การลดความอ้วนที่ได้ผลและทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย จึงหมายถึงการลดไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ต้นขา รอบเอว สะโพกให้เหลือน้อยที่สุด โดยต้องไม่ทำให้กระดูกบางลง กล้ามเนื้อลีบลง หรือเลือดน้อยลงโดยเด็ดขาด ผลวิจัยทางการแพทย์ยีนยันว่าหากลดความอ้วนอย่างถูกต้องโดยลดไขมันส่วนเกินแต่เพียงอย่างเดียว น้ำหนักไม่ควรลดเร็วนัก เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2 กก.บวกลบ หากลดเร็วกว่านี้แสดงว่ามีภาวะกระดูกบาง กล้ามเนื้อลีบ และเลือดจางลงร่วมด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เกิดโย-โยหมายถึงเมื่อเลิกลดแล้วน้ำหนักขึ้นเร็วมากจนยั้งไม่ทัน ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มมากกว่าก่อนลดความอ้วนเสียอีก
แล้วเราควรจะควบคุมอาหารอย่างไรดีล่ะ?
อาหารประเภทโปรตีนและผักมีหน้าที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก เลือดและบำรุงรักษาส่วนต่างๆของร่างกาย ส่วนอาหารประเภทแป้ง หวาน และไขมันมีหน้าที่ให้กำลังงานเป็นหลัก เสริมสร้างร่างกายน้อยมาก คนที่ต้องรับประทานแป้ง หวาน และไขมันมากคือคนที่ต้องใช้กำลังมาก เช่น กรรมกร ชาวนา และนักกีฬา ซึ่งจะเผาผลาญได้หมด ส่วนคนที่ใช้กำลังน้อยแต่รับประทานอาหารประเภทนี้มาก ร่างกายไม่สามารถใช้ได้หมด จึงย่อยสลายแล้วเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมไว้ตามที่ต่างๆแทน
ดังนั้นการลดไขมันส่วนเกินในร่างกายให้เหลือน้อยที่สุดจึงควรเน้นรับประทานอาหารประเภทโปรตีนและผักให้อิ่มทุกมื้อ และลดอาหารประเภทแป้ง หวานและมันให้เหลือน้อยที่สุดตลอดไป
อาหารประเภทแป้งซึ่งควรลด
- แป้งประเภทเมล็ด เช่น ข้าว ข้าวเหนียว ข้าวโพด ถั่วทุกชนิดยกเว้นถั่วเหลือง ควรรับประทานกับข้าวให้อิ่ม แต่รับประทานข้าวหรือข้าวเหนียวให้น้อยที่สุด ข้าวกล้องมีแป้งน้อยกว่าข้าวเจ้า ขนมปังโฮลวีทมีแป้งน้อยกว่าขนมปังข้าวสาลี จึงทำให้อ้วนน้อยกว่าและถ่ายดีกว่า แต่ถ้าทานปริมาณมากเกินกว่าการใช้แรงเผาผลาญก็ทำให้อ้วนขึ้นอยู่ดี
- แป้งประเภทเส้น เช่น ก๋วยเตี๋ยว หมี่ ขนมจีน ควรรับประทานเกาเหลาแทน ยกเว้นเส้นบุกรับประทานได้เพราะจะถ่ายทิ้งหมดไม่เปลี่ยนรูปเป็นไขมันสะสม
- แป้งประเภทหัว เช่น เผือก มัน ฟักทอง โดยเฉพาะมันฝรั่งทอดควรงดเด็ดขาด
- แป้งทำอาหาร เช่น ปาท่องโก๋ โรตี อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งรวมทั้งขนมปังจืดเปล่าๆก็ควรลด
- ผลไม้ทุกชนิดประกอบด้วยแป้งและน้ำตาลตามธรรมชาติไม่ว่าจะจืดหรือเปรี้ยวอย่างไรก็ตาม แต่กลับมีโปรตีนที่ร่างกายต้องการน้อยมาก ถ้าต้องการลดไขมันสะสมโดยไม่ขาดสารอาหารและกากใย ก็ไม่ควรรับประทานผลไม้ทุกชนิด แต่ควรรับประทานผักมากๆแทนซึ่งร่างกายจะได้รับกากใยและวิตามินพอเพียงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งผลไม้
อาหารที่คนมักเข้าใจผิดว่ารับประทานแล้วไม่อ้วนจริงหรือ...?
