หงส์เหนือมังกร "ฉือซีไท่โฮ่ว(ซูสีไทเฮา )" สตรีที่โลกไม่มีวันลืม
คนไทยเรารู้จักพระนางซูสีไทเฮาค่อนข้างดี จากภาพยนตร์จีนที่ฉายในบ้านเรามาตั้งแต่อดีด รวมทั้งหนังสือแปลที่มีมากมาย ผมเลยลองหาประวัติพระนางมาลองอ่านเล่นๆดู เห็นว่าน่าสนใจเลยนำมาให้เพื่อนๆชาวPostjung ลองอ่านกันดู ถ้าจะเอามาทั้งหมด คงจะอ่านกันทั้งวันไม่ไหว ผมเลยยกมาเพียงบางส่วน คร่าวๆหากสนใจก็สามารถหาข้อมูลใน wikipedia เพื่อเพิ่มความเข้าใจเรื่องราวมากขึ้นได้น่ะครับ
สมเด็จพระจักรพรรดินีฉือสี่ พระพันปีหลวง (ฉือซีไท่โฮ่ว)
ขบวนเสด็จพระพันปีหลวง
สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวชิงเสี่ยน (จีน: 孝欽顯; พินอิน: Xiào Qing Xiǎn) หรือ สมเด็จพระจักรพรรดินีฉือสี่ พระพันปีหลวง (จีน: 慈禧太后; พินอิน: Cíxǐ Tàihòu; เวด-ไจลส์: Tz'u-Hsi T'ai-hou, ฉือสี่ไท่โฮ่ว; อังกฤษ: Empress Dowager Cixi) หรือที่รู้จักกันในประเทศไทยว่า "พระพันปีหลวงฉือสี่" หรือ "ฉือสี่ไท่โฮ่ว" หรือตามสำเนียงฮกเกี้ยนว่า "พระพันปีหลวงซูสี" หรือ "ซูสีไทเฮา" (ประสูติ: 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1835; สวรรคต: 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908) ทรงเป็นราชนิกุลชาวแมนจูในประวัติศาสตร์จีนสมัยราชวงศ์ชิง โดยเป็นพระราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศจีนโดยพฤตินัยถึงสี่สิบเจ็ดปี กับอีกสี่วัน
พระพันปีหลวงฉือสี่ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับเลือกเป็นพระสนมใน สมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง และทรงไต่ชั้นอันดับต่าง ๆ ท่ามกลางเหล่าบาทบริจาริกาจำนวนมหาศาล ก่อนจะมีพระประสูติกาลพระราชโอรส ผู้ซึ่งต่อมาเสวยราชย์เป็น สมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อ เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิงเสด็จนฤพาน พระนางทรงก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่สมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิงทรงตั้ง และพร้อมด้วย พระพันปีหลวงฉืออัน ทั้งสองพระองค์ก็ทรงเถลิงพระราชอำนาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อ ก่อนพระพันปีหลวงฉือสี่จะทรงรวบอำนาจการปกครองไว้ที่พระนางเอง และสถาปนาความครอบงำเหนือราชวงศ์ชนิดเกือบเบ็ดเสร็จ ครั้นเมื่อพระราชโอรสสิ้นพระชนม์ลง พระนางก็ทรงตั้งพระราชนัดดาไว้บนพระราชบัลลังก์ เป็น สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่ รัชกาลถัดมา ขณะที่พระนางยังทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ต่อไป ด้วยพระราชหฤทัยอนุรักษนิยม พระพันปีหลวงฉือสี่ทรงปฏิเสธแนวคิดการปฏิรูปบ้านเมืองตามสมัยที่สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่ทรงนำเสนอ และมีพระราชเสาวนีย์ให้ขังสมเด็จพระจักรพรรดิผู้ทรงพระเยาว์ไว้ยังพระที่นั่งกลางสระน้ำ อย่างไรก็ดี ในระยะหลัง พระพันปีหลวงฉือสี่ทรงเล็งเห็นความจำเป็นในการปรับปรุงประเทศเป็นขนานใหญ่ พระนางมีพระราชบัญชาเปลี่ยนแปลงสถาบันการปกครองนานัปการ และส่งเสริมแนวคิดปฏิรูปมากหลาย ทว่า การเปลี่ยนแปลงพระราชหฤทัยครั้งนี้นับว่าช้าไป เนื่องจากเมื่อพระพันปีหลวงฉือสี่เสด็จสวรรคตแล้วไม่นาน ราชวงศ์แมนจูและระบอบราชาธิปไตยในจีนก็ถึงกาลสิ้นสุดลง
นักประวัติศาสตร์จากฝ่ายกั๋วหมินตั่งและฝ่ายคอมมิวนิสต์ในจีนซึ่งได้เถลิงอำนาจในประเทศจีนสมัยต่อมานั้น โจมตีพระพันปีหลวงฉือสี่ว่าทรงเป็นทรราชินีและผู้กดขี่ประชาชนที่ต้องรับผิดชอบต่อการล่มสลายของราชวงศ์ชิง ทว่า ในยุคปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ต่างเห็นว่า พระนางทรงเป็นแพะรับบาปในเรื่องที่เกิดนอกเหนือความควบคุมของพระนาง เนื่องจากการจบบทบาทของราชวงศ์ชิงนั้นเกิดขึ้นหลังการสวรรคตแล้ว กับทั้งพระนางทรงเป็นนักปกครองที่หาได้อำมหิตอย่างที่กล่าวขานกันไม่ และยังทรงเป็นนักปฏิรูปที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าการปฏิรูปของพระนางจะสายเกินไปก็ตาม
