ประสบการณ์ การทำหมันชาย และการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ ในชีวิตลูกผู้ชายแล้วนอกจากการ เกณฑ์ทหาร การบวชเรียนแล้ว ก็ยังมีเรื่องการทำหมัน(เกี่ยวไหมฮ่าๆ) วันนี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การทำหมันชาย และการดูแลหลังผ่าตัดครับ สาเหตุของการทำหมันก็คือผมกลัวการมีลูกครับ ปัจจุบันผมมีลูกแล้ว 2 คนเป็นผู้ชาย ทั้ง 2 คน คนเล็กอายุ 1 ปีกว่า ส่วนคนโตนี่ 4 ปีกว่า คือหากคนมีลูกแล้วคงเข้าใจโมเม้นเวลาลูกดื้อ หรือซนนี่แหละครับว่าในบางครั้งมันช่างเหลืออดซะเหลือเกิน ผมจึงอยากหยุดไว้แค่นี้ หลายๆคนถามผมทำไมไม่ให้ผู้หญิงทำ ผมก็จะตอบว่าในตอนท้องที่ 2 นั้นแฟนผมเขายังกังวลอยากได้ลูกสาวสักคน เลยไม่ยอมทำในขณะนั้น ผ่านมาได้สักระยะเราสองคนจึงรู้ว่า 2 คนนี่ก็พอดีกับกำลังแล้วล่ะ(จริงๆผมอยากจะมีแค่คนเดียวด้วยซ้ำ ฮา) ผมจึงอาสาทำหมันแบบเด็ดเดี่ยวเองซะเลย
เริ่มแรกก็ทำการบอกพ่อบอกแม่ของเราซะก่อน พ่อแม่ก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเพราะว่าเรายังอายุน้อย (26) กลัวลูกเจ็บบ้างอะไรบ้าง แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แฟนผมจะได้ไม่ต้องกินยาคุมนานๆ หรือต้องใส่ถุงยางเวลาทำกิจกรรมกัน ไหนจะเรื่องเวลาที่ต้องลุ้นหากมีน้องว่าจะแข็งแรงไหม สมบูรณ์ไหม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆสำหรับผม จากนั้นก็ทำการลางานครับ พอดีที่บริษัทผมมีสวัสดิการลาทำหมันได้ ก็เลยใช้สิทธิ์ตรงนี้เลย ต่อมาก็คือการไปพบแพทย์ครับ ผมไปที่โรงพยาบาลชลบุรี แต่หมอที่ดูแลเรื่องนี้จะเข้าตรวจวันพฤหัสบดี จึงทำการนัดเข้าพบหมอ
วันนัด
หมอ : ทำไมถึงทำครับ
ผม : มีลูกพอแล้วครับ
หมอ : มีลูกกี่คนแล้วครับ แล้วอายุกันเท่าไร
ผม : มี 2 คนครับ ชายทั้งคู่คนเล็ก 1 ขวบกว่า
หมอ : ไม่เอาลูกสาวอีกสักคนหรอ ทำแล้วแก้ลำบากนะ ตัดสินใจดีแล้วหรือยัง
ผม : ดีแล้วครับ
หมอ : วิธีที่หมอจะทำเรียกว่า หมันเจาะ ไม่รมยาสลบ จะทำการฉีดยาชาที่ไข่ (ตอนแรกผมพูดอัณฑะ หมอบอกพูดไข่ก็ได้) และทำการเจาเป็นแผลเล็กๆ เพื่อนำท่อนำน้ำเชื่อ มาผูก 2 ข้างแล้วตัดและทำการเย็บด้วยไหมละลาย ขณะทำมันจะ จุกๆ หน่วงๆ ส่วนเรื่องผลข้างเคียง ไม่มีแน่นอน ยังใช้การได้ปกติ ไม่อ้วน ฮอโมนอะไรเหมือนเดิม
ผม : ครับหมอ
หมอ : วันจันทร์เลยไหม
ผม : ได้ครับ
หมอ : ไม่เปลี่ยนใจนะ
ผม : ไม่ครับ
หมอ : งั้นไปนอนบนเตียง ผมขอดูหน่อย
ผม : นอนลงบนเตียงเปิดกางเกงให้หมอดู
