บทวิเคราะห์กรณีแอร์โดกันยอมง้อขอภัยปูติน และปูตินก็ใจกว้างให้อภัยพร้อมทั้งให้โอกาสแอร์โดกันแก้ไขข้อผิดพลาดของตนกรณีความขัดแย้งระหว่างตุรกี-รัสเซีย (ตอนที่ 1)
บทวิเคราะห์กรณีแอร์โดกันยอมง้อขอภัยปูติน และปูตินก็ใจกว้างให้อภัยพร้อมทั้งให้โอกาสแอร์โดกันแก้ไขข้อผิดพลาดของตนกรณีความขัดแย้งระหว่างตุรกี-รัสเซีย (ตอนที่ 1)
----------
มาตามสัญญาที่ได้เกริ่มปิดท้ายในโพสต์ "แถลงการณ์สรุปผลการคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างปูตินกับแอร์โดกัน 29 มิถุนายน 2559" ว่าจะมาพูดเกี่ยวกับเบื้องหน้าเบื้องหลังของการคืนดีกันระหว่างรัสเซียกับตุรกีจากแง่มุมต่างๆ ให้ฟัง จริงๆ แล้วก็มีบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่สื่อฯรัสเซียนำมาเผยแพร่ในวันเดียวกันกับที่ปูตินยกหูโทรศัพท์ถึงแอร์โดกัน เนื้อหาค่อนข้างยาว แม้จะไม่ครบทุกประเด็นก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ แอ็ดมิน (ผู้แปล) จะเสริมให้นะครับ
วันที่ 29 มิ.ย.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เหตุผลและแนวโน้มที่แอร์โดกันจะยื่นแขนไปจับมือกับกรุงมอสโคว์อย่างเป็นมิตร (อีกครั้ง)" (Reasons and Prospects of Erdogan Extending Friendly Hand to Moscow)
ในวันที่ 27 มิ.ย.59 พระราชวังเครมลินรายงานว่าปธน. Recep Tayyip Erdogan ผู้นำตุรกีได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งถึงปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียซึ่งเป็นการแสดงความเสียใจและความพร้อมที่จะปรับความสัมพันธ์เข้าสู่ระดับปรกติ (normalize ties)
ก่อนหน้านี้ ทางตุรกียืนยัน (อย่างแข็งขันและหนักแน่น) ว่า "รัสเซียนั่นแหละที่ควรจะเป็นฝ่าย 'ขอโทษ' (ตุรกี) เนื่องจากเครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซียได้ละเมิดน่านฟ้า (airspace violation) ของตุรกี" [คุ้นๆ ว่าคำพูดนี้เป็นของปธน.แอร์โดกันเลยหละ - ผู้แปล] แต่แล้ว ในที่สุด ปธน.แอร์โดกันก็ได้ทำตามความประสงค์ของรัสเซียที่ว่า "กรุงอังการาจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าว" (Ankara apologize for the incident.) [และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ - ผู้แปล] หนึ่งในเหตุผลหลายอย่างก็คือ นโยบายของตุรกีในซีเรียกำลังพังพินาศ (collapsing) บทความฉบับหนึ่งในหนังสือพิมพ์ Sankei Shimbun ของญี่ปุ่นเขียนเอาไว้
ตั้งแต่เริ่มสงครามในซีเรียใหม่ๆ ตุรกีได้สนับสนุนกลุ่มต่างๆ ที่เป็นฝ่ายค้าน (ของซีเรีย) เพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาด อย่างไรก็ตามหลังจากที่รัสเซียได้เข้าไปมีส่วนร่วมเมื่อปีที่แล้ว กองทัพซีเรียก็ได้รับชัยชนะหลายครั้งหลายคราทั่วประเทศ
ในขณะเดียวกันกองกำลังชาวเคิร์ดในภาคเหนือของซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและรัสเซียก็กำลังมีความก้าวหน้าในการต่อต้านพวกดาอิช และสามารถยึดครองพื้นได้ต่างๆ ได้ กรุงอังการากลัวว่าเคิร์ดจะสถาปนาเขตปกครองตนเอง และจากนั้นก็จะขยายกิจกรรมของพวกเขาเข้าไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย
เหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแซงชั่นของรัสเซียที่มีต่อตุรกีหลังจากที่อากาศยานของรัสเซียถูก (ตุรกี) ยิงตก ทั้งสองประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบจากโครงการร่วมกันจำนวนมากระหว่างกรุงอังการาและกรุงมอสโคว์ ซึ่งรวมทั้งในด้านพลังงาน การค้า การลงทุน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
