หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

วิธีวางใจเมื่อทำสมาธิ

เนื้อหาโดย กั๋วซิง
 
 
     ผมขออนุญาตแบ่งปันแนวทางเจริญปฏิบัติให้แก่ท่านที่สนใจในธรรมะนะครับ เพื่อเป็นพื้นฐานใช้ขจัดอภิชฌา โทมนัส
     ซึ่งตัวผมเองนี้ ก็มีกิเลสตัณหาเยอะ หื่นกาม บ้ากาม โมโหร้าย อยากได้ ตระหนี่ ริษยา หลงไหลใคร่ได้ไปทั่ว จนวันหนึ่งได้เห็นทุกข์จากสิ่งที่มีแก่ตนทั้งปวง จึงได้ศึกษาธรรมที่พระพุทธเจ้า องค์พระบรมศาสดาตรัสสอนไว้ดีแล้วเพื่อเป็นเครื่องออกจากทุกข์ และ ออกแสวงหาครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ทั้งหลายเท่าที่พอจะมีโอกาสไปพบได้ แล้วขอเรียนรู้กรรมฐานจากท่านมา จากนั้นนำมาเจริญปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ให้มันใช้ได้กับตนในกาลทุกเมื่อ เพื่อละราคะที่เป็นไฟเผาไหม้กายใจผมหนักนัก
      ซึ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ดีแล้ว พร้อมทั้งธรรมเทสนาของครูบาอาจารย์พระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าทุกๆท่านที่สอนผมทั้งหลายนั้น เป็นทางที่ถูกต้องดีงานเพื่อออกจากทุกข์ได้จริง แต่ถ้าหากแนวทางปฏิบัติที่ผมโพสท์เผยแพร่อยู่ต่อไปนี้เป็นการบิดเบือนไม่เป็นจริง ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์เหล่าใด ขอให้ท่านทั้งจงรู้ไว้เลยว่าธรรมเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่กรั่นกรองออกมาจากการปฏิบัติที่เป็นไปตามความคิดอนุมานคาดคะเนสมมติเอาของปุถุชนอย่างผมคนเดียวเพียงเท่านั้น แต่หากท่านทั้งหลายนำไปใช้แล้วเจริญปฏิบัติเห็นผลได้ไม่จำกัดกาล ขอให้ท่านทั้งหลายพึงรู้ไว้เลยว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า และ คำชี้แนะสั่งสอนของพระอรหันตสาวกครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เราสามารถนำมาใช้เจริญปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ โดยให้ผลได้เห็นผลไม่จำกัดกาลแค่เราทำไว้ในใจให้เป็น
 
 
วิธีวางใจเมื่อทำสมาธิ
 
เริ่มต้นทำสมาธิ..ให้ทำใจให้เป็นที่สบายๆ ระลึกถึงความไม่มีทุกข์ใจ ไม่ลำบากกาย เรื่อยๆสบายๆ ทำถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา ครูอุปัชฌาอาจาริยะบูชา ตั้งใจว่าทำสะสมเหตุไป ไม่ต้องประครองมากเกินไปหรือปล่อยละเลยเกินไป โดยระลึกว่า..หากมันจะเป็นสมาธิให้ทำยังไงมันก็เป็นสมาธิ หากมันจะไม่เป็นสมาธิให้จดจ้องประครองให้ตายมันก็ไม่เป็นสมาธิ ..ดังนั้นทำใจให้สบาย ปล่อยกายปล่อยใจให้โล่งเบาเป็นที่สบาย แล้วทำพุทโธไปเรื่อย ให้จิตอยู่กับพุทโธ 

