วิธีกำจัดรอยคล้ำใต้ตาที่คุณทำเองง่าย ๆ และได้ผลดีกันเถอะ

ยังมีอีกหลายคนที่ต้องนอนดึก นอนพักผ่อนไม่พียงพอ หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ บ้างล่ะ  แต่สิ่งแปลกปลอมที่มักเกิดขึ้นให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ก็คือ  “รอยคล้ำใต้ตา”  ที่เป็นอีกปัญหาสำคัญ ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมมม แปลงร่างกลายเป็นหมีแพนด้าทันที ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ สาวๆคงกลายเป็นเพื่อนหลินปิงแน่เลย! สำหรับ "วิธีการกำจัดรอยคล้ำใต้ตา" ในเวลาสำคัญทันด่วน สาวๆก็มักจะหวังพึ่งการแต่งหน้าปกปิดด้วยเครื่องสำอางค์ แต่…มันก็ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วเรื่องไรล่ะ เราจะยอมให้รอยคล้ำใต้ตามาเป็นปัญหาหยุดสวยของเราได๊ วันนี้ เราจึงได้นำวิธีกำจัดรอยคล้ำใต้ตาที่คุณทำเองง่ายๆได้ผลดีมาฝากค่ะ คุณจะได้มั่นใจ มีผิวหน้าขาวใส สวยเป๊ะ ไร้ขอบตาแพนด้ากันซะที ^_^

มาดูสาเหตุการเกิดรอยคล้ำใต้ตากัน

ปัญหาของการเกิดรอยคล้ำใต้ตา มีด้วยกันหลายสาเหตุ อาทิเช่น เกิดจากการมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การลดน้ำหนักมากเกินไป หรืออาจจะเกิดจากการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวรอบดวงตาไม่ดี หรือไตของเราทำงานผิดปกติ หรือเป็นภูมิแพ้/หอบหืด/ผื่นแพ้ผิวหนังก็ได้ รวมไปถึงกรรมพันธุ์ด้วย ดังนั้นหากมีปัญหารอยคล้ำใต้ตาไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบหาทางแก้ไขและลดปัญหาดังกล่าว เพราะเมื่อรอบดวงตามีรอยคล้ำ ก็จะทำให้การแต่งหน้าของคุณสาวๆ ประสบปัญหา อย่างการทาอายแชโดว์ ทำให้สีที่เลือกไม่ตรงตามใจปรารถนา และยังทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ แก่ก่อนวัย ไม่เป็นชีวิตชีวาอีกด้วย

วิธีการปกปิดรอยคล้ำใต้ตาในเบื้องต้น คือ ใช้คอนซีลเลอร์ก่อนลงรองพื้น โดยคุณควรเลือกคอนซีลเลอร์เฉดสีที่อ่อนกว่าสีรองพื้นตามปกติของคุณ และควรใช้แต่น้อย

และมาดูวิธีการดูแลดวงตาของคุณให้กลับมาสดใสมีวิธีอย่างง่ายๆ ดังนี้

1. ลดปริมาณการดื่มกาแฟ และควรที่จะ ลด/ละ/เลิก การสูบบุหรี่
การรับประทานอาหารเผ็ด อาหารเค็มและการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า จะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์ จากที่เรารู้ว่ารอยคล้ำใต้ตานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพของโลหิตที่ไหลอยู่ใต้ผิวใต้ตา การไหลเวียนของโลหิตที่ไม่ดี จะทำให้เกิดรอยคล้ำได้ง่าย

2. พยายามอย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเครียด และการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวมีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวใต้ดวงตามีรอยคล้ำได้เช่นกัน

3. ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ  6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตร  เพราะมันจะช่วยป้องกันรอยคล้ำใต้ตาได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ  หรือถ้าไม่สะดวกเราก็ใช้วิธีพกขวดน้ำติดตัวไว้ก็ได้ค่ะ แล้วก็จิบดื่มมันบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ ช่วยได้มากจริงๆนะ เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 80%

4. หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือขยี้ตา เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ตลอดจนอาจเกิดการอักเสบอันเนื่องมาจากเชื้อโรคที่ติดอยู่บนมือทั้งสองข้าง ถ้ารู้สึกคันหรือระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำยาล้างตาหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดซับเบาๆ  พอให้หายคัน

