หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ห้องสมุดผีสิงที่เมืองเบอร์นาร์ดสวิลล์ (bernardsville library)

โพสท์โดย SpiderMeaw
ห้องสมุดผีสิงที่เมืองเบอร์นาร์ดสวิลล์ ซึ่งมีวิญญาณสิงอยู่ที่นี่เป็นร้อยปีมาแล้ว



ตึกหรืออาคารที่ทางรัฐจะนำมาทำเป็นสถานที่ราชการ ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาคารที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นการสะดวก   
ไม่จะเป็นต้องไปสร้างกันใหม่ให้เสียงบประมาณ มักจะมีข้อเสียตามมามากมาย  แต่ข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ
มักจะมีวิญญาณสิงอยู่ในอาคารเหล่านี้!


ห้องสมุดผีสิงในเมืองเบอร์นาร์ดสวิลล์ (Bernardsville)ซึ่งอยู่ในแขวง ซัมเมอร์เซท (Somerset)ในรัฐนิวเจอร์ซี่เป็นต้น   
อาคารดังกล่าวสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1710 และได้ขึ้นบัญชีเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของชาติ อาคารหลังนี้มีประวัติมาช้านาน   
เคยเป็นทั้งโรงเตี๊ยมและฟาร์มเฮ้าส์มาก่อน จนกลายมาเป็นห้องสมุดของทางราชการปัจจุบัน   


ห้องสมุดแห่งนี้เป็นแหล่งพบปะของชาวเมือง เป็นที่ค้นหาข้อมูลต่างๆ และเป็นที่นั่งหาความสงบของคนบางคน 
แต่มีสมาชิกของห้องสมุดนี้อยู่คนหนึ่งซึ่งไม่ยอมจากอาคารแห่งนี้ไปไหน เพราะว่าเธอเป็นผีที่สิงอยู่ที่นี่ 
เธอชื่อ ฟิลลิส ปาร์เกอร์ (Ms. Phyllis Parker) บันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในอาคารแห่งนี้   
สามารถค้นคว้าย้อนหลังไปได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่เชื่อกันว่าที่มาของการหลอกหลอนจริงๆเกิดขึ้นเมื่อปี 1777   
ซึ่งตอนนั้นอาคารแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นโรงเตี๊ยมมีชื่อว่า The Veal-town Tavern คำว่า Veal-town นั้นเป็นชื่อของ
เมืองนี้มาแต่เดิมนั่นเอง


ตอนนั้นกองทหารของนายพลวอชิงตันมักจะไปพักกันที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้อยู่บ่อยๆ ในระหว่างการยกทัพจากเมืองปริ๊นซ์ตัน
ไปเมืองมอร์ริสทาวน์ คนที่เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ชื่อว่า กัปตันปาร์เกอร์ มีลูกสาวชื่อฟิลลิส เป็นผู้ช่วยเหลือกิจการต่างๆ   
และเป็นที่เล่ากันมาว่า   ฟิลลิสนั้นมีความรักอยู่กับนายแพทย์ของเมืองนี้คนหนึ่งชื่อ ดร.ไบแรม (Byram) ตามประวัติมีอยู่ว่า
เมื่อเดือนมกราคมปี1777 นายพลแอนโธนี่ เวย์นกับคณะทหารของเขาได้มาพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เพื่อพักผ่อนคืนหนึ่ง   
ในขณะที่อยู่ที่นั่นปรากฏว่า ถุงเมล์ของนายพลเวย์นที่มีเอกสารลับที่สำคัญได้ถูกขโมยไป ทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมนั้น
ถูกเรียกมาสอบปากคำ ยกเว้นคุณหมอไบแรมคนเดียว

เมื่อกัปตันปาร์เกอร์ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมได้บรรยายลักษณะของคุณหมอไบแรมให้ท่านนายพลเวย์นฟัง เขาก็จำได้ว่า
เป็นคนเดียวกับอารอน ไวล์ด ซึ่งเป็นสายลับของฝ่ายตรงข้าม จึงมีการส่งกำลังออกไปคอยจับตาดูคุณหมอไบแรม   
และต่อมาหมอไบแรมก็ถูกจับโดยมีเอกสารที่ขโมยไปอยู่กับตัวด้วย เขาถูกสอบสวนและนำตัวขึ้นศาลและถูกแขวนคอตรงนั้น   
กัปตันปาร์เกอร์ได้นำศพของไบแรมกลับมาเพื่อจะทำการฝังให้ถูกต้องตามประเพณี