หากมีความคิดอื่นแทรก..ก็ให้มีสติเป็นเบื้องหน้ารู้ตัวว่าทำสมาธิอยู่ตั้งจิตมั่น ไม่หลงตามสมมติกิเลสความคิด แต่ปกติจิตเราหากอบรมมาน้อยมันไม่มีกำลัง ดังนั้นให้เราปักหลักรู้ลมหายใจมีพุทโธกำกับอยู่ไม่ออกจากพุทโธไป โดยหายใจเข้าออกให้ยาว ตั้งมั่นรู้ลมหายใจเข้าที่เคลื่อนผ่ายปลายหรือโพรงจมูกให้มั่น บริกรรมพุทยาวตามลมหายใจ หายใจออกยาวตั่งมั่นรู้ลมหายใจที่ผ่านโพรงหรือปลายจมูก บริกรรมโธยาวตามลมหายใจ แล้วมีสัมปะชัญญะและสติตั้งมั่นรู้อย ู่ทำใจแค่รู้ว่ามีสมมติกิเลสความคิดเกิดขึ้นมา แล้วก็ช่างมันปล่อยมันไปให้ทำแค่รู้ว่าคิดหรือสมมติเกิด

เมื่อรู้ว่าสมมติเกิด เป็นผู้รู้จริงต่างหากจากสมมติแล้ว จากนั้นให้ทำจิตเป็นผู้ตื่นโดยตั้งมั่นปักหลักวางจิตไว้ไม่ไหวเอนให้อาจจะกำหนดนิมิตดั่งอุปมาว่า..

อุปมาเหมือน จิต เป็นดวงอาทิตย์ ปักหลักแย่นิ่งตรงกลางวงโคจรในจักรวาลไม่หมุนตัวหรือเคลื่อนโคจร ฉันใด..  ส่วนสมมติกิเลสความคิดมันก็เหมือนดาวเคราะห์บริวารที่หมุนเคลื่อนตัวโคจรวนรอบจิตคือดวงอาทิตย์ ฉันนั้น..

หรือ..จิตเป็นดวงแก้วมณี ดั่งดวงจันทร์เมื่อวันเพ็ญที่อยู่ท่ามกลางอากาศบนท้องฟ้ากว้างมีความสว่างไสวอยู่ฉันใด สมมติกิเลศความคิดก็เหมือนเมฆหมอกที่รายล้อมจรมาเคลื่อนมาคลุมจิตแสงสว่างก็ถูกบดบังไปฉันนั้น แล้วให้จิตจับที่ลมหายใจนี่แหละเป็นดั่งลมที่พัดเอาเมฆหมอกคือสมมติกิเลสความคิดออกไปจากจิต ทำให้จิตที่เป็นดั่งแก้วมณีดุจดวงจันทน์เมื่อวันเพ็ญตั้งตระหง่านเด่นสว่างไสวตามเดิม