- น้ำผลไม้คั้นเองไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำผลไม้ 100 % ที่จริงมีน้ำตาลธรรมชาติจำนวนมาก ถ้าดื่มแล้วไม่ออกกำลังเผาผลาญทิ้งไป ทำให้อ้วนมากกว่าดื่มนมจืดขาดมันเนยเสียอีก
- นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ส่วนใหญ่ทั้งหวานและมีไขมันสูง แต่โปรตีนกลับไม่มากพอ บางแบรนด์เป็นชนิดไขมันต่ำ แต่มีน้ำตาลสูงหรือผสมน้ำผลไม้ ดังนั้นควรรับประทานแต่โยเกิร์ตรสธรรมชาติแท้ชนิดไขมันต่ำ ( แต่ไม่อร่อย )
- ชาเขียว ถ้าเป็นชนิดหวานต้องทำให้อ้วนอยู่แล้ว ส่วนรสธรรมชาติไม่ทำให้อ้วนแต่จากการวิจัยทางการแพทย์พบว่าไม่สามารถลดความอ้วนได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะดื่มเพื่อลดความอ้วน
- เครื่องดื่มหรือวุ้นที่ทำจากบุก แต่กลับใส่น้ำตาลหรือน้ำผลไม้
- ครีมผงและข้าวโอ๊ตสำเร็จรูปชนิดไม่มีโคเลสเตอรอล แต่กลับมีไขมันอิ่มตัวสูง ยิ่งชนิดทรีอินวันพร้อมดื่มจะมีน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวจำนวนมาก ควรชงกาแฟ โกโก้โดยใช้นมจืดไขมันต่ำและน้ำตาลเทียมแทน
- ส้มตำเปล่าๆทุกมื้อจะได้รับแต่น้ำตาลแต่ขาดโปรตีน ควรรับประทานเพียงเล็กน้อยแล้วเพิ่มไก่ย่างไม่ติดหนังหรือหมูปิ้งไม่ติดมันและผักให้พออิ่ม โดยไม่รับประทานข้าวเหนียว
- รับประทานผลไม้จืดหรือเปรี้ยวแทนอาหาร 1 มื้อ เช่น ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร สับปะรด เป็นวิธีการที่ผิดอย่างร้ายแรง เพราะเปลี่ยนจากข้าว ( แป้ง ) เป็นผลไม้ ( ก็แป้งเหมือนเดิมแต่มีน้ำตาลมากกว่า ) ซ้ำยังไม่รับประทานกับข้าวซึ่งเป็นโปรตีนและผัก ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้เหล่านี้เป็นไขมันสะสมอยู่ดี บางคนจึงไม่ลด ส่วนคนที่น้ำหนักลดเกิดจากการขาดสารอาหาร ทำให้กระดูก กล้ามเนื้อ และเลือดลดลง น้ำหนักโดยรวมจึงลดลง คนเหล่านี้จะค่อยๆป่วยหมดแรงและห่อเหี่ยวจนต้องเลิกในที่สุด และกลับปล่อยให้อ้วนเหมือนเดิมแทบทุกราย
อาหารประเภทโปรตีนที่ควรรับประทานเพิ่ม
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมันหรือหนัง ไม่รับประทานเลือด เครื่องใน และไม่ทอด
- เต้าหู้เจไม่ใส่ไข่
- ไข่ขาว ไม่ควรรับประทานไข่แดง
- นมจืดไขมันต่ำ เติมน้ำตาลเทียม โกโก้ ชา กาแฟได้ นมจืด 1 กล่องแทนอาหาร 1 มื้อได้เพียงพอ แต่มื้ออื่นต้องรับประทานผักให้มาก เพื่อเพิ่มกากใยอาหารชดเชย
- นมถั่วเหลืองหวานน้อย เช่น น้ำเต้าหู้หวานน้อย วีซอยรสจืด
แล้วทำไมเรายิ่งอด มันถึงยิ่งอ้วนขึ้นอีกล่ะ???
