กำเนิดคำสาปมรณะ

ถ้าพูดถึงผีสาวจากญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุดในโลกคงไม่พ้น ซาดาโกะ จาก เรื่อง The Ring ได้อย่างแน่นอน เพราะ เจ้าตัวนี่แหละที่ทำให้ภาพยนตร์สยองขวัญจากญี่ปุ่นอย่าง J-Horror บุกถล่มทั้งโลกเมื่อหนังสยองขวัญแดนอาทิตยือุทัยพากันพาเหรดแปลงสัญชาติเป็นอเมริกาไปหมดและนำกระแสเอเชียสยองขวัญมาสู่โลกได้สำเร็จ
.
ทว่าจุดเริ่มต้นของ ซาดาโกะ กว่าจะกลายเป็นผีสาวที่เรารู้จักกันนั้นต้องย้อนกันไปถึงต้นฉบับเรื่องนี้อย่าง Ringu คำสาปมรณะฉบับนิยายที่เขียนโดยโคจิ ซูสุกิ นักเขียนสยองขวัญในตอนนั้นที่เริ่มต้นงานด้วยความคิดสั้น ๆ ประมาณว่า
.
“ตอนที่เขียนเรื่อง The Ring ผมไม่มีโครงเรื่อง ไม่มีแม้กระทั่งไอเดียอะไรทั้งนั้น ผมมีความคิดในหัวแค่ว่า จะเป็นยังไงกันนะ หากคนสี่คนที่อยู่สถานที่คนล่ะทีกัน แต่มาตายเวลาเดียว นั่นคือ จุดเริ่มต้น”
.
ซุสุกิใช้เวลาคิดถึงเนื้อหาอันนี้เป็นเวลานานพอควร เขาทบทวนว่า สิ่งที่จะทำแบบนั้นจะต้องเป็นอะไร พวกเขาจะต้องมีอะไรสักอย่างเชื่อมหากัน และสิ่งที่ฆ่าพวกเขาได้จะต้องเป็นไวรัสที่จะฆ่าคนหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ แต่ปัญหาคือพวกเขาติดได้ยังไง นี่คือ ปัญหาข้อต่อไปที่เขาต้องตีให้แตก
.
ตอนแรกเขาวางเอาไว้ว่า อาจจะเป็นติดเชื้อจากอาหาร แต่ก็โยนความคิดนี้ทิ้งเพราะ ไร้สาระ ถ้าเป็นผีเอง เขาก็คิดว่า มันไม่เวริ์คเพราะเชยเหลือเกิน เขานึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดีกระทั่ง
.
“ผมกวาดตาไปที่ข้าง ๆ ตัว ผมเห็นม้วนวีดีโอวางเอาไว้บนเครื่องเวริ์ดโปรเฟสเซอร์ ผมร้องเลยว่า นี่แหละที่ต้องการทั้งสี่คนจะดูวีดีโอเทปพวกนี้ ก่อนจะตายไป แต่ว่า ตายเพราะอะไรล่ะ แล้วอะไรที่บันทึกอยู่ในวีดีโอ ผมพยายามนึกถึงสาเหตุทั้งหลายอย่างเต็มที่ก่อนจะตัดสินใจว่า เอางี้ เป็นพลังจิตแล้วกัน”
.
ซุสุกิยอมรับว่า ไม่เคยสนใจเรื่องพลังจิตมาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้อ่านบทความของศาสตราจารย์โทโมคิจิ ฟุคุราชิ ที่เกี่ยวช้องกับพลังจิต เขาเอาไอเดียพวกนี้มาผสมรวมกันจนกระทั่งกลายเป็นเรื่องนี้
.
เรื่องราวทั้งหมดถูกปะติปะต่อเข้ามาเป็นซาดาโกะ ผีสาวในเรื่องที่นำพาไวรัสริงไปหาผู้คนที่จะต้องตายในเจ็ดวันหลังดูวีดีโอนี้ ซึ่งวิธีนี้เอาตัวรอดจะต้องส่งต่อวีดีโอให้คนอื่นไปแทนเท่านั้น
.
ทว่าโคจิบรรยายตัวละครไว้เพียงแค่หญิงสาวผมยาวสีดำแค่นั้น ไมได้บอกว่าออกมาจากทีวีได้ หรือ กระทั่งมีดวงตาน่าสยอง เพราะนั้นเป็นสิ่งที่ตัวของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง ฮิเดโอะ นากาตะ ได้เริ่มต้นทำต่างหาก เขาทำขึ้นมาด้วยเหตุผลว่า อยากให้หนังน่ากลัวขึ้น ถ้าเห็นเธอให้น้อยที่สุด
.
“เป้าหมายอันดับหนึ่งของผมคือ การทำหนังออกมาให้น่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ในหนังเรื่องเก่าของผม ผมให้เห็นผีมากเกินไป แต่มีคนติงมาว่า มันไม่น่ากลัวเอาซะเลย ใน Ring ผมจึงให้คนเห็นซาดาโกะแค่ผมและตาข้างเดียวเท่านั้น มันจึงออกมาทรงพลังมาก”
.
เมื่อพูดถึงรูปลักษณ์ของซาดาโกะที่มาพร้อมกับชุดสีขาว ตัวนากาตะได้กล่าวว่า เขาเลือกให้ซาดาโกะใส่ชุดสีขาวเพราะ มันแสดงถึงความตายได้ดีที่สุด เพราะ สำหรับประเทศญีปุ่นแล้วสีขาวคือ สีของความตาย ซึ่งเวลาคนตาย คนญี่ปุ่นจะนำชุดกิโมโนสีขาวไปวางไว้ใกล้ศพคนตาย และได้รับแรงบันดาลใจมาจากผีของโอคิคุที่โด่งดังด้วย
.
กระนั้นเรื่องราวของวีดีโอต้องสาปก็ได้แรงบันดาลมาจากตำนานเมืองที่เล่าขานดันปากต่อปากของเด็กวัยรุ่นในยุคนั้นด้วย
.
“ตอนนั้นมันมีข่าวลือเรื่องวีดีโอต้องสาปที่บอกถ้าได้ดูจะตายในเจ็ดวันจริง ๆ นะ ผมเลยได้องค์ประกอบที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ทันสมัยขึ้นมาด้วย ผมเลยอยากจะเล่นกับองค์ประกอบพวกนี้ เพราะ ความกลัวคือ พื้นฐานนิสัยของคนญี่ปุ่น ไม่มีใครกลัวพวกผีพื้นบ้านพวกนั้นอีกแล้ว แต่พวกเขายังกลัวอยู่ก็เหมือนสิ่งที่ฝังไว้ในจิตใต้สำนึกของเรานั่นแหละ”
.
นากาตะกล่าวและคงไม่ต้องบอกว่า นับจากนั้น The Ring กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ทำเงินไปทั่วโลกพร้อมกับภาคต่อที่ตามมามากมายรวมทั้งการรีบู้ทอีกครั้งในปลายปีนี้
.
ผีซาดาโกะยังไม่ตายไปตามกาลเวลา เพียงแต่รอเวลาที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปก็เท่านั้น