เนื่องจากเขาเป็นแฟนของลูกสาวของตนนั่นเอง กัปตันปาร์เกอร์ได้เอาศพของคุณหมอไบแรมใส่ลังไม่ แล้วนำกลับไปยัง
โรงเตี๊ยมของตนเพื่อรอการฝังในเช้าวันรุ่งขึ้น  เขาบอกกับลูกสาวว่า ถังดังกล่างมีศพของสายลับที่ถูกประหารอยู่   
แต่ไม่กล้าบอกเธอว่ามันเป็นศพของคนที่ลูกสาวเขารัก  บางทีเธออาจจะได้ยินทหารของนายพลเวย์นพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในตอนหัวค่ำก็เป็นได้ เสียงต่อมาที่ทุกคนได้ยินก็คือเสียงหวีดร้องอย่างโหยหวนคล้ายหัวใจแตกสลายของฟิลลิส   
เมื่อเห็นร่างอันไร้วิญญาณของคนรักอยู่ในลังไม้ใบนั้น นักประวัคิศาสตร์ในย่านนั้นเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฟิลลิส
เสียสติไปเลย แต่ไม่มีหลักฐานใดๆเกี่ยวกับชีวิตของเธอในช่วงต่อมาหรือบันทึกเกี่ยวกับความตายของเธอ แต่เชื่อกันว่า
วิญญาณของฟิลลิสได้ยัอนกลับมายังที่ที่เกิดเกตุการณ์เศร้าสลดในคืนแห่งฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก เพื่อเล่นบทละครชีวิต
อันโศกเศร้าให้ผู้ชมรุ่นใหม่ได้ชม 

ในขณะที่มีข่าวลือว่าอาคารแห่งนี้มีผีสิงมาก่อนแล้ว แต่รายงานจริงๆเกี่ยวกับวิญญาณหลอนเริ่มขึ้นในราวปี 1875 
เมื่อสถานที่แห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวของครอบครัวหนึ่ง รายงานว่าได้ยินเสียงประหลาด เช่น
เสียงเท้าเดิน เสียงเสื้อผ้าดังกรุ๋งกริ๋ง และหน้าต่างเปิดและปิดได้เองดังโครมคราม ในคืนอันหนาวเหน็บคืนหนึ่ง
ของเดือนธันวาคน ปี 1877 เม่บ้านของครอบครัวนี้อยู่ในบ้านกับลูกของเธอซึ่งกำลังนอนอยู่ชั้นบน ในขณะที่กำลังเย็บผ้าอยู่นี้   เธอก็รู้สึกตกใจกับเสียงย่ำเท้าหนักๆตรงที่หน้าประตูครัวและเสียงที่ฟังคล้ายกับเสียงผู้ชายหลายคนแบกของอะไรหนักๆเข้ามา   ต่อจากนั้นสียงเท้าดังกล่าวเหล่านั้นก็เดินออกไปทางประตูด้านหลัง


อีกประเดี๋ยวเดียวก็มีเสียงอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น มันเป็นเสียงฝาไม้ถูกงัดและฉีกออกจากลังหรือกล่อง ลูกของเธอที่นอนอยู่ในห้องนอน
ชั้นบนก็หวีดร้องขึ้นด้วยความกล้ว จนทำให้เธอต้องวิ่งขึ้นไปดู เธออุ้มลูกขึ้นมาแล้วรีบเอาสลักใส่ที่ประตูห้องนอน เมื่อมีเสียงร้อง
อย่างน่าหวาดกล้วของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากห้องครัว หลังจากเสียงกวีดร้องดังกล่าวแล้ว ก็เป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ซึ่งค่อยๆจางหายไปในที่สุด จากการตรวจสอบต่อมาพบว่าบ้านดังกล่าวถูกล็อคไว้อย่างดี ไม่มีใครเข้ามาและไม่มีอะไรแตกหักทั้งสิ้น ทำให้ทุกคนตระหนักว่าเสียงอึกทึกดังกล่าวนั้นเป็นเสียงของวิญญาณเท่านั้นเอง