มีอีกหลายเหตุผลที่กรุงอังการาได้ตัดสินใจเริ่มปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียให้เข้าสู่ภาวะปรกติ นาง Oya Akgonenc Mugisuddin นักวิเคราะห์ด้านการเมืองชาวตุรกีกล่าวกับสถานีวิทยุของ Sputnik
"อย่างแรก การแซงชั่นโดยรัสเซียได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของตุรกี ก่อนจะมีการแซงชั่นนั้น ทั้งสองประเทศได้ขยายความร่วมมือในแขนงต่างๆ ยิ่งกว่านั้น รัสเซียและตุรกีต่างก็เป็นมหาอำนาจด้วยกันทั้งสองประเทศที่รักษาเสถียรภาพในภูมิภาค [คนตุรกีก็ย่อมอวยตุรกีเป็นธรรมดา - ผู้แปล] การทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคต่างๆ ได้มีผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ" นาง Oya Akgonenc Mugisuddin กล่าว [แต่ Oya Akgonenc Mugisuddin ไม่ได้พูดให้ชัดเจนว่าแล้วใครหละที่บ่อนทำลายเสถียรภาพ (Destabilization) ที่ว่านี้? ขืนพูดตรงขนาดนั้นเดี๊ยนก็ถูกแอร์โดกันจับยัดตารางสิคะ - ผู้แปล]
ผู้เชี่ยวชาญยังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า การปรับความสัมพันธ์เข้าสู่ระดับปรกติ (normalization) ย่อมเป็นไปได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโดยรวมในนโยบายต่างประเทศของตุรกี
[ถ้าแอร์โดกันยังขืนซ่าอยู่อย่างนี้ ก็ยิ่งจะเป็นการโดดเดี่ยวตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าตอนนี้ใครๆ ก็เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้าตุรกีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ยกเว้นอิสราเอลที่แอร์โดกันหันไปจูบปากกับบีบี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงโรม แต่อิสราเอลจะช่วยฟื้นฟูเรื่องเศรษฐกิจให้กับตุรกีได้หรือ? ไม่มีทาง ดังนั้นแอร์โดกันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันมาคบกับรัสเซียเพื่อถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐและอียู - ผู้แปล]
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี Binaly Yildirim คนใหม่ของตุรกีได้กล่าวว่า กรุงอังการาจะดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งมั่นเพื่อเพิ่มจำนวนพันธมิตรและปรับความสัมพันธ์ด้านต่างๆ ให้เป็นปรกติ [ไม่รู้ว่าหมอนี่หมายรวมถึงการปรับความสัมพันธ์กับพวกดาอิชให้เข้าสู่ภาวะปรกติด้วยหรือไม่? - ผู้แปล]
ในที่สุด ขณะนี้สหภาพยุโรปกำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลงการถ่วงดุลอำนาจกัน มันเป็นผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ (รัสเซีย-ตุรกี) ที่จะปรับเข้าสู่บรรยากาศใหม่ และฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้ นาง Oya Akgonenc Mugisuddin กล่าว
"การฝืนใจ (reluctance) ของประธานาธิบดีของรัสเซียที่จะยอมรับการขอโทษของปธน.แอร์โดกันในทันทีนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงความสนใจของปูตินในการสร้างผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดจากผลประโยชน์ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจเท่าที่จะสามารถทำได้" บทความฉบับหนึ่งจากสำนักข่าว The Christian Science Monitor (ของสหรัฐ) กล่าว
รัสเซียไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์ด้านเศรษฐกิจจากการแซงชั่นที่มีต่อกรุงอังการาเท่านั้น (Russia has not only benefited economically because of the sanctions it imposed against Ankara.) ภาษาส่วนบุคคลในจดหมายของแอร์โดกันได้ส่งสัญญาณถึงเพื่อนบ้านของรัสเซียและนาโต้เกี่ยวกับบทบาทของกรุงมอสโคว์ที่เพิ่มขึ้นในฐานะหนึ่งในมหาอำนาจโลก บทความกล่าว
[ยังมองไม่เห็นว่ากรุงมอสโคว์และ/หรือแม้กระทั่งกรุงอังการา จะได้ประโยชน์อะไรในทางเศรษฐกิจจากการที่กรุงมอสโคว์แซงชั่นทางเศรษฐกิจต่อกรุงอังการาเลย
ฝ่ายที่เจ็บหนักก็คือกรุงอังการา ส่วนรัสเซียก็เท่าเดิม แม้ว่านักท่องเที่ยวรัสเซียจะไม่สามารถไปเที่ยวพักผ่อนตากอากาศวันหยุดที่กรุงอังการาได้ แต่ก็ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นๆ ได้เช่นที่ประเทศไทยเป็นต้น เสือสองตัวกัดกันย่อมได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้ว แต่งานนี้กรุงอังการาอาการสาหัสมาก ฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างกรุงอังการาและกรุงมอสโคว์ในครั้งนี้ก็คือฝ่ายที่จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างแทนกรุงอังการาต่างหาก ซึ่งส่วนมากก็เป็นพันธมิตรของรัสเซียทั้งนั้น - ผู้แปล]
การขอโทษของแอร์โดกันและการฝืนใจของปูตินเพื่อยอมรับการขอโทษในทันทีนั้น ทำให้รัสเซียเสริมสร้างจุดยืนต่างๆ ของตนเองในเวทีโลกได้ ศาสตราจารย์ Michael Reynolds จากภาควิชาการศึกษาใกล้ตะวันออกแห่งมหาวิทยาลัย Princeton (ของสหรัฐ) กล่าว
"ปูตินได้รู้แล้่วว่าตัวเองมีมือที่เข้มแข็งมากๆ (Putin realizes he has a very strong hand.) แน่นอนว่ามันเป็นชัยชนะสำหรับปูตินในการเสริมสร้างสัดส่วนของเขาในภูมิภาค ประชาชนจะจับตาดูสิ่งนั้น แอร์โดกันไม่ใช่บุคคลประเภทที่จะกล่าวขอโทษใคร" Michael Reynolds กล่าว
[หมอนี่ก็ไม่ยอมออกปากชมปูตินตรงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นอเมริกันก็ได้ แต่คุณก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่า เกมนี้ปูตินกินขาด และก็สามารถต้อนให้แอร์โดกันยอมศิโรราบคลานเข้ามาหาปูตินได้ Michael Reynolds พยายามจะบอกว่า แอร์โดกันแพ้ปูตินหมดรูป ด้วยการบอกว่า "Erdogan is not the type to apologize." แต่แล้วแอร์โดกันก็ยอมส่งจดหมายขอโทษปูตินในที่สุด แม้ว่าสื่อฯของตุรกีและนักการเมืองตุรกีบางคนจะพยายามหลบประเด็นนี้แบบแบ่งรับแบ่งสู้ประมาณว่า เอ้ย จริงๆ แล้วแอร์โดกันไม่ได้กล่าวขอโทษนะ แอร์โดกันแค่แสดงความเสียใจเท่านั้น อย่างเข้าใจผิด
อ้าว… ถ้าไม่ขอโทษ ไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเอง แล้วจะยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้กับรัสเซียและครอบครัวของเหยื่อทำไม? ทำไมถึงไม่ยืนกระต่ายขาเดียวแบบตอนแรกว่า รัสเซียนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษตุรกี? ปูตินก็ไม่อยากจะต้อนให้แอร์โดกันจนมุมหรือหน้าแตกมากกว่านี้
จึงยอมรับว่านั่นคือการกล่าวคำขอโทษจากแอร์โดกันอย่างเป็นทางการ เพราะว่าแม้ว่าสื่อฯของตุรกีจะพยายามปกป้องเกียรติของแอร์โดกันก็ตาม แต่แอร์โดกันเองกลับไม่ออกมาตอบโต้รัสเซียในกรณีนี้แม้แต่น้อย ภาษาพระท่านเรียกว่า ยอมรับโดยดุษณีภาพ แปลเป็นภาษาชาวบ้านก็บอกว่า ยอมรับด้วยการนิ่ง หรือ นิ่งแสดงว่ายอมรับ - ผู้แปล]
