นโยบายคนเข้าเมืองของดอนัลด์ ทรัมพ์ สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐ
นักศึกษากลุ่ม Dreamers ออกมาประกาศว่าความฝันของพวกเขาไม่อาจรอได้ (Photo educationvotes.nea.org)
มหาวิทยาลัยในสหรัฐรับนักศึกษาต่างชาติเข้าไปเรียนปีละกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้นักศึกษาจีนมากที่สุดปีละประมาณ 330,000 คน ตามด้วยอินเดียและนักศึกษาจากประเทศมุสลิมอย่างซาอุดิ อาระเบีย หากนายทรัมพ์เปลี่ยนนโยบายเรื่องการรับคนเข้าเมืองอาจสร้างปัญหาให้กับวงการศึกษาอเมริกันที่มีรายได้ปีละ 32.8 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งกลุ่ม Dreamers หรือนักศึกษาโรบินฮู้ดก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในสหรัฐที่รับนักศึกษานานาชาติเข้าไปเรียนนั้นไม่เพียงแต่มีความหลากหลายเท่านั้น มหาวิทยาลัยยังจะได้รับมันสมองของพวกเขา ที่สำคัญกว่านั้นค่าเล่าเรียนที่จะมาช่วยงบประมาณมหาวิทยาลัยด้วย
ปีการศึกษา 2015-2016 นักศึกษานานาชาติที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐมีกว่า 1 ล้านคนหรือคิดเป็นกว่า 5 % ของปริมาณนักศึกษาทั้งหมด ในจำนวนนี้มีนักศึกษาจากประเทศจีนตกปีละ 330,000 คน รอบทศวรรษที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติเข้าไปเรียนในสหรัฐเพิ่มเท่าตัว เฉพาะนักศึกษาจีนนั้นเพิ่ม 5 เท่าตัว
หากนายดอนัลด์ ทรัมพ์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปลี่ยนนโยบายด้วยการเข้มงวดกับการรับคนต่างชาติเข้าสหรัฐ มหาวิทยาลัยอเมริกันเองก็จะมีปัญหา เรื่องนี้จะต้องไม่ประเมินนักศึกษาต่างชาติต่ำว่าระบบการศึกษาระดับสูงของสหรัฐนั้นมีความสำคัญต่อทุกคนแค่ไหน
นักศึกษาต่างชาติจะต้องเสียค่าเล่าเรียนเต็มราคา (full tuition) แตกต่างไปจากนักศึกษาที่เกิดในสหรัฐเอง บางมหาวิทยาลัยยังเรียกเก็บเงินเพิ่ม (surcharges)เพราะเป็นนักศึกษาต่างชาติ สำนักจัดอันดับ Moody’s ประเมินว่านักศึกษาต่างชาติมี 5 % ของนักศึกษทั้งหมดในสหรัฐแต่ต้องจ่ายเงินค่าเรียนเต็มราคาตก 10 % ของค่าเล่าเรียนทั้งหมดในสหรัฐ
สมาคมนักการศึกษานานาชาติ ( The Association of International Educators)พบว่าในปีการศึกษา 2015-2016 นักศึกษาต่างชาตินำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ 32.8 พันล้านดอลลาร์
แต่ละประเทศที่ส่งนักศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสหรัฐอาจได้รับผลกระทบต่อนโยบายคนเข้าเมืองของนายทรัมพ์ โดยนายทรัมพ์ระบุว่าจะไม่ออกวีซ่าให้กับประเทศที่ไม่เรียกคนที่อยู่อย่างผิดกฎหมายของตนกลับประเทศ นักศึกษาต่างชาติหากจะเข้ามาเรียนในสหรัฐจะได้รับวีซ่าประเภท F-1 ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเป็นผู้ออกให้ โดยที่มหาวิทยาลัยจะต้องตอบรับเข้าเรียนด้วย
ตัวอย่างเช่นมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois at Urbana-Champaign หรือ UIUC) มีนักศึกษาจีนอยู่ 11 % ของนักศึกษาทั้งหมดและนักศึกษาจีนก็จ่ายค่าเล่าเรียนเต็มราคาเพราะเป็น Nonresident ถือได้ว่าเงินจำนวนนี้ยังนำมาช่วยนักศึกษาอเมริกันในมหาวิทยาลัย หากนักศึกษาจีนถูกปฏิเสธวีซ่าเข้ามาเรียนย่อมส่งผลกระทบด้านงบประมาณต่อ UIUC แน่นอนและยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจีนเข้าเรียนจำนวนมาก ในแคลิฟอร์เนียก็จะมีมหาวิทยาลัย USC ที่ลอส แอนเจลิสเป็นต้น