ห้องครัวที่ว่านี้แต่เดิมเคยเป็นห้องกินข้าวมาก่อน ซึ่งเคยมีการนำเอาลังใส่ศพของไบแรมมาตั้งไว้ตรงหน้าเตาผิงไป
ตอนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เรื่องของไบแรมและฟิลลิสยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่าใดนัก เพิ่งจะมาในตอนหลังเท่านั้น
ที่นักประวัติศาสตร์ไปค้นคว้าหาหลักฐานจึงได้ทราบเรื่องดังกล่าว

มีเรื่องราวเกี่ยวกับอาคารหลังนี้อีกมากมายหลังจากนั้น แต่เหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกไว้อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง
ของเดือนมกราคม 1975 เมื่ออาคารแห่งนี้ได้เปลี่ยนเป็นห้องสมุดแล้ว มีอาสาสมัครคนหนึ่งที่ทำงานที่นี่ซึ่งกำลังเดินมาจาก
รถของเธอเจ้าไปในยังห้องสมุด ได้มองเข้าไปทางหน้าต่าง ก็ได้เห็นวิญญาณของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวในชุดศตวรรษที่ 18
หลังจากที่เธอเข้าไปในอาคารแล้ว  ก็ไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่ภายในเลยสักคน และเหตุการณ์ทำนองนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ




เจ้าหน้าที่ ที่เคยทำงานที่ห้องสมุดนี้ 2 คน คือ  มาร์ธาฮามิลล์และมาเรีย แมนดาลา ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์อันชวนให้
ขนหัวลุกซึ่งเกิดขึ้นในราวปี 1980 ในเย็นของฤดูหนาววันหนึ่ง ฮามิลล์กำลังนั่งทำงายอยู่คนเดียวหลังจากงานเลิกแล้ว   
เพื่อจัดทำรายงานประจำปี ทันใดนั้น เธอก็ได้ยอนเสียงพึมพำดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งในอาคารแห่งนี้ เธอเองคิดว่าอาจจะมีใครเข้ามา
ในห้องสมุดนี้ จึงได้ค้นดูทั่วๆอาคาร แต่ก็ไม่พบใคร และประตูกับหน้าต่างทุกบานก็ปิดสนิท  เมื่อเธอกลับเข้าไปทำรายงานต่อ
เธอก็ได้ยินเสียงพึมพำดังกล่าวอีก ซึ่งเธอเปรียบเทียบว่าเหมือนเสียงเด็กที่กำลังซุบซิบเล่าความลับของกันและกัน สถานที่เดียว
ที่เธอไม่ได้ลงไปตรวจดูก็คือห้องใต้ดิน เนื่องจากเธอหวาดกลัวเกินไปที่จะลงไป

มาเรีย แมนดาลา มักจะอยู่ทำงานคนเดียวหลังจากห้องสมุดปิดแล้ว มีอยู่หลายครั้งที่เธอจะได้ยินเสียงผู้หญิงฮัมเพลงในลำคอ
หรือร้องเพลง แต่เมื่อไปค้นดูรอบๆอาคารก็ไม่พบใครเลย แมนดาลายืนยันว่าเธอไม่รู้สึกหงุดหงิดกับเสียงเพลงดังกล่าวเลย
แต่มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งซึ่งทำให้เธอตกใจกลัวมาก วันนั้นเธอกำลังอยู่คนเดียวในห้องสมุด และกำลังดื่มกาแฟอยู่ เมื่อเธอสังเกตเห็นว่า
ไฟบนเครื่องต่อโทรศัพท์ของห้องสมุดหลายดวงกำลังติดอยู่ ซึ่งแสดงว่ามีการใช้สายกัน โทรศัพท์ดังกล่าวไม่มีเสียงดังกริ๊ง
และไม่มีใครอยู่ในห้องสมุดแล้ว แมนดาลาลองยกโทาศัพท์เครื่องหนึ่งขึ้นฟัง ก็ไม่มีใครพูดอยู่ในโทรศัพท์เลย 

