12 ปี กับเหยื่อ 9 ราย!! (ราชันย์)

"บาร์ซ่า" ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ เดินล้มลุกคลุกคลาน เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ ในช่วงต้นปีใหม่ ปล่อยให้ เรอัล มาดริด ซึ่งเพิ่งกำลังคว้าแชมป์สโมสรโลก ณ ตอนนั้น เดินอย่างสง่าผ่าเผย แถมชนะติดต่อกัน 22 นัด .. คิดในใจยังไงปีนี้ แชมป์ลีก คงหนีไม่พ้นจากเมืองมาดริด อีกครา

 

 

เรอัล มาดริด เปลี่ยนจาก "หน้ามือ" เป็น "หลังมือ" ส่วน "บาร์ซ่า" เปลี่ยนจาก "หลังเท้า" กลับมาเป็น "หน้ามือ" ตามเดิม

 

 

จุดพลิกผันของ มาดริด อยู่ที่ระหว่าง เดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม เมื่อพวกเขาลงเตะ 8 นัด แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามหวังแพ้ถึง 3 นัด และเสมอ 1 นัด

 

ผิดกับ "บาร์ซ่า" ในช่วง 2 เดือนนี้ พวกเขาสะดุดแพ้ มาลาก้า แค่ 1 นัด ที่เหลืออีก 7 นัดชนะรวด แต่มันก็ดีพอที่จะทำให้พวกเขาแซงหน้า "ราชันชุดขาว" กลับไปขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง พร้อมกับส่งท้ายเดือน มี.ค. ด้วยการเอาชนะ มาดริด ได้อีกใน "เอล กลาซิโก้" 2-1 และก็นำรวดเดียวตั้งแต่สัปดาห์ที่ 26 เข้าวินซิวแชมป์ลีก เป็นสมัยที่ 23

 

 

แต่ที่จริง มาดริด ต้องกินแห้วไปแล้วก่อนหน้านั้น เพราะรายการ โกปา เดล เรย์ ต้องจอดป้ายหยุดอยู่แค่เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากโดน แอตเลติโก มาดริด อริร่วมเมือง เปิดบ้านตบไปสบายๆ 2-0 แถมนัด 2 ยังโดน "เอล นินโญ่" เหมา 2 ประตู บุกมาเก็บผลเสมอ 2-2 รวมผล 2 นัด "ตราหมี" ชนะ 4-2 เขี่ย "ราชันขุดขาว" ตกรอบคาถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว

 

 

 

จนมาถึงถ้วยที่ มาดริด ดูมีความหวังมากที่สุด และหวังว่าจะเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถป้องกันแชมป์ "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ให้ได้ เพราะหลุดเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ แถมยังจับสลากได้ไปเจอกับ ยูเวนตุส ซึ่งดูเป็น "ม้ารองบ่อน" มากสุด แม้จะมีดีกรีเป็นแชมป์ "สคูเด็ตโต้" 4 สมัยติด

 

แต่ "ราชัน" บางทีก็ไม่หลักแหลมเสมอไป ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง .. และผลก็ออกมาให้เห็นว่าพวกเขาและแฟนบอลครึ่งค่อนโลก คิดผิด !!!

 

เพราะ "ม้ารองบ่อน" แท้จริงแล้วคือ "ไอ้ม้าลาย" ... ยูเวนตุส เปิดบ้านเอาชนะไปก่อนนัดแรก 2-1 ซึ่งในนั้นเป็นฝีเท้าของเด็กเก่า ที่พวกเขาเฉดหัวออกมา คือ อัลบาโร่ โมราต้า

 

 

โอกาสยัง 50-50 แต่หลายฝ่ายก็ยังฟันธงไปในทำนองเดียวกัน (ส่วนใหญ่) ว่า "เรอัล มาดริด" ยังมีโอกาสเข้าไปป้องกันแชมป์อยู่ดี เพราะอย่างน้อยๆ ถึงจะแพ้ แต่ก็เก็บประตูทีมเยือนกลับบ้านไปได้

 

ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามหวัง มาดริด ทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ ยูเวนตุส 1-1 ฝีมือคนที่ทำให้เขาตกรอบไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ โมราต้า 

 

 

แน่นอนเมื่อทีมระดับท็อปของโลกอย่าง มาดริด ไร้แชมป์ติดมือ มีเพียงแต่แชมป์ว่าว คำถามที่ตามมาคือใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ??

 

 

แกเร็ธ เบล ที่โดนแฟนบอลตามด่าตามเช็ดถึงสนามซ้อม // อีเกร์ กาซียาส ก็ไม่เว้นแม้แต่โดนในสนาม // คาร์โล อันเชล็อตติ ก็หนีข่าวลือพวกนี้ไม่พ้น หรือจะโทษเรื่องอาการบาดเจ็บ ที่ต้องพราก ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนคนสำคัญไป

 

แต่สุดท้ายบทสรุปก็ออกมา ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ปธ.สโมสร ผู้ชอบตั้งตนเป็นใหญ่ ประกาศสั่งปลดกุนซือที่พาพวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 10 ซึ่งเป็นแชมป์ที่ตามหามานานนับตั้งแต่ฤดูกาล 2001-02

 

"เราตัดสินใจที่จะปลด คาร์โล อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย แต่เราคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ผมอยากขอบคุณ อันเชล็อตติ ผมพูดได้แค่ว่าเขาคือสุภาพบุรุษตัวจริง สัปดาห์หน้าเราจะประกาศชื่อโค้ชคนใหม่ให้ได้รับทราบ และมันคงดีมากถ้าหากว่าโค้ชคนใหม่ของเราสามารถพูดภาษาสเปนได้" เหตุผลของ ฟลอเรนติโน่ซึ่งดูแล้วเหมือนแถนิดๆ แต่ใจความคงอยากจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้

 

แต่เหตุผลหลักง่ายๆ ก็น่าจะเพียงเพราะว่า "ไร้แชมป์ติดมือ"

 

นับเป็นความอินดี้อีกครั้ง และเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 12 ปี ที่ มาดริด ประกาศ "สั่งปลด" กุนซือออกจากตำแหน่ง

 

 

นี่คือเหล่ากุนซือที่โดนเฉือดมาแล้วทั้งนั้น

 

ไม่มีอะไรจีรังจริงๆ ปีที่แล้วยังขึ้นชื่อเป็นดั่งเทพ แต่ปีนี้กลับมาโดนปลด เพียงเพราะ เปเรซ อาจคิดว่า ราฟาเอล เบนิเตซ เต็ง 1 ที่จะเข้ามารับงานต่อ น่าจะตอบโจทย์นี้ได้

 

 

ผมไม่รู้ว่าเหมือนกันว่า เปเรซ คิดอะไรอยู่ หากเทียบสถิติการคุมทีมแล้ว "อันเช่" ทำผลงานการคุมทีม มาดริด ดีที่สุดในชีวิต

 

74% - เรอัล มาดริด

62% - ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

61% - เชลซี

57% - ยูเวนตุส

56% - เอซี มิลาน

 

แต่สุดท้ายก็ไม่มีเพียงพอ ไม่รู้ว่าสถิติแบบไหนที่ เปเรซ ถึงจะพอใจ อะไรคือความพอดี

 

บางที เปเรซ อาจจะคิดถูก ถ้าหากเลือก เบนิเตซ เข้ามาคุมทีม แต่ถ้าหากคิดผิดมาจะเป็นรายที่ 10 หรือไม่ แต่ที่แน่ๆมีเพียง 7 % เท่านั้น ที่สาวก "ราชันชุดขาว" ต้องการ "เอล ราฟา" เข้ามาคุมทีม