หญิงสาวคนนี้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด หลังตรวจร่างกายกลับช่วยอีก 3 ชีวิต!
Crystal Enns สาววัย 17 ปี จากประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ๆมีวันหนึ่งเธอได้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด หลังจากที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตที่หายาก จำเป็นต้องมีการถ่ายไตทันทีเพื่อรักษาชีวิตเธอไว้
ในปี 2013 เธอเริ่มมีอาการเลือดกำเดาไหลไม่หยุด และทำให้เธอไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และทุกครั้งที่มีอาการ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีกว่าเลือดจะหยุดไหล ทั้งยังอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกด้วย แม่ของเธอกังวลอย่างมาก เพราะเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
และหลังจากไปตรวจที่โรงพยาบาล จึงถูกวินิจฉัยว่าเป็น "โรคไต (juvenile nephronophthisis)" และยังมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งหมายความว่าพ่อหรือแม่ของเธอก็ต้องเป็นเหมือนกัน! หมอบอกว่า โรคนี้ก่อนที่ไตจะเสีย จะไม่มีอาการใด ที่เห็นได้ชัด และนี่ยังต้องทำให้ Crystal ต้องฟอกไตทุกวัน
จนถึงปี 2014 อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย ในที่สุดก็ต้องทำการปลูกถ่ายอวัยวะ แน่นอนว่าผู้บริจาคที่เหมาะสมที่สุดก็คือพ่อแม่ของเธอ และเมื่อแพทย์ได้ตรวจไตของพ่อแม่เธอ ก็ได้พบว่าพ่อแม่ของเธอเป็นโรคมะเร็งที่ไต!
แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พบในช่วงระยะเริ่มแรก ก่อนที่มะเร็งจะแพร่กระจายและรักษามะเร็งไม่ได้แล้ว
และสุดท้ายแล้วผู้บริจาคที่เหมาะสมก็ปรากฏตัวขึ้น ก็คือป้าแสนสวยของเธอนั่นเอง
ในที่สุดในปี 2015 เดือนเมษายน การปลูกถ่ายไตของCrystal ได้ประสบความสำเร็จ เธอพูดว่า "หลังการผ่าตัด ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้หายดีทันที" ซึ่งเราก็สามารถเดาได้ว่าอาการก่อนหน้านี้นั้นสาหัสแค่ไหน
9 วันหลังจากการผ่าตัด Crystal ได้ออกจากโรงพยาบาล เธอได้ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้เรื่องนี้ได้รักษาครอบครัวของเธอไว้ได้ และต้องขอบคุณคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือดกำเดาที่ไหลออกมา แล้วมันเกี่ยวอะไร? ที่จริงแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับโรคไตของเธอเลย แพทย์กล่าว จริงๆแล้วหลายๆคนมีอาการเลือดกำเดาไหลอยู่แล้ว แต่เพราะเลือดกำเดาไหลถึงนำเธอเข้ามาตรวจ ถ้าพบช้ากว่านี้เธออาจจะต้องไตของเธอเสียไป
หลังการผ่าตัด Crystal ได้กลับมาเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง ในอนาคตเธออยากจะเป็นครูสอนเปียโน นอกจากนี้เธอยังได้เปียโนผ่านการบริจาคการกุศลมาอีกด้วย
ตอนนี้ครอบครัวเธอได้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง และพวกเขาต้องการที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รู้ พ่อแม่ของ Crystal ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์เพื่อหาสาเหตุของโรคนี้
เพราะโรคนี้เป็นโรคที่พบได้น้อยมาก หนึ่งในล้านคนที่เป็นโรคนี้ ดังนั้นข้อมูลจึงมีไม่มาก หวังว่าในอนาคตจะมีการค้นพบใหม่ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคนี้!