หมู่บ้านโรคเอดส์ของจีน
หากดูจากภายนอก หมู่บ้านเหวินโหลว (文楼村) ที่ตั้งอยู่ในเขตซั่งไช่ มณฑลเหอหนาน ตอนกลางของจีนก็ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านธรรมดาทั่วไป แต่สุสานในทุ่งข้าวสาลีนั้นเป็นเครื่องย้ำเตือนเหตุการณ์อันเลวร้ายเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
เป็นเวลามากกว่า 20 ปีแล้ว ที่หายนะจากการบริจาคเลือดทำให้เกิดการระบาดของโรคเอดส์ (AIDS) ในหมู่บ้านเหวินโหลวในช่วงกลางปี 1990 ซึ่งโศกนาฏกรรมดังกล่าวทำให้หมู่บ้านเหวินโหลวมีอีกชื่อว่า “หมู่บ้านโรคเอดส์ของจีน”
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ติดเชื้อเอดส์จากการบริจาคเลือดครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 678 รายเสียชีวิตลง
เฉิงเสี่ยวต้วน (程小段) ผู้อำนวยการคลีนิกของหมู่บ้านกล่าวว่า ในจำนวนชาวบ้านทั้งหมด 3,000 รายในเหวินโหลวนั้น มีผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ 311 ราย ซึ่งอายุน้อยที่สุดอยู่ที่ 14 ปี และอายุมากที่สุดมากกว่า 70 ปี
เมื่อช่วงปี 1990 สถาบันรับบริจาคเลือดเถื่อนแห่งหนึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเขตชนบทของเหอหนาน และเสนอจ่ายเงินเพื่อแลกกับเลือดของชาวบ้าน โดยพวกเขาดำเนินการแยกพลาสมาออกจากเลือด และขายให้กับบริษัทยาต่อไป
สำหรับชาวบ้านในเหวินโหลวแล้ว มันเป็นวิธีการหาเงินที่เร็วและง่าย จึงไปขายเลือดของตนเองกันจำนวนมาก แต่สถาบันเถื่อนเหล่านี้มักจะไม่ระมัดระวังในด้านสุขอนามัยและการฆ่าเชื้อ จึงเป็นเหตุให้เกิดการระบาดโรคเอดส์ขึ้นในหมู่บ้าน
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีในหมู่บ้านเริ่มกลายเป็นโรคเอดส์ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยปี 2003 นับเป็นปีที่เลวร้ายที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 40 ราย บางครั้งมีผู้เสียชีวิตในวันเดียวกันถึง 7 ราย
อย่างไรก็ตาม หลังจากปี 2003 รัฐบาลจีนก็เริ่มให้ยาต้านไวรัสฟรีกับผู้ป่วยโรคเอดส์ใน 51 พื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ รวมไปถึงเขตซั่งไช่ด้วย
โดยรัฐบาลจีนได้ให้เงินมากกว่า 200 ล้านหยวน (ประมาณ 1.1 พันล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคเอดส์ของประเทศ อีกทั้งยังสร้างบ้านสวัสดิการสำหรับเด็กกำพร้าเนื่องจากโรคเอดส์ และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
นอกจากนี้ หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า (温家宝) ของจีนมาเยือนหมู่บ้านเหวินโหลวเมื่อปี 2005 และ 2007 ก็ช่วยบรรเทาปัญหาการแบ่งแยกระหว่างชาวบ้านกับผู้ป่วยเอชไอวีและโรคเอดส์ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเหล่านี้ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ
#WorldAIDSDay