การลดความอ้วนโดยการอดอาหารไปเลยเป็นบางมื้อ นอกจากจะเกิดอันตรายจากการขาดสารอาหาร เช่น เป็นลม หน้ามืด ใจสั่น เครียด โรคกระเพาะอักเสบ ท้องผูก ริดสีดวงทวาร โลหิตจาง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัญญาและสมาธิในการทำงานหรือเรียนลดลง ตลอดจนกระดูกพรุนแล้ว ยังอาจทำให้เกิดปัญหาความอ้วนไม่ลด หรือค่อยๆอ้วนยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งนี้เพราะร่างกายมนุษย์ทุกคนมีกลไกป้องกันตนเองแต่โบราณ ไม่ให้ขาดอาหารจนเป็นอันตรายแก่ชีวิตในยามที่เกิดการอดอยากจากภัยธรรมชาติ ด้วยการลดความสามารถในการเผาผลาญอาหารลงโดยอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อลดอาหารโดยรวมในแต่ละวันลงแต่การเผาผลาญก็ลดลงด้วย ผลลัพธ์สุดท้ายก็คืออ้วนเท่าเดิมเพราะแคลอรี่ไม่ติดลบอย่างที่คาดหวังไว้
ยิ่งกว่านั้นในมื้อที่ไม่อดอาหาร การเผาผลาญก็ยังคงลดต่ำอย่างมากผิดปกติ ทำให้อาหารมื้อนั้นถูกเปลี่ยนเป็นไขมันมากขึ้น ทำให้อ้วนมากขึ้นจากอาหารมื้อนั้นทั้งๆที่กินเท่าเดิม
การควบคุมอาหารเพื่อลดความอ้วน จึงไม่ใช่การอดอาหาร และห้ามอดอย่างเด็ดขาด จะต้องกินอาหารให้ครบมื้อ และตรงเวลา เพียงแต่เปลี่ยนประเภทของอาหารเท่านั้น
น้ำเปล่าทำให้อ้วนหรือไม่
ร่างกายต้องการน้ำถึงวันละ2000ซีซีขึ้นไป ในการนำไขมันสะสมที่ละลายออกมาจากการควบคุมอาหารที่ถูกต้องไปกำจัดทิ้งทางอุจจาระ ถ้าดื่มน้ำไม่พอไขมันที่ละลายจะกลับไปสะสมอยู่ที่เดิม ดังนั้นนอกจากน้ำเปล่าจะไม่ทำให้อ้วนแล้วยังมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดความอ้วนด้วย
การออกกำลังกายสำคัญกว่าการควบคุมอาหาร
การออกกำลังกายสามารถลดความอ้วนและละลายไขมันได้เหนือกว่าการคุมอาหารมาก ถ้าให้เลือกระหว่างได้ทานอาหารที่ชอบบ้างแต่ต้องเหนื่อยยากเสียเวลาไปกับการออกกำลังกาย กับไม่ออกกำลังกายแต่ยอมอดอาหารที่ชอบ ควรเลือกการออกกำลังกายมากกว่าเพราะนอกจากจะทำให้มีความสุขกับการที่ได้รับประทานของโปรดเป็นบางครั้งโดยไม่ต้องเคร่งครัดมากแต่ไม่ทำให้อ้วนแล้ว ในระยะยาวยังทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีกว่าเดิมมาก นอกจากนั้นการออกกำลังกายที่ถูกต้องยังช่วยลดความอ้วนเฉพาะส่วนได้ ทำให้รูปร่างสมส่วนมากกว่าการผอมจากการควบคุมอาหารแต่เพียงอย่างเดียว