนมีการแสดงความบริสุทธิ์โดยได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้ามาชี้แจงพร้อมกับหลักฐาน โดยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์มาไม่ทันจึงนัดหมายกันว่าเวลา 15.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ยินดีจะเข้ามาให้ปากคำและแสดงความบริสุทธิ์และนำหลักฐานที่มีมาแสดงด้วย

“ จากที่ทุกคนมองเบนซ์ไม่ดีจากการเสพสื่อทางข่าวโซเซียลซึ่งมันเร็ว ขออย่าเพิ่งไปฟังอะไรมากมายแล้วไปตัดสินใจ เบนซ์เข้าใจว่าอาจจะมันส์ปากสนุกปาก แต่ต้องรับฟังความเป็นจริงก่อนว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร จึงเดินทางมาให้ปากคำและนำหลักฐานมาชี้แจง ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของบช.ปส.ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลเป็นอย่างดี”นายเบนซืกล่าว

ส่วนเรื่องที่มีข้อสงสัยอะไรก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมแล้วสรุปก่อน เรื่องผลคดีก็รอติดตามต่อไป นายเบนซ์ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักนายไซซะนะ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 มกราคม

ทนายความยันไม่ได้ค้ายาเสพติด

ทางด้านนายศรัญ กฤษ์อัตการ ทนายความ กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมายเป็นเรื่องของคดีความ แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าเบนซ์ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งสิ้น เบนซ์เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนคนหนึ่ง จากการซื้อทรัพย์สินบางอย่าง ความบริสุทธิ์ใจของเบนซ์ได้นำมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วที่เหลือก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่แค่วันนี้ตลอดทางจนจบกระบวนการของกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ในครั้งนี้ อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการเบนซ์ก็จะมาช่วยจนจบเรื่องนี้

ภายหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วนายอัครกิตต์พร้อมครอบครัวได้เดินขึ้นรถยนต์ โดยนายเบนซ์ได้โอบกอดมารดาเดินไปขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 3กล 8403 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ออกเดินทางกลับทันที

ตำรวจขอเวลาสอบเส้นทาและความเกี่ยวพันการเงิน

พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส.เปิดเผยว่า ในวันนี้นายเบนซ์ให้การที่เป็นประโยชน์ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่จะนำคำให้การที่ได้สอบปากคำในวันนี้ ไปเทียบเคียงกับแนวทางการสืบสวน เช่นบัญชีธนาคาร เส้นทางการเงินต่างๆ ขั้นตอนเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลา

แม้นายเบนซ์จะยืนยันว่าไม่รู้จักนายไซซะนะ แต่ต้องทำความเข้าใจว่าเครือข่ายยาเสพติดมีขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องหาความเชื่อมโยงทั้งหมด ในส่วนบุคคล ทรัพย์สิน แต่ขณะนี้ไม่พบว่าเบนซ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

“อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำนายเบนซ์ให้การถึงที่มาของรถลัมโบกีนี่ว่า ได้ยืมเงินสดจากนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เป็นเงิน 6 ล้านบาท เพื่อนำไปดาวน์รถ ภายหลังได้ใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนไปแล้วบางส่วน ซึ่งความสัมพันธ์ของนายบอยและเบนซ์ สนิทกันเพราะว่าชอบเรื่องความเร็ว และการแต่งรถ นายเบนซ์ให้การว่าไม่รู้ว่านายบอยมีเบื้องหลังเป็นอย่างไร “พล.ต.ต.ชาตรีกล่าว

สำหรับบัญชีเงินฝากโดยมีเงิน  3 แสนบาทที่นายบอยโอนเงินเข้าบัญชีร้านแอเรีย 51 ทุกเดือนนั้น พล.ต.ต.ชาตรีเปิดเผยว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยประสานไปทางปปง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางเงินทั้งหมด เช่นเดียวกับกรณีอาวุธปืน แม้จะอ้างว่ามีใบครอบครองอาวุธ ก็ต้องไปตรวจสอบที่มาว่าได้มาอย่างไร

พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวว่ากรณีรถบิ๊กไบค์สองคัน ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดนั้น นายเบนซ์ให้การถึงที่มาว่า เป็นคนชอบซื้อรถประเภทบิ๊กไบค์ โดยซื้อมาขายไป แต่ส่วนนี้ไม่ปรากฏว่าเกี่ยวโยงกับนายบอย

ในส่วนของพฤติกรรมการสับทะเบียน นายเบนซ์ให้การว่า ชื่นชอบในเลข 51 ซึ่งเป็นเลขทะเบียน กจ 51 กทม. โดยปกติเวลาขายรถยนต์จะขายเฉพาะตัวรถ แต่จะเก็บทะเบียนไว้ เพื่อนำมาติดในรถคันใหม่  ในกรณีนี้นายเบนซ์ให้การว่ากรมการขนส่งยังไม่ได้อนุมัติ แต่เจ้าตัวคิดว่าขนส่งน่าจะอนุมัติ จึงนำมาติดเองไว้ก่อน อย่างไรก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.จราจร