เมื่อจิตอยู่กับพุทโธและลมหายใจได้ จิตจะมีกำลังมากมันเหมือนอาการที่ตัวเราภายในมีกำลังอัดปะทุไปทั่วร่าง เหมือนตนทรงกายอยู่ได้โดยไม่ประครองหรือเหมือนจะลอยได้ ช่วงนี้แหละต้องตั้งมั่นไม่ให้จิตเสพย์สมมติ
- มันง่วงจะหลับก็ตั้งมั่นทรงอยู่ที่ลมหายใจไว้ ตั้งมั่นพุทโธไปเรื่อย โดยหน่วงนึกว่าหากมันจะหลับก็นั่งหลับมันไปเลยนี่แหละ ได้ธุดงควัตรข้อ "เนสัชชิก" นี่บุญโขเลยนะนี่ หลับในสมาธิหลับในฌาณนี่อกุศลไม่เข้าแทรกแน่นอน เผลอๆไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ด้วย อะไรจะเกิดก็ช่างมันแต่รู้แล้วตั้งมั่นที่พุทโธเท่านั้นพอ
- มันจะวูบวาบๆขนลุกก็เฉยช่างมัน มันก็แค่จิตกับกายมันปรับตัวให้สมกันควรแค่ภาวนาเท่านั้น ความสงบใจจะเกิดขึ้น ความฟุ้งซ่านจะลกลง
- มันจะเหมือนอาการที่ใจเรามันคลุกจ้องอยู่ในอารมณ์หรือนิมิตใดนิมิตหนึ่งที่ไม่มีอะไร ไม่สนสิ่งอื่น ไม่สนเสียงภายนอก ไม่จับที่ลมหายใจแล้ว เสียงลมหายใจหายไปหรือเบาลง มีอาการเหมือนหูอื้อได้ยินภายนอกเบาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวที่อยู่เบื้องหน้านั้นก็ช่างมัน นั่นเป็นธรรมชาติของจิต
- มันจะวูบลงไปจับแต่นิมิตที่อยู่ตรงหน้า ไม่บริกรรมพุทโธ เหมือนพุทโธหายไป หรือ เหมือนได้ยินคำบริกรรมพุทโธมันดำเนินไปของมันอยู่โดยที่เราไม่ได้ไปบังคับบริกรรมมันเลย แต่มันทำของมันเองเหมือนสิ่งนั้นมันอยู่อีกฟากหนึ่ง ส่วนมุมหนึ่งๆของตัวรู้กับนิมิตเบื้องหน้าก็ช่างมัน ปล่อยมันไป ไม่ต้องให้ความสำคัญ หรือ รีบกลับมาบริกรรมพุทโธ แค่ให้เรารู้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็พอ ดูอาการที่เกิดขึ้นนั้นมันไปเรื่อยๆก็พอ ปล่อยมันไป มันแค่อาการหนึ่งๆของจิตที่มีอยู่นับล้านก็เท่านั้น ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไปคิดตามมันยิ่งติดสมมติไปใหญ่ วางเฉยต่ออาการนั้นเสียแค่รู้อยู่ก็พอเสีย
- มันจะไปรู้เห็นอาการอย่างไรก็ช่างมัน มันเหมือนจะรู้อาการหนึ่งแล้วก็วูบนิ่งแช่ว่าง สักพักเหมือนจะไปรู้อะไรอีกแล้วก็วูบนิ่งแช่อยู่ ก็ช่างมัน ก็แค่อาการหนึ่งๆของจิตมีเกิดขึ้นให้เรารู้ ดูแล้วจะรู้ว่าเราบังคับไม่ได้จึงชื่อว่า สังขาราอนัตตา, วิญญาณังอนัตตา ไม่มีอะไรเกินนั้น ก็แค่รู้แล้วปล่อยมันไป "รู้ ปกติ วาง"
- มันจะนิ่งแช่อยู่เฉยๆไม่มีอะไรเลย แล้วรู้สึกเหมือนมันหายใจไม่ออก ไม่หายใจ ลืมหายใจ ก็ช่างมันให้หน่วงนึกสำเหนียกว่าตายเพราะกรรมฐานนี้เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานแล้ว แล้วปล่อยมันไป มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าอยู่แล้วตายในกรรมฐานนี้มีคุณมากช่างมัน เราจะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับมันอีก
- มันจะว่างไม่มีอะไรเลย พยายามจะคิดก็คิดไม่ออก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ไม่มีความคิดเลย ก็ช่างมัน เพราะนั่นคือ..จิตเราถึงพุทโธ ความเป็นผู้รู้ รู้ในปัจจุบัน, ความเป็นผู้ตื่นจากสมมติของปลอม ไม่หลงเสพย์สมมติอยู่อีกได้แล้ว.. เราอยู่นิ่งๆเฉยๆมันสบายโล่งดีแล้ว เมื่อจะระลึกทำ ก็ช่างมันให้หน่วงนึกสำเหนียกว่าตายเพราะกรรมฐานนี้เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานแล้ว แล้วปล่อยมันไป มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าอยู่แล้วตายในกรรมฐานนี้มีคุณมากช่างมัน เราจะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับมันอีก
- มันจะสุขอัดปะทุขึ้น เกิดมาไม่เคยเจอความสุขอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ก็ช่างมัน เพราะจิตมันไม่หลงสมมติไม่เสพย์สมมติแล้ว จิตมันก็มีกำลังไม่มอมเมาสมมติกิเลสอยู่อีก..จิตเข้าถึงพุทโธความเบิกบาน หลุดพ้นจากสมมติกิเลสของปลอมเครื่องร้อยรัดใจ เวลาที่จิตมันมีกำลังไม่เสพย์สมมติของปลอม ไม่เสพย์สมมตืความคิด มันก็อยู่เบิกบานเป็นสุขได้ด้วยตัวของมันเองอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมายรู้และ้วก็ปล่อยมันเป็นไปของมัน
- มันจะว่างเปล่า นิ่งแช่อยู่ไม่มีอะไรเลย ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นดูมันสว่างๆแต่ก็ไม่มีอะไรเลย สุขก็ไม่มี มีแต่ว่าง สงบไม่มีอะไรทั้งสิ้น พอเหมือนจะคิดหรืออะไรมันเพิกไปของมันทันทีเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าจิตมันไวกว่าแสง และ ทั้งหมดทั้งปวงนี้มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านว่า..ก็ในเมื่อมันไม่มีแล้วจะให้มันมีมันเห็นอะไร ของมันไม่มีจะทำให้มันมีได้ยังไง ที่เราหลงอยู่คือสมมติจากความไม่มีอะไรตรงนี้แหละ เมื่อเห็นว่ามันไม่มีอะไร ไปทางไหนก็ไม่มีอะไร ภายในก็ไม่มี ภายนอกก็ไม่มี แล้วมันจะมีอะไรให้ยึดเป็นตัวตนอันใดในโลกได้ เมื่อของแท้จริงโลกมันว่างเปล่าอยู่อย่างนี้ เราก็แค่รู้ดูมันไปเรื่อยๆ ปล่อยจิตให้มันคลายหลงสมมติในโลกทั้งๆที่จริงเป็นเพียงของความว่างเปล่านั้นๆไปเสีย
 
** ทำอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปอยากได้ฌาณเหมือนเขาอยากได้ญาณเหมือนเขา อยากได้อภิญญาเหมือนเขา ของเก่าเรามันไม่มีสะสมไว้มันไม่เกิดขึ้นได้หรอก การเข้าสมาธิอย่างนี้ๆเป็นพื้นฐานของทุกอย่างทั้งฌาณก็ดี อภิญญาก็ดี ญาณทัสสนะก็ดี ปัญญานิพพิทาวิราคะก็ดี ..ทำอย่างนี้ได้จะจับกสินเอาอภิญญาก็ง่าย ไปจับเจโตวิมุติก็ง่าย ปัญญาวิมุตติก็ง่าย ทำสมาธิแบบสบายๆอย่างนี้ไม่ได้ก็ไปทำอย่างอื่นไม่ได้เช่นกัน"ศีล ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาความเย็นใจ, ทาน ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาความอิ่มใจ, สัมมัปปธาน ๔ ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาสติ สัมปะชัญญะ, ภาวนา ยังไม่ทำก็อย่าไปหวังสมาธิ สมาธิยังไม่ทำก็อย่าไปหวัง ฌาณ ญาณ ปัญญา" ..."ดังนั้นทำสะสมเหตุภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อยๆสบายๆ จะได้ผลหรือไม่ได้ก็ช่างมัน เพราะว่าหากนจะเกิดมีมันเกิดมาเองไม่ต้องไปบังคับมันเลย หากมันจะไม่เกิดไม่มีให้บังคับให้ตายยังไงก็ไม่ได้หรอก" ด้วยเหตุดังนี้จึงชื่อว่า..สัพเพธัมมาอนัตตา สังขารทั้งปวงไม่มีตัวตน สมดั่งพระศาสดาตรัสสอนไว้ ดังนั้นเราจึงต้องฝึกฝนอบรมจิตด้วยประการดังนี้
     เมื่อจิตมันมีสมาธิเต็มกำลังแล้ว มันจะเห็นของมันเอง เกิดปัญญาเอง เกิดญาณทัสสนะมีคุณวิเศษเอง ไม่ต้องไปอยากดู อยากเจอนั่น โน่น นี้ อะไรทั้งสิ้น เมื่อมันเต็มมันถึงคราวแปล้วมันได้เอง ..ให้ทำแค่มีสติระลึกรู้ แลดูอยู่เฉยๆ ไม่ต้องการ ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องเอะใจติดข้องสิ่งใด ให้เหมือนตอนหัดปฏิบัติใหม่แรกเริ่มที่ไม่รู้จักอะไรนอกจากพุทโธเป็นพอ.."ทำแค่แลดู แต่ไม่ไปต้องรู้" เป็นอย่างนี้**