5. เมื่อดวงตาเกิดความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียสามารถทำได้ดังนี้

- การประคบเย็นด้วยแตงกวาหรือมะเขือเทศ ฝานบางๆ เตรียมแตงกวา หรือมะเขือเทศ ที่ฝานบาง ๆ แช่ตู้เย็นไว้ มาประคบที่ตาประมาณ 10 นาที จะช่วยลดการบวมและลดรอยคล้ำใต้ตาได้ จากการหดตัวของเส้นเลือด

- ช้อนชา หรือช้อนกาแฟอุ่น ไม่ว่าจะดื่มชาร้อน หรือกาแฟร้อน ช้อนกาแฟที่ใช้คนชาหรือกาแฟ สามารถนำมาประคบดวงตาได้ แต่รอให้ช้อนอุ่น ๆ ก่อนนะคะ จากนั้นค่อยนำมาครอบไว้ที่ดวงตาทั้ง 2 จนกว่าจะเย็น สามารถทำได้ทุกวันค่ะ

- การประคบด้วยถุงชาที่ใช้แล้วแบบแช่เย็น วางไว้บนเปลือกตาสองข้าง แล้วนำมาวางไว้ที่ตาประมาณ 15-20 นาที วันละครั้ง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดการบวมรอบๆ ดวงตาได้ และจะช่วยให้อาการอ่อนล้าดีขึ้น

6. การกดนวดรอบดวงตา เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ที่คุณสามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยการหลับตาและใช้นิ้วนางกดไปบริเวณใต้ดวงตาจากใต้ตาด้านในไปด้านนอก ค่อย ๆ ไล่กดไปเรื่อย ๆ และแช่ไว้ประมาณ 3 วินาทีต่อการกดแต่ละตำแหน่ง ทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่องประมาณ 15 นาที ทุกวัน จะช่วยการไหลเวียนเลือดได้เป็นอย่างดี

7. ดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถคืนความกระจ่างใสแก่ดวงตาได้ง่ายขึ้น ดังนี้

- การใช้ครีมรอบดวงตา การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินทั้งสอง คือ Retinal (Vitamin A)  และ Vitamin K จะช่วยลดริ้วรอย และลดรอยคล้ำปรับสีผิวรอบดวงตาได้ หรือใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Vitamin C ซึ่งมีสาร antioxidant ก็ได้ผลดีเช่นกัน

- การใช้ moisturizer และการใช้ sunscreen เป็นประจำ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาเรื่องรอยคล้ำใต้ตาหรือไม่มี การที่ใช้ Moisturizer และครีมกันแดดเป็นประจำ เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วนะค่ะ

8. ดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติ  นำน้ำผึ้งผสมน้ำแร่อุ่น ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำแร่อุ่น ๆ ในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบนำมาวางไว้รอบดวงตาประมาณ 15 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

9. พบแพทย์  เพราะสุดท้ายแล้วถ้าทำยังไง๊ ยังไง เจ้ารอยคล้ำนี่ไม่ยอมหายไปสักที บางทีคงต้องลองไปปรึกษาแพทย์แล้วล่ะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยทำให้คุณดูดีขึ้นได้แล้ว เช่น ใช้เลเซอร์ เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลและการตัดสินใจของแพทย์นะค่ะ

แม้ปัญหาความหมองคล้ำเหล่านี้ จะสามารถกลบเกลื่อนได้ด้วยการแต่งหน้า แต่เพื่อความกระจ่างใสของดวงตาตลอดไป การแก้ไขจากต้นเหตุจึงน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องและสำคัญที่สุด อย่างการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ลดการใช้งานของกล้ามเนื้อดวงตาให้น้อยลง ประกอบกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนผสมของวิตามินซี ซึ่งจะช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำและปรับสีผิวรอบดวงตา การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง สามารถทำควบคู่กับการนวดลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้รอยหมองคล้ำรอบดวงตาหายไป ผิวหน้าก็จะดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดด้วยแล้ว จึงควรที่จะให้การดูแลเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และคืนดวงตาคู่สวยให้อยู่กับคุณตลอดไปค่า