จากนั้นหมอก็คลำๆ ที่อัณฑะและดึงเส้น ที่ 1 และ เส้น ที่ 2 และบอกว่า นี่แหละเจอที่ผมจะทำ มันจะจุกๆหน่วงๆแบบนี้ ซึ่งในขณะดึงมันก็จุกจริงแหละครับ จากนั้นหมอก็จะให้ผมรอข้างนอกห้องตรวจ และเราก็จะได้ใบนัดเผื่อทำการผ่าตัดโดยนัดวันจันทร์ เวลา 8.30 ซึ่งในใบนัดนั้นจะมีรายละเอียดการเตรียมตัวมาได้แก่
คำแนะนำก่อนวันผ่าตัด
- ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร
- อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ ให้สะอาด
- ไม่นำทรัพย์สินมีค่ามาในวันผ่าตัด
คำแนะนำในวันผ่าตัด
- ให้พาญาติมา 1 คนเพื่อความสะดวกในการดูแล
- วิธีการต่างๆในโรงพยาบาล
วันผ่าตัด
ก็ทำการลงทะเบียนอะไรให้เรียบร้อย จนมารอที่หน้าห้องผ่าตัด สักพักพยาบาลก็จะเชิญเราเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมีล็อกเกอร์ให้เก็บของ การเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องถอดให้หมด รวมถึงกางเกงในต่างหู นาฬิกา เพราะภายในห้องผ่าตัดจะเป็นห้องปลอดเชื้อ จากนั้นทำการใส่ชุด ได้แก่ ผ้าถุง(เรียกว่าอะไรดี) ใส่แทนกางเกง เสื้อผูกหลวมๆ และผ้าโพกหัว แอบถามพยาบาล ทำไมต้องใส่ผ้าโพกหัว เขาบอกว่าเป็นห้องปลอดเชื้อเพื่อความสะอาด
เมื่อแต่งตัวเสร็จ คุณหมอคนเดิมก็จะเดินมาต้อนรับ คำแรกที่หมอพูดคือ "ไม่เปลี่ยนใจนะ" เราก็ตอบไปว่า มั่นใจแล้วครับ จากนั้นหมอก็จะพาเราเข้าห้องไปนอนขึ้นเตียง เจ้าหน้าที่ในห้องนั้นก็จะทำการปรับเตียงใส่ฉากเหล็กบังตาไม่ให้เรามองเห็น และแนะนำให้เรากอดอกไว้ จากนั้น คุณหมอก็เปิดผ้าข้างล่างของเราออกพร้อมทำความสะอาด และปิดเทปเย็นๆไว้ที่ขา ตอนหมอเปิดผ้าออกครั้งแรก หมอร้องว้าว ไม่ใช่ว่าเล็ก หรือใหญ่ แต่ผมโกนหมออ้อย
ออกเรียบร้อย หมอจึงชมน่ะครับว่าเตรียมตัวมาดี เพราะหมอไม่ได้บอกให้โกน แถมแซวด้วยว่าใครโกนให้ 555 หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วหมอจึงบอกจะเริ่มแล้วนะ (บรรยากาศในห้องตอนนั้น น่ากลัวมากครับ ดูหนังมาเยอะ เลยกลัวไปต่างๆนาๆ )
เริ่มต้นผ่าตัด
หลังจากทำความสะอาดแล้ว หมอจะทำการ ฉีดยาชาไปที่อัณฑะครับ ตรงส่วนนี้ คือ เจ็บตอนเจาะ จุกตอนฉีด ซึ่งตรงนี้หมอจัดให้ผมมา 2 เข็ม จากนั้นก็
แวดล้อม : กรุบกริบ กรุบกริบ แช็ปๆ กรุปกริบ กรุบกริบ
หมอ : เจ็บไหมครับ
ผม : ไม่ครับ แต่หน่วงๆ
หมอ : ครับ เจ็บบอกได้เลยนะครับ
พยาบาล : เก่งนะเนี่ย บลาๆ ชวนเราคุยไม่ให้เครียด
แวดล้อม : กรุบกริบ กรุบกริบ แช็ปๆ กรุปกริบ กรุบกริบ
