ทำไมต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง
เคยสงสัยมั้ยว่า ทั้งที่เรามีไฟฟ้าใช้กันอย่างเหลือเฟือ แล้วทำไมยังต้องผลิตสำรองไฟฟ้ากันอีก
จะเปรียบเทียบ ก็คงเหมือนกับการสำรองเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วยไม่สบาย, เกิดอุบัติเหตุ หรือตกงาน ถ้าไม่มีเงินสำรองเฉพาะหน้าคงเหลือแค่วิธีนอกจากหยิบยืมกู้เงินคนอื่นมาใช้ก่อน
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าก็เช่นกัน มีการปรับขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ผันผวนอยู่ตลอด จึงต้องมีกำลังสำรองไฟฟ้าไว้ที่ ร้อยละ 15 เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะช่วงที่ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าคาดการณ์ หรือโรงไฟฟ้าถึงช่วงปิดซ่อมบำรุง
แนวทางแก้ไขมีตั้งแต่เลื่อนการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า ซึ่งเสี่ยงกับโรงไฟฟ้าเสื่อมสภาพมากกว่าปกติ การรณรงค์ให้ประชาชนช่วยประหยัดไฟฟ้าในช่วงพีค ให้ภาคเอกชนที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือ เดินเครื่องเกินกว่ากำลังผลิตปกติให้มากที่สุดเป็นการชั่วคราว
อีกทางหนึ่งก็คือการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเพื่อให้ทันต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่การสร้างโรงไฟฟ้าใช้เวลา 5-8 ปี ไม่ใช่รอให้ไฟดับแล้วค่อยมาสร้างให้เสร็จในวันสองวัน การมีกำลังสำรองไฟฟ้า จึงไม่ต่างอะไรกับการซื้อประกันชีวิต ที่อาจดูฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง แต่เชื่อเถอะคำพูดที่ว่า “มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็ไม่หลั่งน้ำตา ซึ่งประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ก็ใช้หลักการนี้ โดยยอมให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าเกิน ดีกว่าเสี่ยงให้ไฟฟ้าขาดแคลน เพราะไฟฟ้ามากเกินมีผลกระทบน้อยกว่าไฟฟ้าขาด
หากเจอวิกฤตไฟฟ้าขึ้นมาจริงๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่เพียงแค่ ไม่มีไฟส่องสว่างในยามค่ำคืนเท่านั้น แต่จะส่งผลเสียถึงเศรษฐกิจการค้า, การผลิตอุตสาหกรรมหนักเบา, ธุรกิจท่องเที่ยวอีกมากมายเป็นลูกโซ่
จากข้อมูล ภาคใต้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ ส่วนความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2,500 เมกะวัตต์ โดยความต้องการนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4 - 5% ถ้าหากไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้ทัน ในอีกไม่จะเกิดวิกฤตไฟฟ้าขาดแคลนได้
ความมั่นคงทางด้านพลังงาน เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ที่มองไกลออกไปในอนาคต เพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่องจึงต้องเร่งสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้เสร็จทันเวลา โดยเลือกใช้ถ่านหิน เพราะมีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง และหาได้ง่าย จึงไม่กระทบกับราคาค่าไฟฟ้าโดยรวม
ในขณะที่ฝั่งหนึ่งพยายามแก้ไขปัญหา ตรงกันข้าม มีคนบางพวกบางกลุ่มกำลังฉุดถ่วงขัดขวางความก้าวหน้าของประเทศ ด้วยวิธีล้าหลังไม่สร้างประโยชน์แก่สังคม อย่างการชุมนุมประท้วง แทนที่จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาชาติของเราให้รุดไปข้างหน้า นั่นเพราะพวกเขามีทัศนวิสัยที่สั้นแคบ จับจ้องไม่ไกลไปกว่าผลประโยชน์รอบตัวเองเท่านั้น