หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปรากฏการณ์เรือเดินสมุทรหลงมิติในชาดก

โพสท์โดย นาคเฝ้าคัมภีร์

จาก สุปปารกชาดก

 

 

    ในอดีตกาล พระเจ้ากุรุราชเสวยราชสมบัติ ณ แคว้นกุรุ ได้มีบ้านอันเป็นท่าเรือนามว่า ภรุกัจฉะ ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นบุตรของหัวหน้าต้นหนในบ้านกุรุกัจฉะ เป็นคนน่าเลื่อมใส ผิวพรรณเพียงดังทอง หมู่ญาติได้ขนานนามให้ท่านว่า สุปารกกุมาร ทำจำเริญด้วยบริวารมาก ในกาลที่มีอายุ ๑๖ นั่นแล สำเร็จศิลปะของต้นหนแล้ว ต่อมา พอบิดาล่วงลับไป ก็ได้เป็นหัวหน้าต้นหน ทำหน้าที่ต้นหน ได้เป็นบัณฑิตสมบูรณ์ด้วยญาณ บรรดาเรือที่ท่านขึ้นไปแล้ว เป็นไม่มีเรื่องที่เรียกว่า อับปาง เลย

 

    ต่อมา นัยน์ตาทั้งคู่ของท่านกระทบน้ำเค็มนักเลยเสียไป ตั้งแต่บัดนั้น ถึงท่านจะเป็นหัวหน้าต้นหนอยู่ ก็ทำหน้าที่ต้นหนไม่ได้ คิดว่า เราพึ่งพระราชาเลี้ยงชีวิตเถอะ แล้วเข้าไปเฝ้าพระราชา ครั้งนั้น พระราชาทรงแต่งตั้งท่านไว้ในหน้าที่ พนักงานตีราคา ตั้งแต่บัดนั้น ท่านก็คอยประเมินราคาช้างแก้วม้าแก้วและก้อนแก้วมุกดาแก้วมณีเป็นต้น

 

    ครั้งนั้น วันหนึ่ง คนทั้งหลายนำช้างตัวหนึ่งมีสีดำเหมือนสีหน่อหิน ทูลถวายแด่พระราชา ด้วยคิดว่า จักเป็นมงคลหัตถี. พระราชาทอดพระเนตรช้างนั้นแล้ว ตรัสว่า เจ้าทั้งหลายจงให้ ท่านบัณฑิตมาดู ครั้นพวกนั้นนำช้างนั้น ไปสู่สำนักของท่านแล้ว ท่านใช้มือลูบสรีระของมันทั่วๆ ไป กล่าวว่า ช้างตัวนี้ไม่สมควรจะเป็นมงคลหัตถี มันค่อมอยู่หน่อยที่เท้าหลังทั้งสองข้าง เพราะแม่ช้างตกลูกช้างตัวนี้ ไม่อาจรับไว้ทันด้วยบั้นขาได้ เหตุนั้น มันเลยตกลงถึงแผ่นดิน ขาหลังทั้งคู่จึงค่อมไปเสีย คนเหล่านั้นพากันถามพวกที่นำช้างนั้นมา พวกนั้นกล่าวว่า ท่านบัณฑิตพูดจริง พระราชาทรงสดับเหตุนั้น ทรงร่าเริงดีพระทัย โปรดให้พระราชทานทรัพย์แก่ท่าน ๘ กระษาปณ์

 

    อยู่มาอีกวันหนึ่ง มีคนนำม้าตัวหนึ่งมา ทูลถวายแด่พระราชาว่า จักเป็นม้ามงคลได้ พระราชาทรงส่งม้านั้นไปสู่สำนักของท่าน ท่านใช้มือลูบคลำมันเหมือนกัน แล้วบอกว่า ม้าตัวนี้ไม่สมควร จะเป็นม้ามิ่งมงคลได้ เพราะในวันที่มันเกิดนั้นแล แม่มันตายเสียแล้ว เพราะเหตุนั้น มันไม่ได้นมแม่ จึงไม่เจริญเท่าที่ควร พวกมนุษย์ที่จูงม้ามา พากันกล่าวว่า ถ้อยคำของท่านทั้งนั้นเป็นความจริง พระราชาทรงสดับแม้เรื่องนั้น ก็ทรงดีพระทัย โปรดพระราชทาน ๘ กระษาปณ์เหมือนเดิม