หลังจากนักศึกษาจีนแล้วก็จะเป็นนักศึกษาอินเดีย ตามด้วยนักศึกษาจากซาอุดิ อาระเบียมาที่ 3 จำนวนประมาณ 60,000 คนหรือเพิ่ม 20 เท่าหากเทียบกับนักศึกษาซาอุดิ อาระเบียที่มาเรียนสหรัฐเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยิ่งนายทรัมพ์มีนโยบายที่จะรับคนมุสลิมเข้ามาน้อยลงหรือห้ามเข้า รวมทั้งประเทศที่การก่อการร้ายขยายตัวด้วยแล้ว นักศึกษาจากประเทศมุสลิมอาจลดลง
นักศึกษาบางรายที่เรียนอยู่ในสหรัฐแล้วกำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะกลับประเทศหรือไม่เช่น รูบา อัล-บาลวิ (Ruba Al-Balwi) นักศึกษาปี 2 จากซาอุดิ อาระเบีย ที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี (University of Tennessee)ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ Al Arabiya ว่าครอบครัวเขาเรียกให้กลับซาอุดิ อาระเบีย แม้ว่าจะยังเหลืออีก 2 ปีจะเรียนจบก็ตาม
มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐก็พึ่งนักศึกษาต่างชาติในด้านงบประมาณทีเดียว หากนายทรัมพ์มีนโยบายเข้มงวดก็จะส่งผลกระทบด้านงบประมาณของมหาวิทยาลัยเช่นกัน
จำนวนนักศึกษาต่างชาติ 10 อันดับแรกที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐปีการศึกษา 2015-2016
นักศึกษาโรบินฮู้ดกลุ่ม Dreamers ก็จะมีปัญหา
เมื่อปี 2012 รัฐบาลบารัค โอบามาจัดโครงการที่เรียกว่า Deferred Action for Childhood Arrivals (DACA) บุคคลเหล่านี้สามารถที่จะอยู่ได้ 2 ปีโดยไม่ถูกเนรเทศและทำงานได้อย่างถูกกฎหมายผ่านใบอนุญาตทำงานหรือ Work permit โดยจะต้องยื่นเรื่องแอพพลายไปยังกระทรวงความมั่นคงภายใน (DHS) คนเหล่านี้เดินทางเข้าสหรัฐมาอยู่อย่างผิดกฎหมายตั้งแต่เด็ก บุคคลที่มีคุณสมบัติประกอบด้วยดังนี้
-อายุไม่เกิน 31 ปี ณวันที่ 15 มิถุนายน 2012
-เข้ามาอยู่สหรัฐก่อนที่จะมีอายุ 16 ปีในวันเกิด
-จะต้องอยู่ในสหรัฐอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2007 จนกระทั่งปัจจุบัน
(2012)
-ตัวผู้ยื่นแอพพลายจะต้องอยู่ในสหรัฐถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2012
-บุคคลที่เดินทางเข้าสหรัฐก่อนวันที่ 15 มิถุนายน 2012 โดยไม่มีการตรวจตราหรือกรณีสถานะการอยู่อาศัยหมดอายุเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2012
-ปัจจุบันเรียนอยู่ในโรงเรียน,เรียนจบปริญญาหรือรับประกาศนียบัตรไฮสคูลหรือเทียบเท่าไฮสคูล(GED= general education development)
-บุคคลเหล่านี้จะต้องไม่ทำผิดกฎหมายอาญาจนถูกศาลสั่งจำคุก,ต้องทำผิดลหุโทษไม่เกิน 3 ครั้ง,ต้องไม่ใช่กลุ่มที่เป็นอันตรายต่อสาธารณะหรือข่มขู่ว่าจะก่อการร้ายต่อสหรัฐ
คนเหล่านี้มีประมาณ 3 แสนคนหรือมากกว่า เป็นบุคคลที่มาอยู่สหรัฐอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่เด็ก อาจจะตามพ่อแม่เข้าไปถูกกฎหมาย แต่เมื่อวีซ่าขาดไม่ยอมออกจากสหรัฐหรือเป็นเด็กที่เล็ดรอดเข้าทางชายแดน เป็นต้น
คนเหล่านี้เมื่อเข้ามาได้รับการศึกษา บางคนอาจเรียนจบปริญญาตรี-ปริญญาโทไปแล้ว สหรัฐเองก็อยากจะได้บุคคลเหล่านี้เข้ามาเสริมสร้างสังคมเพราะคนที่จะเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโทถือว่าสังคมลงทุนไปมาก จึงจำเป็นต้องนำกลับมาใช้งาน คนเหล่านี้เรียกว่ากลุ่ม Dreamers กระจายอยู่แทบทุกรัฐในสหรัฐ