แหวกม่านฮอลลีวูด ตอน 3

—รีบลีย์ ราชินีหรือแรมโบ้หญิง?—
____________________

หากพูดถึง ‘เอลเลน ริบลีย์’ ราชินีเอเลียน ในภาพยนตร์ชุด ‘เอเลียน’ ทุกคนคงนึกภาพนักแสดงหญิงมาดแมน ‘ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์’ ถือปืน M41A กระบอกใหญ่ๆ มาเป็นอันดับแรกแน่ๆ ทว่าการที่เธอรับบทริบลีย์มาอย่างยาวนานนั้น ก็กลายเป็นว่า ภาพลักษณ์ของริบลีย์ ได้ติดตรึงตัวเธออย่างแยกไม่ออก
.
ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ : “สารภาพว่า ตอนที่ได้ถือปืนกระบอกใหญ่ๆ นั่นนะ โอ้โห! รู้สึกมีอำนาจมาก รู้สึกตั้งแต่เริ่มต้นถ่ายทำจนปิดกองเลยแหละ แต่หลังจากนั้น พอมาคิดๆ ดู เฮ้ย! ของพวกนี้มันอันตรายมากเลยนะ มันสามารถทำให้เราหลงระเริงไปกับอำนาจของมันได้อย่างไม่ลืมหูลืมตา...”
.
อย่างไรก็ตาม ราชินีก็ยังเป็นราชินี และหากใครเคยดูภาพยนตร์ชุด ‘เอเลียน’ มาโดยตลอด ก็จะทราบว่า รีบลีย์ได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุด ภาพยนตร์ ‘Alien: Resurrection’ (ภาค 4) เธอก็ได้กลายเป็นราชินีเอเลียนอย่างสมบูรณ์ เป็นผู้ให้กำเนิดเอเลียน และเป็นแม่แท้ๆ ของเอเลียนเสียด้วยซ้ำไป
.
ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ : “จิม*บอกให้ฉันเกลียดเอเลียนพวกนั้น แต่เดี๋ยว! ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนี่นา ฉันก็เลยแย้งเขาไปว่า จริงแล้วเราต่างก็เกิดมาเป็นศัตรูกัน ในเรื่อง ฉันก็แค่อยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้น เป็นที่ที่แบบถ้าฉันไม่ฆ่าแกฉันก็ตายน่ะ คือ ไม่ใช่อารมณ์ประมาณ ตื่นมากลางดึกแล้วก็ “ฉันเกลียดพวกแก ไอ้พวกเอเลียนบ้าเอ้ย” อะไรแบบนั้น...แล้วอีกอย่างนะ เลิกเอาฉันไปเปรียบเทียบกับซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เสียที ฉันไม่ใช่แรมโบ้หญิงอะไรที่พวกคุณชอบเรียกกันเลย...”
.
แม้ในอนาคต ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ อาจจะไม่ได้แสดงในบทรีบลีย์อีกต่อไปแล้ว แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงจดจำเธอในฐานะราชินีเอเลียนได้อย่างแน่นอน อย่างล่าสุด บริษัท The Creative Assembly ก็ได้ผลิตเกม ‘Alien: Isolation’ ซึ่งได้นำเอาเรื่องราวของภาพยนตร์ชุดเอเลียนมาพัฒนาต่อ โดยเนื้อหาหลัก จะเป็นเรื่องราวการเดินทางของ ‘อแมนดา ริปลีย์’ (ลูกสาวของเอลเลน ริบลีย์) เพื่อตามหาเบาะแสการหายสาบสูญไปของแม่ของเธอ หลังยานอวกาศนอสโตรโม ขาดการติดต่อมาเป็นเวลา 15 ปี นั่นเอง

– ผมถูกขู่ฆ่ามาเป็นร้อยครั้ง –
________________________
(คำเตือน : บทความนี้เฉลยเนื้อหาในซีรีส์ Game of Thrones)
.