 

    ครั้นวันหนึ่ง มีคนนำรถมาถวายแด่พระราชาว่า จักเป็นรถมงคล พระราชาทรงส่งรถแม้นั้น ไปสู่สำนักของท่าน ท่านคงใช้มือลูบคลำรถคันนั้นทั่ว แล้วกล่าวว่า รถคันนี้สร้างด้วยต้นไม้เป็นโพรง เหตุนั้น ไม่ควรแด่พระราชา ถ้อยคำของท่านแม้นั้น ก็ได้เป็นความจริง พระราชาทรงสดับเรื่องแม้นั้น ก็ทรงยินดีโปรดพระราชทาน ๘ กระษาปณ์เท่าเดิม

 

    ครั้งนั้น มีคนนำผ้ากัมพลราคามาก มาถวายพระราชาพระองค์นั้น พระองค์ทรงส่งผ้านั้นไปให้แก่ท่านเหมือนกัน ท่านใช้มือลูบผ้านั้นไปทั่วผืน กล่าวว่า ผ้าผืนนี้มีรอยหนูกัดอยู่แห่งหนึ่ง คนเหล่านั้นซักฟอกดูเห็นรอยนั้น พากันกราบทูลแด่พระราชา พระราชาทรงสดับเรื่องนั้น คงพระราชทานแค่ ๘ กระษาปณ์เท่านั้น

 

    ท่านดำริว่า พระราชาองค์นี้เห็นข้ออัศจรรย์ถึงเพียงนี้ ก็ยังคงประทานเพียง ๘ กระษาปณ์ รางวัลเท่านี้เป็นรางวัลสำหรับช่างกัลบก(ช่างตัดผม) พระองค์คงเป็นเผ่าช่างกัลบกเป็นแน่ เราจะมัวมาบำรุงพระราชาเช่นนี้ทำไมกัน ไปสู่ที่อยู่ของตนตามเดิมดีกว่า ท่านเลยกลับท่าเรือภรุกัจฉะดังเดิม

 

    เมื่อท่านพำนักอยู่ในบ้านนั้น พวกพ่อค้าจัดแจงเรือ ปรึกษากันว่า จักกระทำใครให้เป็นต้นหน ก็เห็นพ้องกันว่า เรือที่ท่านสุปารกบัณฑิตขึ้นไปแล้ว ไม่อัปปางเลย ท่านผู้นี้เป็นบัณฑิต ฉลาดในอุบาย ถึงจะเป็นคนตาบอด ท่านสุปารกบัณฑิตก็ยังเป็นผู้สูงสุด พากันเข้าไปหาท่านบอกว่า ขอเชิญท่านเป็นต้นหนของพวกข้าพเจ้า

 

    เมื่อท่านกล่าวว่า พ่อคุณทั้งหลาย ฉันเป็นคนตาบอด จักกระทำหน้าที่ต้นหนได้ อย่างไร พวกพ่อค้าพากันอ้อนวอนบ่อยๆว่า นายขอรับ ทั้งที่ท่านตาบอดนั้นแหละก็ยังสูงสุดกว่าพวกข้าพเจ้า ท่านรับคำว่า ตกลงพ่อคุณทั้งหลาย ฉันจักเป็นต้นหนได้ด้วยข้อกำหนดที่พวกเธอเคยบอก แล้วขึ้นเรือของพวกนั้น พวกนั้นพากันแล่นเรือไปสู่มหาสมุทร เรือปลอดภัยไปได้ ๗ วัน

 