หมอ : เสร็จแล้วนะ ข้างนึง
หมอก็ทำการฉีดยาชาอีก ก็จุกจนเกร็งมือที่กอดอก แต่ก็ไหวอยู่ ซึ่งข้างนี้มีไคลแมกตรงที่ ยาชาออกฤทธิ์ไม่พอ ผมยังรู้สึกอยู่ ก็มีการเด้งสู้หมอไป 1 ที หมอจึงเพิ่มให้อีก 1 ชุด
แวดล้อม : กรุบกริบ กรุบกริบ แช็ปๆ กรุปกริบ กรุบกริบ
พยาบาล : ชวนเราคุยไม่ให้เครียด
แวดล้อม : กรุบกริบ กรุบกริบ แช็ปๆ กรุปกริบ กรุบกริบ
หมอ : เสร็จแล้วนะ จะนอนสักพักก็ได้
ใช้เวลาไปประมาณ 20 นาทีจากนั้น ผู้ช่วยก็จะทำความสะอาด เช็ดเลือด เช็ดน้ำเชื้อ(เหนียวๆ) ที่เปรอะออกมาให้ และหมอก็จะทำการเขียนใบรับรองแพทย์ (ให้หยุด 4 วัน)พร้อมทั้งนัดมาดูแผลในอีก 2 สัปดาห์ รวมทั้งแนะนำการดูแลหลังผ่าตัดคือ
- แผลห้ามโดนน้ำ 3 วัน
- งดกิจกรรมทางเพศ 7 วัน
- ห้ามกระทบกระเทือน (นั่งรถมอเตอไซห้ามคร่อม)
- อย่าเดินเยอะ เดี๋ยวเลือดไหลแล้วต้องมาผ่าใหม่
- หมั่นใช้ แอลกอฮอล ทารอบแผลเพื่อเป็นการทำความสะอาด
- ในช่วง 3-4 วันไหมจะละลายไปเอง
- ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นก่อนจนกว่าจะได้รับการตรวจว่าเป็นหมันแล้ว
พอผมฟังหมอเสร็จ จึงทำการลุกขึ้น พร้อมค่อยๆเดิน เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะเปลี่ยนก็เห็นว่ามีรอยคราบเลือดแห้งๆบริเวณรอบๆจุดที่ผ่าตัด สังเกตแผลดู หมอจะปิดเทปไว้ โดยดันยก ปิกัสจูไว้ไม่ให้ลงไปโดนบริเวณแผล ทำให้เวลาฉี่สะดวกด้วย ความรู้สึกตอนนั้นก็คือ จุก หน่วง แต่เดินไหว จึงทำการไปรับยา และกลับบ้านโดยปกติ
อาการข้างเคียงมีไหม
- จุกๆ เสียดๆ บริเวณ ท้องน้อย เป็นช่วง1 - 6 วันแรก พอเข้าวันที่ 7 ก็เริ่มปกติ
- มีรอยช้ำที่หนังอัณฑะ แต่จางหายไปเอง
- มีการบวมที่อัณฑะข้างขวานิดหน่อย
- คันมาก ไม่ใช่คันแผลหรืออะไร แต่คันหมออ้อยที่กำลังแข่งกันเจริญเติบโตเป็นตอน้อยใหญ่
ขณะที่เขียนตอนนี้เข้าวันที่ 10 เดินได้ปกติ มีหน่วงๆ เสียดๆบ้างนานๆครั้ง แต่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตแต่อย่างไร พฤหัสหน้าจะไปหาหมออีกครั้งเพื่อตรวจแผลและนัดอีกรอบสำหรับการตรวจหาเชื้ออสุจิ เพราะขณะทำหมัน จะยังไม่เป็นหมันทันที ต้องได้รับการตรวจก่อนโดยหลังจากทำหมัน 2 - 3 เดือน เพราะฉนั้นในช่วงนี้จึงต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นไว้ก่อน
***สิทธิ์ที่ผมใช้ในการรักษา คือ ประกันสังคม ครับ การทำหมันจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย แต่หากจะทำการต่อหมันจะต้องเสียเงิน และโอกาศสำเร็จจะน้อยด้วย***
ขอบคุณครับ