เรียกได้ว่าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว สำหรับ Brenock O'connor หนุ่มน้อยหน้าใสวัยกระเตาะ ที่รับบท “ออลลี่” เด็กชายชาวบ้านที่จอน สโนว์ ช่วยชีวิตไว้จากคนเถื่อนในมหากาพย์ซีรีส์ Game of Thrones และเขาก็ได้ฆ่าอีกริตต์ คนรักของจอนที่เป็นคนเถื่อนเป็นการตอบแทนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เท่านั้นยังไม่พอ จอนผู้ใจดีก็ยังไม่ติดใจเอาความ เอาเขามาชุบเลี้ยงเป็นผู้ช่วยคนสนิทหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยเฝ้าระวัง จนในซีซั่นที่แล้ว ออลลี่ได้ร่วมก่อการกบฎกระซวกแทงจอน สโนว์ จนตายคาที่ ปิดซีรีส์ไปแบบแฟนๆ อึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน
.
จากความร้ายกาจของออลลี่นี่เอง ทำให้ Brenock O'connor นักแสดงหนุ่มที่รับบทออลลี่โดนขู่ฆ่าทางทวิตเตอร์อยู่บ่อยๆ นับตั้งแต่ซีซั่น 5 จบลงไป แรกๆ เขาก็ตกใจกับคำขู่ แต่เมื่อแฟนๆ ขู่เขามากๆ เข้า เขาก็ชินกับคำขู่พวกนี้ไปซะอย่างนั้น และจากความกลัวก็กลายมาเป็นความรู้สึกสนุกที่ได้รับเสียงตอบรับจากความเกลียดชังของแฟนๆ ได้มากขนาดนี้ เพราะนี่ก็เท่ากับว่า เขาแสดงได้ดีจนตราตรึงใจคนดูเลยทีเดียว
.
“เมื่อเริ่มต้นรับบท ผมรู้อยู่แล้วว่าแฟนๆ จะต้องเกลียดผม (จากการที่ฆ่าอีกริตต์) และหลังจากที่ผมฆ่าจอน สโนว์ ข้อความแสดงความเกลียดชังจากแฟนๆ ก็มีมากขึ้น พวกเขาอยากให้ผมตายตามจอนไป” O'connor กล่าว “ผมสนุกกับอะไรแบบนี้นะครับ เพราะมันสำคัญเหมือนกันสำหรับคาแรกเตอร์ของผม ผมมีความสุขกับปฏิกริยาของแฟนๆ ซีรีส์ ก็เพราะเมื่อคุณทำอะไรเลวๆ แบบนั้น คุณก็ต้องได้รับผลกระทบที่จะตามมาอยู่แล้ว”
.
และแน่นอนว่า แฟนๆ ซีรีส์คงสาแก่ใจกันไปแล้วกับบทบาทออลลี่ของเขาในซีซั่น 6 ซึ่งแม้ว่าเขาจะยุติบทบาทในมหากาพย์เรื่องนี้ลงไป แต่หนุ่มน้อยหน้าใสวัยไฮสคูลรายนี้ก็โด่งดังพอที่จะมีงานชิ้นต่อไปรองรับ หลังจากที่รับบทบาทอันลือลั่นนี้ เพราะในตอนนี้เขากำลังยุ่งๆ อยู่กับการทำงานให้กับทาง BBC ในซีรีส์ดราม่าของชาร์ลส์ ดิกเก้น
.
เรียกได้ว่าโดนเกลียดครั้งเดียวแต่มีงานต่อเนื่องกันไปเลยล่ะนะ ออลลี่เอ๊ย

– Female Fight Club ต่อยจริง เจ็บจริง ของคลับผู้หญิงในเบอร์ลิน –
_______________________________________________
กฎข้อแรกของไฟท์คลับคือ ห้ามผู้ใดคุยเรื่องไฟท์คลับ กฎข้อที่ 2 ของไฟท์คลับคือ ห้ามผู้ใดคุยเรื่องไฟท์คลับ ข้อ 3 ผู้ใดขอให้หยุด ปวกเปียก หมดแรง ถือว่าจบไฟท์ ข้อ 4 สู้กันได้ทีละ 2 คน ข้อ 5 สู้ได้ทีละคู่ ข้อ 6 ถอดเสื้อ ถอดเกือก ข้อ 7 ให้สู้กันต่อไปเรื่อย ๆ ถ้ายังไหว ข้อ 8 ถ้าหากคุณมาไฟท์คลับเป็นคืนแรก คุณต้องเปิดฟลอร์!