    ลำดับนั้น ลมอันมิใช่ฤดูกาล(พายุสนามแม่เหล็กไฟ้า)บังเกิดพัดผันขึ้นแล้ว เรือลอยไปเหนือสมุทรตลอด ๔ เดือนทีเดียว จึงถึงสมุทรตอนที่มีชื่อว่า ขรุมาลี ในสมุทรตอนชื่อว่า ขรุมาลี นั้น ฝูงปลามีสรีระคล้ายคน มีจมูกแหลม พากันดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ พวกพ่อค้าเห็นฝูงปลานั้นแล้วจึงถามชื่อสมุทรตอนนั้นกะพระมหาสัตว์ ว่า

 

พวกมนุษย์จมูกแหลม ดำผุดดำว่ายอยู่ พวกข้าพเจ้าขอถามท่าน สุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    พระมหาสัตว์ถูกพวกนั้นพากันถามอย่างนี้แล้ว ทบทวนดูตามตำรับต้นหนแล้ว จึงกล่าวว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า ขุรมาลี(Khuramali)

 

    ก็ในสมุทรตอนนั้น มีเพชรพร้อมมูล พระมหาสัตว์คิดว่า ถ้าเราบอกแก่พวกเหล่านี้ว่า ตอนนี้เป็นสมุทรมีเพชร พวกนี้จักพากันเอาแต่เพชรให้มากด้วยความโลภ ถึงให้เรือจมเสียก็ได้ จึงไม่ยอมบอกเลย ให้ชะลอเรือไว้ ใช้อุบายให้จับเชือก ทิ้งข่ายลงไป โดยทำนองที่จะจับปลา ขนก้อนเพชรขึ้นใส่ในเรือ ให้ทิ้งข้าวของที่มีค่าน้อยเสีย

 

    เรือผ่านสมุทรตอนนั้นไป ถึงสมุทรตอนที่มีชื่อว่า อัคคิมาลี สมุทรนั้นเปล่งแสงแจ่มจ้า ปรากฏเหมือนกองเพลิงที่ลุกโพลงและเหมือนพระอาทิตย์เมื่อยามเที่ยง พวกพ่อค้าพากันถามท่าน ว่า

 

ทะเลนี้ ปรากฏเหมือนกองไฟและพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    ฝ่ายพระมหาสัตว์ก็บอกเรื่องนั้นแก่พวกนั้น ว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า อัคคิมาลี(Aggimali)

 

    ในท้องทะเลตอนนั้น มีทองมากมาย ฝ่ายพระมหาสัตว์ก็ใช้อุบายโดยนัยก่อน ถือเอาทองจากท้องทะเลนั้นบรรทุกใส่เรือเหมือนกัน

 

    เรือแล่นพ้นท้องทะเลตอนนั้นไป ถึงท้องทะเลตอนที่เปล่งสีเหมือนนมสดและนมส้มอันมีชื่อ ทธิมาลี พวกพ่อค้าพากันถามชื่อของท้องทะเลตอนนั้น ว่า

 

ทะเลนี้ปรากฏเหมือนนมส้มและนมสด พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    พระมหาสัตว์บอกแก่พวกเหล่านั้นว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า ทธิมาลี(Dadhimali)

 

    ในท้องทะเลตอนนั้น มีเงินมากมาย ครั้งนั้น ท่านก็ขนเงินบรรทุกเรือโดยอุบายเดิม

 

    เรือแล่นผ่านท้องทะเลตอนนั้น บรรลุท้องทะเลสีเขียว ส่องแสงเหมือนหญ้าคาสีเขียว และเหมือนข้าวกล้าที่กำลังงอกงาม อันมีชื่อว่า นิลวรรณ-กุสมาลี พวกพ่อค้าพากันถามชื่อท้องทะเลตอนนั้นว่า

 

ทะเลนี้ปรากฏเหมือนหญ้าคาและข้าวกล้า พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    ท่านบอกต่อไปว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า กุสมาลี(Dadhimali)

 

    ในทะเลตอนนั้น มีแก้วนิลมณีและมรกตมากมาย(นีล หมายถึง สีเขียวจนออกดำ) ท่านก็ขนเอาแก้วนั้นใส่เรือด้วยอุบายเดิม