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. กล่าวว่า เบื้องต้นจะนำสำนวนการสอบปากคำในวันนี้มาทำการสรุป พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กรมขนส่งทางบก สำนักงานปปง. เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทำการสรุปสำนวนทั้งหมดในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่พบข้อสงสัยในประเด็นใดนั้น อาจจะต้องเรียกเจ้าตัวรวมทั้งบุคคลใกล้ชิดมาสอบปากคำ ในส่วนกรณีดาราสาว แพท ณปภา ขณะนี้ยังไม่เชิญตัวมาสอบปากคำ ต้องรอผลสรุปสำนวนเสียก่อน

อย่างไรก็ตามหลังจากสอบปากคำยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่ชุดสืบสวนให้ความสำคัญและให้ข้อสงสัย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยืมเงิน 6 ล้านบาทที่สามีของดาราสาวอ้างว่านำไปดาวน์รถ ต้องตรวจสอบว่ามีการชดใช้ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ในวันนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหานายเบนซ์ ต้องรอผลสรุปสำนวนเสียก่อน

ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/2

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/2 ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ด้วยการค้น 40 จุด ทั่วประเทศที่เป็นเครือข่าย นายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชานักค้ายาเสพติดชาวลาว ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 มกราคม บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ

หนึ่งในนั้นมีร้านแอเรีย 51 ธนดลแมนชั่น ซอยอินทามระ 51 ร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นักแข่งรถจักรยานยนต์ สามี แพท-ณปภา ตันตระกูล ดาราสาวและพิธีกรชื่อดัง หลังจากถูกซัดทอดมีหน้าที่ฟอกเงินให้เครือข่าย ก่อนที่นายอัครกิตติ์เดินทางพร้อมทนายความนำหลักฐานเอกสารบางส่วนเข้าชี้แจงกับตำรวจ บช.ปส. เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินหลายรายการ โดยเฉพาะรถยนต์หรู ยี่ห้อ ลัมโบร์กินี กัลลาโด (Lamborghini Gallardo) รุ่นย่อย SuperLeggera LP 570-4 สีเทา-ดำ ที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากตำรวจสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ

รถยนต์หรู ยี่ห้อ ลัมโบร์กินี กัลลาโด (Lamborghini Gallardo)มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทที่ตำรวจสงสัยการยืมเงิน 6 ล้านซื้อมีการชดใช้เงินกันอย่างไร

ตำรวจยังสงสัยเงิน 6 ล้านบาท-เบนซ์รวบรวมหลักฐานชี้แจงเพิ่มเติม

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส. เปิดเผยเพิ่มเติมว่าหลังการสอบถาม พนักงานสอบสวนยังไม่นัดหมายการเข้าพบครั้งถัดไป แต่ทราบว่านายอัครกิตติ์ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เหลือเพื่อเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม

สำหรับการตรวจสอบข้อมูลตามการซักถาม ขณะนี้ได้ บช.ปส.ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อขอตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะประเด็นเงิน 6 ล้านบาทที่นายอัครกิตติ์ อ้างว่าได้ขอยืมจากนายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย เครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ จะต้องตรวจสอบว่ามีการยืมเงินเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินมีที่มาอย่างไรหรือเป็นตัวแทนในการดำเนินการแทนนายณัฐพลในการซื้อรถลัมโบร์กินีหรือไม่ เนื่องจากนายณัฐพลเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติด จึงไม่สามารถครอบครองทรัพย์สินใดๆได้

ส่วนประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของ นายอัครกิตติ์ และนายณัฐพล ที่รู้จักและสนิทสนมกันจากความรัก ความชื่นชอบเรื่องการแต่งรถ มองว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องที่เกิดข้อสงสัย คือประเด็นการยืมเงิน 6 ล้านบาทไม่มีหลักประกันใดๆ แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ นายณัฐพล เคยยืมเงิน 5 แสนบาท จากนายอัครกิตติ์ โดยให้ทะเบียนรถหรือคู่มือรถ รถโฟลค์สีขาว ทะเบียน กจ 51 ไว้ อีกทั้งต่อมายังมีประเด็นสงสัยเรื่องที่นายอัครกิตติ์ ได้โอนกรรมสิทธิ์รถโฟลค์ที่มีราคาหลักล้านบาท สูงเกินกว่าเงินที่ยืมเป็นของตน ซึ่งนายอัครกิตติ์ ยังไม่ได้ตอบรายละเอียดในเรื่องนี้