ผู้อำนายการห้องสมุดนี้คนก่อนคือ เจรัลตีน เบอร์แดน เล่าว่าในขณะที่เสียงและเหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้ยังเกิดขึ้นมาจนทุกวันนี้ แต่รายงานเกี่ยวกับวิญญาณครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 1989 เมื่อเด็กชายอายุ3ขวบคนหนึ่งกับแม่และพีชาย ได้เข้าไปในห้องสมุดแห่งนี้ตอนบ่ายๆ ในขณะที่แม่ของเขากำลังเช็คหนังสือที่จะขอยืมออกไปจากห้องสมุดอยู่ตรงเคาวน์เตอร์นั้น เด็กชายผู้นี้ก็ไปเดินเล่นอยู่ตรงประตูของห้องอ่านหนังสือ (ซึ่งเคยเป็นห้องกินข้าวในสมัยก่อน) เขาตะโกนเรียกมารดาในขณะที่มองจ้องเข้าไปในห้องนั้น แม่ของเด็กจึงเดินเข้ามาหา แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องนั้น  เด็กคนนี้ก็ชี้ไปที่เตาผิงไฟและบอกว่า

"นั่นไงแม่  นั่นไง" ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย   

เมื่อมารดาถามว่าเขาเห็นอะไรเค้าก็ชี้ไปที่นั่นอีกแล้วบอกว่า "สุภาพสตรี"  มารดาผู้นี้รายงานว่า เกิดความรู้สึกหวาดๆขึ้นมา
และเย็นวาบไปทั้งตัวจนต้องรีบออกจากห้องนั้นทันที ภาพที่เด็กคนนี้เห็นเพียงคนเดียวนั้นเป็นสตรีผมสีดำ สวมชุดยาว
ถึงพื้นเด็กชายผู้นี้บอกกับมารดาว่า เขาพูดสวัสดีกับเธอ แต่เธอไม่ตอบอะไร บรรดาตำรวจของสถานีตำรวจในเมืองนี้
ก็รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างดี 


หัวหน้าตำรวจคนก่อนคือ จอห็น แมดดาลูน่า เล่าว่าปี 1950 เมื่อเขาเข้ามาทำงานใหม่ ได้ออกเดินตรวจยามกับจ่าอีกคนหนึ่ง   
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน  เขาได้เดินไปตรวจดูว่าห้องสมุดใส่กลอนหรือล็อคประตูดีหรือเปล่า แล้วฉายไฟสาดเข้าไปทางประตูหน้า
ก็สังเกตเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในห้องสมุด และเมื่อเล็งไหฉายเข้าไปตรงหน้าต่าง ก็เห็นร่างของสตรีผู้นี้อีก แต่สักประเดี๋ยวหนึ่ง
เธอก็หายวับไป เมื่อบอกเรื่องนี้ให้จ่าที่ไปด้วยทราบเขาก็บอกว่าไม่ต้องวิตกอะไรหรอก เพราะมันเป็นเพียงวิญญาณที่เขาเอง
ก็เคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว

เมื่องห้องสมุดแห่งนี้เป็นที่รับรู้กันว่ามีวิญญาณสิงอยู่ จึงไม่แปลกอะไรที่จะต้องมีนักพิสูจน์หรือนักจับผีเข้าไปสำรวจดูในปี 1936   ได้มีคณะสืบสวนพลังจิตพิเศษชุดหนึ่ง  มีเอ็ดและลอร์เรน วอร็เรนเป็นผู้นำ   ลอร็เรนนั้นเชื่อว่าตนมีตาทิพย์ ได้รายงานว่าตนรู้สึกว่ามีกระแสของวิญญาณที่สิงอยู่ในอาคารนี้เมื่อก้าวไปในอาคารและเธอได้ชี้จุดเหล่านั้นให้เห็น  รวมทั้งยังได้บรรยายลักษณะของฟิลลิส ปาร์เกอร์  ได้อย่างถูกต้องด้วย   



