กรมโรงงานฯ เร่งส่งกากอิเล็กทรอนิกส์อันตรายกว่า 190 ตัน กลับญี่ปุ่น หลังตรวจพบเอกชนลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย
กรมโรงงานอุตสาหกรรม เร่งนำส่งซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันตรายน้ำหนักรวม 196.11 ตัน หลังตรวจพบเอกชนลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย คาดถึงประเทศต้นทางในวันที่ 7 ส.ค.59 ด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ส่งออกต่อไป
กรม โรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบเรือขนส่งสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจพบซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว จำนวน 7 ตู้คอนเทรนเนอร์ ปริมาณรวม 196.11 ตัน ซึ่งกากอันตรายดังกล่าวจัดเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลและเป็นวัตถุ อันตรายชนิดที่ 3 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ผู้ใดนำเข้าจะต้องได้รับการ อนุญาตนำเข้าวัตถุอันตราย
ด้านนายศักดา พันธ์กล้า รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมโรงงานฯได้รับแจ้งจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ให้เฝ้าระวังและตรวจสอบสินค้าที่จะมีการนำเข้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าที่เข้าข่ายการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดน ทางกรมโรงงานฯจึงได้ประสานความร่วมมือไปยังกรมศุลกากรเพื่อเฝ้าระวังการนำ เข้าสินค้าประเภทดังกล่าวเข้ามายังประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 8 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีต้นทางจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสินค้าสำแดงเป็นเศษโลหะ (metal scrap) เศษทองแดง (copper scrap) และเศษอลูมิเนียม (aluminum scrap) จากการตรวจสอบสินค้าจำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ถูกต้องตรงตามสำแดง แต่ตู้คอนเทนเนอร์ อีกจำนวน 7 ตู้ที่เหลือ ตรวจพบเป็นซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว ซึ่งมีปริมาณรวม 196.11 ตัน
นายศักดา กล่าวต่อว่า ซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว ดังกล่าวจัดเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลและเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยการนำเข้าต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยกรณีดังกล่าวทำให้ผู้นำเข้ามีความผิดตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 รวมถึงมีความผิดฐานสำแดงชนิดสินค้าเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการประสานไปยังกรมศุลกากร กรมควบคุมมลพิษ และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เพื่อยุติปัญหาและได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ผู้นำเข้า ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรในการส่งสินค้าดังกล่าวกลับต้นทาง โดยประเทศญี่ปุ่น ได้ตอบรับและยินยอมให้ส่งของเสียทั้งหมดกลับคืนต้นทาง
ด้าน นายสมคิด วงศ์ไชยสุวรรณ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมควบคุมมลพิษ และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้จัดพิธีเตรียมการจัดส่งของเสียอันตรายทั้งหมด โดยของเสียดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นมีกำหนดเดินทางในวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 คาดว่าจะถึงประเทศต้นทางในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 หลังจากนั้นกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ส่งออกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการส่งกลับสินค้าที่เข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบา เซล นอกจากจะเป็นการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญาบาเซลแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นที่มี เจตนารมณ์ในการยุติปัญหาการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายระหว่างประเทศ และแสดงถึงความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลไทยในการป้องกันการลักลอบนำเข้าของ เสียที่เป็นอันตรายเข้ามาทิ้งภายในประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญ ในการดำเนินตามพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้ในการร่วมมือกับนานา ประเทศเพื่อยุติปัญหาการลักลอบเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายระหว่างประเทศและ เป็นการอนุวัติให้เป็นไปตามข้อตกลงของอนุสัญญาบาเซล ตลอดจนเพื่อสร้างมาตรฐานของการบริหารกากของเสียของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐาน การจัดการกากของเสียสากล