อย่างไรก็ตาม กระบวนการปรับความสัมพันธ์เข้าสู่ระดับปรกติระหว่างสองประเทศยังจะต้องใช้ความพยายาม และใช้เวลา Dmitry Kulikov นักวิเคราะห์ด้านการเมืองกล่าวในรายการวิทยุของ Sputnik
"มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะไม่ให้ราคาสูงจนเกินไป (overestimate) กับคำขอโทษของแอร์โดกัน นี่เป็นพิธีสารอย่างเป็นทางการ รัสเซียได้ตั้งข้อกำหนดต่างๆ ให้กับตุรกีแล้ว ประการแรกสุดเลยก็คือการขอโทษที่สังหารนักบินของรัสเซีย ข้อกำหนดแรกนี้ได้เติมเต็มแล้ว คราวนี้ก็จะสามารถเริ่มการเจรจาได้ แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ที่แสร้งเป็นว่าไม่เคยมีความตึงเครียดเกิดขึ้นเลย (But it’s impossible to re-write history, pretending that there were no tensions.) ทั้งสองประเทศควรจะทำตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไป" นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียกล่าว
[แปลว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้อภัยตุรกี แต่… มันไม่ใช่แค่กล่าวขอโทษ แล้วเรื่องจะจบนะ มันยังมีการคิดดอกทบต้นด้วย ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ตุรกีจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าต้องการเป็นมิตรและคืนดีกับรัสเซียจริงหรือเปล่า ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศไม่ใช่อยู่ที่เรื่องตุรกียิง Su-24 ของรัสเซียตกเท่านั้น แกนหลักของความขัดแย้งอยู่ที่สงครามในซีเรียโน่น ซึ่งทั้งตุรกีและรัสเซียต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าตุรกียังไม่หยุดสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงในซีเรียที่ต่อต้านฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่มีรัสเซียหนุน แล้วจะคืนดีกันได้อย่างไร? ไหนจะเรื่องท่อแก๊ส เรื่องการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในตุรกีอีก ยังต้องคุยกันอีกนาน - ผู้แปล]
ในมุมมองของ Dmitry Kulikov นั้นก็คือว่า ความยุ่งยากหลักก็คือกรุงมอสโคว์และกรุงอังการาจะต้องสร้างความร่วมมือกันทั้งหมดในประเด็นต่างๆ ในวงกว้างอีกครั้ง
"แอร์โดกันเป็นบุคคลที่มีความซับซ้อน [complicated นั่นคือภาษาทางการทูต ส่วนภาษาชาวบ้านแปลว่าว่า ชอบเล่นตุกติก เชื่อใจไม่ได้ - ผู้แปล] สถานการณ์ในตุรกีก็มีความซับซ้อนเช่นกัน จะยังไม่มีการปรองดองกันในทันที ผมคิดว่ากรุงมอสโคว์ไม่มีมารยา (illusions /ภาพลวงตา) [แปลว่าปูตินรู้ทันเกมของแอร์โดกัน และรัสเซียก็ไม่ได้เสแสร้ง - ผู้แปล] การสนทนากันทางโทรศัพท์ระหว่างปูตินและแอร์โดกันเป็นเพียงก้าวแรกในกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบากนี้เท่านั้น" นักวิเคราะห์กล่าวสรุป
ป.ล. ว้าว... ยาวมาก ขอถอนหายใจก่อนนะครับ อยากจะเพิ่มความคิดเห็นของนักวิแคะไทยลงไปด้วยจังเลยอ่ะ แต่ขอยกไปไว้ในโพสต์ต่อไปนะครับ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/07/2559
----------
http://sputniknews.com/politics/20160629/1042172258/russia-turkey-normalization.html
http://www.sankei.com/world/news/160628/wor1606280054-n1.html
http://www.csmonitor.com/World/Global-News/2016/0628/If-Turkey-and-Russia-restore-ties-it-will-be-on-Putin-s-terms