 

    เรือคงแล่นผ่านท้องทะเลตอนนั้น ไปถึงท้องทะเลอันปรากฏเหมือนป่าอ้อและป่าไผ่(อยู่ใต้ทะเล) อันมีชื่อว่า นฬมาลี พวกพ่อค้าพากันถามชื่อของท้องทะเลตอนนั้นว่า

 

ทะเลนี้ปรากฏเหมือนไม้อ้อและไม้ไผ่ พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    พระมหาสัตว์บอกชื่อท้องทะเลตอนนั้นว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า นฬมาลี(Nalamali)

 

    ในทะเลตอนนั้น มากมายด้วยแก้วประพาฬ(ปะการัง)สีไผ่(คือ สีเขียว) ท่านคงให้ขนใส่เรือด้วยอุบายดุจกัน

 

    พวกพ่อค้า ครั้นผ่านพ้นท้องทะเลตอน นฬมาลี ไปแล้ว พบท้องทะเลตอนที่ชื่อว่า พลวามุข น้ำในท้องทะเลตอนนั้นพุ่งขึ้นเป็นพืดโดยตลอด ที่นี่น้ำจะถูกดูดออกไปและเพิ่มขึ้นในทุกด้าน ปรากฏเป็นเหมือนเหวใหญ่ใกล้หน้าผาสูงชัน เมื่อคลื่นพุ่งขึ้นก็เป็นเหมือนเหวติดต่อกันไป เสียง(สั่นสะเทือน)น่าสะพรึงกลัวบังเกิดขึ้น ปานจะทำลายหูทั้งสองเสีย และปานจะผ่าหทัยเสีย พวกพ่อค้าเห็นท้องทะเลตอนนั้น แล้วพากันกลัวสะทกสะท้าน จึงถามชื่อของสมุทรตอนนั้น ว่า

 

เสียงน่ากลัวมาก น่าสยดสยองฟังเหมือนเสียงอมนุษย์ และทะเลนี้ปรากฏเหมือนบึงและเหว พวกข้าพเจ้าขอถามท่านสุปปารกะ ทะเลนี้ชื่ออะไร

 

    พระมหาสัตว์บอกชื่อของท้องทะเลตอนนั้น ว่า

 

ท่านทั้งหลายผู้เป็นพ่อค้าแสวงหาทรัพย์ เมื่อออกจากท่า(เรือ)ชื่อ ภรุกัจฉะ ครั้นเรือแล่นไปผิดทางมา ถึงทะเลตอนนี้ เขาเรียกกันว่า พลวามุขี

 

    พระโพธิสัตว์ ครั้นบอกชื่อของท้องทะเลตอนนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า

 

พ่อทั้งหลาย บรรดาเรือที่ถึงท้องทะเลพลวามุขนี้อันสามารถกลับได้ไม่มีเลย ท้องทะเลตอนนี้ ยังเรือที่ตกเข้าไปแล้ว ให้จมถึงความแตกสลาย

 

    พวกมนุษย์ประมาณ ๗๐๐ คนบนเรือนั้น(เรือนี้ใหญ่มโหฬารมาก!)ทั้งหมดพากันกลัวต่อมรณภัย ต่างเปล่งเสียงโอดครวญ ร่ำไห้ ประดังเป็นเสียงเดียวกัน เหมือนฝูงสัตว์ที่กำลังหมกไหม้อยู่ในอเวจีนรก

 

    พระมหาสัตว์ดำริว่า เว้นเราเสียแล้ว คนอื่นที่จะชื่อว่าสามารถทำความปลอดภัยให้แก่พวกนี้ไม่มีเลย เราต้องตั้งสัตย์กระทำความปลอดภัยให้แก่พวกเขา เรียกพวกนั้นมา กล่าวว่า

 

พ่อทั้งหลาย พวกเธอจงให้เราอาบน้ำด้วยน้ำหอมให้นุ่งผ้าใหม่ เตรียมถาดน้ำวางไว้ที่แอกเรือโดยเร็วเถิด