.
กฏ 8 ข้อของไทเลอร์ เดอร์เด้น ตัวละครที่แบรด พิตต์ เคยรับบทบาทไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Fight Club ดิบดวลดิบ เคยประกาศไว้ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คลับมวยใต้ดินหลายแห่งในการจัดการแข่งขันชกมวยขึ้นในชีวิตจริง หรืออย่างน้อยก็มีชมรมมวยเพื่อคนหนุ่ม ให้มาผลัดกันฟาดปากเพื่อระบายความเครียดจากหน้าที่การงานและปลดปล่อยด้านมืดของตนออกมา จากการสาวหมัดใส่ชายคนอื่นที่ตนไม่รู้จักในการมาที่คลับมวยเป็นครั้งแรก
.
สำหรับผู้หญิงนั้น เท่าที่เรารู้มา ทางเบอร์ลินตะวันออกของประเทศเยอรมนี ก็มีคลับมวยใต้ดินสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะที่ใช้ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า Female Fight Club ที่ตั้งอยู่ตรงสี่แยก Marzahn ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือและภาพยนตร์เรื่อง Fight Club เป็นที่ตั้ง
.
Female Fight Club แห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักเพาะกายสาวๆ สามารถท้าทายตนเองด้วยการต่อสู้กันเองกับสมาชิกคนอื่นๆ ในคลับ ไม่ว่าเธอจะเป็นนักกีฬายิวยิตสูสายดำหรือนักมวยอ่อนหัดที่เพิ่งเริ่มต้น พวกเธอก็สามารถดวลหมัดฟาดปากกันได้เพื่อปลดปล่อยความเครียดที่สะสม และกระชับมิตรภาพภายในคลับ ด้วยการลงแข่งขันมวยปล้ำหรือการต่อสู้ที่จะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ โดยประเมินการจัดคู่ชกจากรูปร่าง น้ำหนัก และส่วนสูงที่พอเหมาะกัน
.
“การต่อยกันแบบนี้ เหตุผลหลักมันคือการเผชิญหน้ากับความกลัวในจิตใจของคุณ ไม่ใช่ว่าความสามารถที่คุณมีในการต่อยตีว่ามากแค่ไหน” Katarzyna Mazur ช่างภาพที่ถ่ายรูปสาวๆ ต่อยกันในคลับกล่าว
.
การต่อสู้แบบดวลหมัดของผู้หญิงในคลับนี้คล้ายกับภาพยนตร์เรื่องไฟต์คลับจริงๆ คือต่อยกันบนเสื่อ และไม่มีกรรมการห้าม การชกจะยุติเมื่อมีการบาดเจ็บหนักหรือการร้องขอให้หยุดเกิดขึ้นและไม่มีการซ้ำต่อ “ความกลัวใช้ไม่ได้กับที่นี่ ผู้หญิงที่จะลงสังเวียนต่อยต่างรู้ดีว่าตัวเองจะเจอกับอะไร การยุติการแข่งขันจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนบาดเจ็บ เราเคารพการตัดสินใจ (ลงต่อสู้) ของพวกเธอ” Anna Konda ช่างภาพที่บันทึกภาพการต่อสู้ของ Female Fight Club อีกคนหนึ่งให้ทัศนะ
.
“ครั้งแรกที่พบคลับนี้ ฉันช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันน่าสนใจและเป็นประสบการณ์ที่เข้มข้นมากๆ ฉันชื่นชอบไอเดียของความขัดแย้ง บางอย่างมันขัดแย้งกับภาพของผู้หญิงสมัยใหม่ในสังคมของเรา แต่กระนั้น บางคนที่ดูขัดแย้งสำหรับฉัน ในแบบที่เขาเป็นอยู่ ฉันก็สนุกกับการค้นพบโลกใหม่ๆ เสมอโดยเฉพาะโลกที่มีเฉดสีเทาแบบนี้” Katarzyna Mazur แสดงความคิดเห็นหลังจากที่ได้ถ่ายภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน Female Fight Club แห่งนี้