รู้หรือไม่? ผักที่มี ไนเตรท สูงห้ามปรุงร่วมกับปลาและห้ามฟรีส
ไนเตรท (NO3) เป็นสารประกอบไนโตรเจนที่เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้ายของวงจรไนโตรเจน มันมีพิษต่ำมาก เกิดจากที่แบคทีเรียเปลี่ยนจาก ไนไตรท + ออกซิเจน แล้วเกิดเป็น ไนเตรท ไนเตรท มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ คือเป็นปุ๋ยชนิดหนึ่ง ที่สร้างการเจริญเติบโตให้กับประการัง สาหร่าย ต้นไม้ในน้ำได้อีกด้วย และทำให้พืชนั้นเจริญเติบโต และผลิตออกซิเจนออกมาให้กับตู้ปลาได้อีกด้วย ไนเตรทยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นไนตรัสออนไซด์ และไนโตรเจน ออกนอกระบบปิด (ในตู้ปลา) ได้อีกด้วย
ถ้ากินผักที่มี ไนเตรท สูงแล้วเป็นอะไร
หากมี ไนเตรท ในอาหารมากเกินไปจะก่อให้เกิดปัญหาของความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร เพราะเมื่อกิน ไนเตรท เข้าไปแบคทีเรียในลำไส้จะเปลี่ยนไนเตรทเป็นไนไตรท์ ซึ่งไนไตรท์จะเป็นตัวทำให้เกิดปัญหาแก่ผู้ป่วย เช่น 1)ไปขยายหลอดเลือดให้ฟโตขึ้นทำให้ความดันเลือดต่ำลงทำให้รู้สึกเหมือนเป็นลมหมดสติ 2)ทำให้ตับไม่สามารถสะสมวิตามินเอได้ตามปกติ 3)ปัญหาสำคัญคือจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กเนื่องจากไนไตรท์จะขัดขวางการพาออกซิเจนฮีโมโกลบินในเลือดกล่าวคือเมื่อไนไตรท์ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดแล้วจะเข้าจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงได้ดีกว่าออกซิเจนได้สารประกอบสีน้ำเงินจะทำให้เด็กตัวเขียวคล้ำ ขาดอากาศหายใจและอาจตายในที่สุด อาการเช่นนี้เรียกว่า โรคบลูเบบี้ (Blue baby syndrome) หรือ โรคเมทีโมโกลบิเนเมีย (Methemoglobiemia) ในเด็กเล็กและทารกในช่วงที่อยู่ในครรภ์ของมารดา โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 เดือนเพราะลำไส้มีความเป็นกรดที่พอเหมาะกับความต้องการของแบคทีเรียประเภทไนเตรทรีดิวซิ่งแบคทีเรีย (nitrate reducing bacteria) ที่จะเปลี่ยนไนเตรท เป็นไนไตรท์
นั่นคือไนไตรท์จะเปลี่ยนฮีโมโกลบิลให้เป็นเมทีโมโกลบิน (Methemoglobin) ซึ่งไม่มีอำนาจหรือความสามารถ ในการนำออกซิเจนจากปอดไปสู่ร่างกายทำให้สมองขาดออกซิเจนและเป็นลมหมดสติ หรืออาจกล่าวเป็นข้อๆได้ดังนี้
1. กินแล้ว ทำให้ความดันต่ำ สามารถเป็นลม หรือ หมดสติได้
2. ทำให้ตับไม่สามารถเก็บวิตมินเอ ส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้
3.ทำให้เด็กๆ เกิดโรคบลูเบบี้ (โรงนี้ถึงกับเสียชีวิต)
4.บางครั้งที่กินเข้าไป ถ้าไปโดนกับแบคทีเรียในลำไส้บางชนิด อาจทำให้เกิดมะเร็งได้
ผักอะไรบ้างที่มีไนเตรตสูง
1.ผักโขม
วิธีการปรุงอาหาร สำหรับผักที่มีไนเตรทสูง
1.ต้มในน้ำเดือด 5นาทีขึ้นไป
2.ทานได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
3.ไม่ปรุงร่วมกับเนื้อปลา
4.ไม่นำไปแช่แข็ง