ไม่ต้องไปหลงตามปัญญาจากสัญญาความคิด ว่าเห็นสมุทัยอย่างนั้นอย่างนี้ จะละโน่น ดับนั่น ดับนี้แล้วถึงธรรม หากจิตตั้งมั่นไม่ได้ปัญญาแท้จริงก็มีไม่ได้ มันจะมีกีแต่ปัญญาที่เป็นสมมติความคิดจากความจำที่มันอนุมานคาดตะเนเดาเอา หากหลงตามมันไปมันนั่นแหละคือตัวสมุทัยที่ทำให้เราหลงสมมติสัญญาความคิดคาดคะเน ตามที่หลวงตามหาบัวสอน (เราคาดว่านี่คือตัวที่เรียกว่าวิปัสสนูปกิเลส)


 
หากท่านใดสนใจเรียนรู้ปฏิบัติ หากอยู่ใกล้วนเวียนบางเขน ขอเชิญที่วัดพระศรีฯ ทุกๆวันศุกร์ เริ่มประมาณ 7.30 น. สามารถไปทำบุญและฟังธรรมเทสนาของหลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน ที่ กุฏฺิ ๘ ได้ครับ

หากอยู่ชัยภูมิ ก็ไปหาหลวงพ่อเสถียร ได้ที่วัดป่าโสกขามป้อม จ. ชัยภูมิ ครับ
 
และ ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์มีมากที่ท่านไม่เปิดเผยตัว ที่ใกล้ตัวท่าน ครับ
 
หากอยู่ นนทบุรี ก็ไปหาหลวงปู่บูญฤทธิ์ ได้ครับ
 
 
เนื้อหาโดย: ทะเล้น
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กั๋วซิง's profile


โพสท์โดย: กั๋วซิง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: llHackll, signandsign, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
7 ลักษณะหน้าตาของจิ๊มิ เรื่องปกตินี่คือวงเวียนในเขมร ที่ใช้งบประมาณไปกว่า 70 ล้านบาทในการก่อสร้าง!ซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านคอหวยแห่ส่องทะเบียนรถ งูเล่นน้ำหน้ารถกระบะชาวลพบุรีสุดทน!!! ขึ้นป้ายประท้วงกรมอุทยานฯ แก้ปัญหาลิงล่าช้าข้าวเหนียวมะม่วงของไทย คว้าอันดับ 2 ขนมหวานประเภทมีข้าวเป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุดของโลก"บีม ศรัณยู" ลั่น! ต่อไปนี้จะไม่มี "บีม พลังใบ"..เพราะจะเลิกกัญชาอย่างถาวร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"บีม ศรัณยู" ลั่น! ต่อไปนี้จะไม่มี "บีม พลังใบ"..เพราะจะเลิกกัญชาอย่างถาวรเขมรอ้างกีฬายิมนาสติก มีต้นกำเนิดมาจากเขมร มีหลักฐาน ณ กำแพงนครวัด?สเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลี5 สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วน่าอิจฉาแต่คุณอาจไม่รู้ตัวเกิดเหตุรถยนต์ไฟไหม้ ที่สนามบินฟิลิปปินส์ เพราะร้อนเกินไป
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
7 วิธี หารายได้เสริมของพนักงานประจำจากสุสานหลวงสู่กาดหลวงตลาดวโรรส5.อาหารที่ทำให้มีลูกง่าย6 เว็บไซต์เพิ่มเวลาชีวิต
ตั้งกระทู้ใหม่