เมื่อเทียบกันแล้ว พระพันปีหลวงฉือสี่ดำรงพระชนมชีพตั้งแต่ช่วงกลางรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาเจษฏาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของไทย
การสวรรคต
วันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908 สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่สวรรคตอย่างปัจจุบันทันด่วน พระพันปีหลวงฉือสี่จึงทรงสถาปนาผู่อี๋ เจ้าฟ้าพระองค์น้อย เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ต่อไป ก่อนพระองค์เองจะสวรรคตในวันรุ่งขึ้น ณ พระที่นั่งจงไห่อี๋หลวนเตี้ยน (จีน: 中海儀鸞殿; พินอิน: Zhōnghǎiyíluándiàn; อังกฤษ: Middle Sea Hall of Graceful Bird) ตามไป ครั้งนั้น มีข่าวลือสะพรัดว่าพระพันปีหลวงฉือสี่ทรงทราบในพระสังขารของพระองค์เองว่าจะทรงดำรงพระชนมชีพต่อไปได้อีกไม่นาน ก็ทรงพระปริวิตกว่าสมเด็จพระจักรพรรดิจะรื้อฟื้นการปฏิรูปแผ่นดินอีกหลังพระพันปีหลวงฉือสี่สวรรคตแล้ว บ้างก็ว่าทรงเกรงว่าสมเด็จพระจักรพรรดิจะทรงเล่นงานบรรดาคนสนิทของพระพันปีหลวงฉือสี่ จึงมีรับสั่งให้ขันทีคนสนิทไปลอบวางพระโอสถพิษสมเด็จพระจักรพรรดิ ครั้นทรงทราบว่าสมเด็จพระจักรพรรดิทิวงคตแล้ว พระพันปีหลวงฉือสี่ก็ทรงจากไปโดยสบายพระราชหฤทัย[15]
วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ตามที่รัฐบาลจีนได้แต่งตั้งคณะแพทย์ให้ปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์เพื่อชันสูตรพระบรมศพสมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่ บัดนี้ ผลปรากฏว่า สมเด็จพระจักรพรรดิสวรรคตอย่างเฉียบพลันเพราะทรงต้องสารหนู โดยปริมาณของสารหนูที่ตรวจพบมีมากถึงสองพันเท่าจากปริมาณที่อาจพบได้ในร่างกายมนุษย์โดยทั่วไป หนังสือพิมพ์ไชนาเดลียังรายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายไต้อี้ (พินอิน: Dai Yi) นักประวัติศาสตร์ชาวจีน อีกว่าการชันสูตรดังกล่าวทำให้ข่าวลือเรื่องพระพันปีหลวงฉือสี่มีพระราชเสาวนีย์ให้ปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดิเป็นเรื่องจริง[15]
พระพันปีหลวงฉือสี่ทรงได้รับการเฉลิมพระบรมนามาภิโธยหลังสวรรคตว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวชิงฉือสี่ตวนโย้วคังอี๋จาวยู้จวงเฉิงโช้วกงชิงเสี้ยนฉงซีเป่ย์เทียนซิงเชิงเสี่ยน" (พินอิน: Xiào Qīng Cí Xī Dūan Yù Kang-Yi Zhao-Yu Zhuang-Cheng Shou-Gong Qin-Xian Chong-Xi Pei-Tian Xing-Sheng Xiǎn) เรียกโดยย่อว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวชิงเสี่ยน" (จีน: 孝欽顯; พินอิน: Xiào Qīng Xiǎn) ทั้งนี้ พระบรมศพพระพันปีหลวงฉือสี่ได้รับการบรรจุ ณ สุสานหลวงราชวงศ์ชิงฝ่ายตะวันออก (จีน: 清东陵; พินอิน: Qīngdōnglíng, ชิงตงหลิง) ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันออกเป็นระยะทางหนึ่งร้อยยี่สิบห้ากิโลเมตร เคียงข้างกับพระบรมศพของพระพันปีหลวงฉืออันและสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง
สมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อ [27 เมษายน ค.ศ. 1856—12 มกราคม ค.ศ. 1875]
สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่ [14 สิงหาคม ค.ศ. 1871— 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908]
สุสานพระบรมศพราชวงศ์จีน ที่ประดิษฐานพระบรมศพพระพันปีหลวงฉือสี่(ฉือซีไท่โฮ่ว)
พระบรมศพพระพันปีหลวงฉือสี่ (ฉือซีไท่โฮ่ว)