 

    พ่อค้าเหล่านั้นพากันทำตามนั้น

 

    พระมหาสัตว์ถือถาดเต็มด้วยน้ำด้วยมือทั้งสองข้าง ยืนที่แอกเรือ(บริเวณหัวเรือ) เมื่อกระทำสัจจกิริยาด้วยอำนาจแห่งศีล ๕  จึงกล่าว(ดังๆ)อย่างนี้ว่า

 

ตั้งแต่ ข้าพเจ้าระลึกถึงตนได้ ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา

ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกสำนึกที่จะแกล้งเบียดเบียนสัตว์ แม้สักตัวเดียว

สิ่งของผู้อื่นกำหนดแม้เพียงเส้นหญ้าก็ไม่เคยหยิบฉวยเลย

ภรรยาของผู้อื่นก็ไม่เคยมองดูด้วยอำนาจความโลภ

คำพูดเท็จก็ไม่เคยพูด

น้ำเมาก็ไม่เคยดื่มแม้แต่จะหยดด้วยยอดหญ้า

ด้วยสัจจวาจานี้ ขอเรือจงกลับได้โดยสวัสดี

 

    ครั้นกระทำสัจจกิริยาแล้ว ก็รดน้ำในถาดที่เต็มลงที่แอกเรือ เรืออันแล่นไปผิดทิศทางตลอด ๔ เดือน ก็บ่ายหัวกลับได้ไปถึงท่าภรุกัจฉะ เพียงวันเดียวเท่านั้นด้วยอานุภาพแห่งสัจจะ ประหนึ่งท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล ครั้นถึงแล้วยังแล่นไปบนบกได้ประมาณ ๘ อุสภะ หยุดที่ประตูเรือนของนายเรือพอดี(บริการส่งถึงหน้าบ้าน)

 

    พระมหาสัตว์แบ่งเพชร ทอง เงิน นิลมณี และแก้วประพาฬให้แก่พวกพ่อค้าเหล่านั้น ให้โอวาทแก่พวกนั้นว่า รัตนะเพียงเท่านี้ก็เป็นการพอแล้วสำหรับเธอทั้งหลาย พวกเธออย่าเข้าไปสู่ท้องทะเลกันอีกเลย. ทำบุญต่างๆ มีให้ทานเป็นต้นจนตลอดชีพได้ไปเพิ่มจำนวนเมืองสวรรค์แล้ว

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: เผลอหัวใจ, ซาอิ, โยนี, ginger bread, Thorsten, Art peter, Lay, Pning
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
AI หลุดบอกเลข งวด 16 เมษายน 2567เลขเด็ดคุณไก่ วุฒินันท์ สอนศรี งวด 16 เมษายน 2567สุสานลับใต้ดิน ทำไมไม่มีใครกล้าเปิด "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้"เปิดเมนูแสนอร่อยของ "กัมพูชา" แต่ยอดแย่ที่สุดในโลกทำไมคนลาวถึงหนีออกจากประเทศลาว?❤️หวยเด็ด 40 สำนัก❤️คัดมาให้แล้ว (( ชุดที่ 2 )) ประจำงวด 16 เมษายน 2567รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ : รวมมิตรเน้นๆ ความฮาในวันสงกรานต์ ปีใหม่ของไทยจ้าทหาร ลาพักร้อนช่วงสงกรานต์ กลับบ้านมาหาแม่ ถูกคนร้ายบุกรัวกระสุนเสียชีวิตหน้าบ้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทำไมเวลาซื้อผ้าอนามัย ต้องห่อใส่หนังสือพิมพ์ ?เขมรว่าไง! โดรนที่ใช้แสดงในงานปีใหม่เขมร ก็คือผลงานคนไทย!ทหาร ลาพักร้อนช่วงสงกรานต์ กลับบ้านมาหาแม่ ถูกคนร้ายบุกรัวกระสุนเสียชีวิตหน้าบ้าน
ตั้งกระทู้ใหม่