เมื่อวันที่ 29 มกราคม 1978 นักวิจัยทางด้านเรื่องลึกลับชื่อ นอร์ม โกธิเอร์ ได้พยายามจะบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับคลื่นเสียง
อิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งอาจจะมีอยู่ในห้องสมุดนี้  เขาได้นำเอาอุปกรณ์ที่มใช้บันทึกอันทันสมัยต่างๆ และใช้เทปม้วนใหม่ที่ปิดประทับ
ไว้อย่างดีจากผู้สื่อข่าวท้องถิ่น การใช้เครื่องบันทึกเสียงตามจุดต่างๆตลอดทั้งคืนโดยโกธิเอร์กับผู้สื่อข่าวอีกหลายคน
ได้ผลการบันทึกเสียงไว้อย่างน่าพอใจ เช่น เสียงเฟอร์นิเจอร์เคลื่อนไหว เสียงจานและชามกระทบกัน และเสียงผู้ชายพูด
ที่ฟังไม่ถนัดนัก ยกเว้นคำว่า "ได้โปรดเถอะ (please)" ผู้สื่อข่าวทั้งหมดยอมรับว่าพวกตนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ในระหว่างการอัดเทป   จะมาได้ยินก็ตอนนำเทปมาเปิดในภายหลังเท่านั้น 

เจ้าหน้าที่ของห้องสมุดในปัจจุบัน 2 คน คือ  แพม  แคลนซค่ กับ บรูคส์ มูลเลน เล่าว่า วิญญาณที่นี่มักจะทำเรื่องยุ่งๆ
ให้กับระบบคอมพิวเตอร์ของห้องสมุดอยู่บ่อยๆ ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าฟิลลิสอาจจะไม่ค่อยชอบการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ไปใช้ในบ้านของเธอ พวกเขาคิดว่าบางทีฟิลลิสอาจจะใช้พลังของเธอทำให้อุปกรณ์ต่างๆที่คณะผู้ที่อยากจะพิสูจน์นำเข้าไป
ในอาคารหลังนี้ไม่ทำงาน





เมื่อวันที่ 7 เมษายน 1995 คณะจับผีอีกชุดหนึ่งนำโดย แรนดอล์ฟ ดับลิว.ลีแบ็ค ร่วมกับคณะผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน   
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ได้นำอุปกรณ์ตรวจจับกระแสไฟฟ้าและกล้องถ่ายรูปเข้าไปสำรวจและถ่ายรูปในอาคารแห่งนี้   
ซึ่งคณะผู้ร่วมทีมหลายคนมีความรู้สึกเย็นยะเยือกในบางจุด แต่เมื่อนำอุปกรณ์ตรวจจับกระแสไฟฟ้าเข้าไปวัดดู ก็ไม่ได้ผลอะไร   
แต่เมื่อเวลาตีสอง ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเมื่อกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือของลีเบ็คเกิดถ่ายรูปได้เองติดต่อกัน
แลัวมีแฟล็ชวูบวาบจนกระทั่งถ่ายหมดม้วน จากการเปิดกล้องออกมาตรวจดู ปรากฏว่าถ่านไฟระเบิด ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้   
เนื่องจากเป็นถ่านอัลคาไลน์อย่างดีก้อนใหม่





แต่ยังไง ห้องสมุดผีสิงที่เมืองเบอร์นาร์ดสวิลล์แห่งนี้ก็ยังคงมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเป็นประจำ ห้องสมุดอย่างนี้คงจะไม่มีใครกล้าเข้าไปนั่งหลับนานๆ เพราะหวาดเสียงกับวิญญาณของฟิลลิสนั่น

credit :: amulet-buddha.com

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
SpiderMeaw's profile


โพสท์โดย: SpiderMeaw
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: Tabebuia, Varg Vikernes, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ด้าน "แขก คำผกา"เคลื่อนไหวแล้ว ขำสุดซอย..ฮาก๊าก..คลายเครียด!มาแล้ว "หวยควายนำโชค" งวดวันที่ 2/5/2567เตือนแล้วไม่ฟัง ต้องบังให้มิด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆอดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เฮทั่วประเทศ ! ฟุตซอลไทย ชนะจุดโทษ ทาจิกิสถาน เข้าชิงแชมป์เอเชีย 2024ตำรวจดักจับคารู หลังนักโทษร่วมกัน ขุดรูแหกคุก!!ผู้ว่าการรัฐเตรียมลงนาม ให้ครูพกปืนในโรงเรียนได้แปลกแต่จริง!! นักสู้ MMA อุ้มจระเข้วิ่ง กลางถนน
ตั้งกระทู้ใหม่