6 ประโยชน์ที่คุณจะได้ ถ้าคุณตัดสินใจ “ทำงานของตัวเอง”

มาเริ่มต้นด้วยคำถามแรกกันก่อนเลย: คุณให้คำนิยาม “ความสำเร็จ” ของคุณไว้ว่าอย่างไร?

บางคนอาจจะบอกว่า ความสำเร็จของคุณคือ การได้มีบ้านหรูๆ ได้ไปเที่ยวที่สวยๆ แพงๆ ทุกปี ในขณะที่บางคนอาจจะขอเพียง มีเงินใช้ไม่เดือดร้อน และมีชีวิตเรียบง่ายกับคนในครอบครัว เป็นต้น

Tony Robbins ได้แบ่งปันนิยามความสำเร็จของเขาให้ฟัง ซึ่งมันโคตรเจ๋งเลยล่ะ เขาบอกว่า:

ความสำเร็จ คือการได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ไปในที่ที่อยากไป กับคนที่คุณอยากไปด้วยมากที่สุด

 

คนส่วนมากทำงานตั้งแต่ 9 โมงถึง 5 โมง เกลียดวันจันทร์เป็นที่สุด ไม่ชอบเจ้านาย ซึ่งบางคนอาจจะไม่เป็นก็ได้ แต่ถ้าคุณคือหนึ่งในนั้นละก็ อ่านต่อไป อย่าพึ่งหยุด!

มันมีคำพูดที่ว่า ถ้าคุณหลงรักความฝันของคุณได้ นั่นคือก้าวแรกของการทำให้มันเป็นจริงได้

“การทำงานของตัวเอง” มีประโยชน์มากมาย ซึ่งส่วนมากของเหตุผลเหล่านี้มันต่างจากประโยชน์ที่คุณได้รับจากการทำงานประจำในทุกๆ วัน ซึ่งบางทีอาจจะถึงเวลาที่คุณต้องเลือกแล้วก็ได้ว่า คุณต้องการแบบไหนกันแน่ เรามาดู 6 เหตุผลที่ว่ากันเลย ว่าทำไมคุณถึงควร “ทำงานเพื่อตัวเอง” มากกว่าเป็นลูกจ้างของคนอื่น

 

1.คุณได้ทำสิ่งที่คุณรัก

นี่เหมือนจะเป็นประโยชน์ข้อที่สำคัญที่สุดแล้ว ของการออกมาทำงานเพื่อตัวเอง เพราะบางที การที่คุณต้องลุกขึ้นมาทำงานทุกวันนั้น สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่คุณรักที่จะทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณฝืนใจลุกขึ้นมาทำ

คุณอาจจะเคยเห็นบางคนที่มองนาฬิกาที่ออฟฟิศทุกๆ สองชั่วโมงเพื่อรอเวลาเลิก คุณรู้มั้ยว่านั่นเป็นเพราะอะไร มันเป็นเพราะเขาไม่รักในสิ่งที่เขาทำยังไงล่ะ

จำไว้นะว่า ถ้าคุณไม่รักงานที่คุณทำอยู่ตอนนี้ อย่าเสียเวลาเลย ใช้เวลาที่มีอยู่ทำสิ่งที่คุณรักและสนุกไปกับมันเถอะ

ถ้าคุณได้ทำงานที่คุณรัก คุณจะรู้สึกว่าคุณไม่ได้ทำงานเลยซักวันเดียวในชีวิต

 

– Confucius

 

2. ชีวิตที่ยืดหยุ่นได้

ยอมรับมาเถอะ ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณคิดว่าคุณทำได้ แต่การทำงานประจำทำให้คุณต้องทำงานอย่างเดียว ใช้ทักษะไม่กี่อย่าง ซ้ำไปซ้ำมาเป็นปีๆ แต่การที่คุณออกมาทำงานเพื่อตัวเอง แน่นอนว่า มันอาจจะมีงานหลายอย่างมากที่คุณต้องทำ แต่ทุกอย่างก็ยืดหยุ่นได้ตามความสามารถและแผนการที่คุณเป็นคนวางแผนมันขึ้นมาเอง อย่างน้อยคุณก็ไม่มีเส้นตายของการส่งงานที่ทำให้คุณปวดหัวได้ทุกอาทิตย์ ใช่มั้ยล่ะ

 

3. คุณเป็นเจ้านายตัวคุณเอง

หลายๆ คนที่เคยผ่านมาหลายงาน ผ่านมาหลายเจ้านาย บางคนบริหารงานดี บางคนบริหารงานห่วย บางคนทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีตัวตน

แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณออกมาทำของตัวเอง เพราะคุณกำลังจะเป็นเจ้านายตัวเอง คุณจะเป็นคนสร้างกฏ คุณจะเป็นคนบอกว่า แบบนี้ถึงจะใช่ หรือไม่ใช่

แต่กระนั้น สิ่งที่คุณควรระวังคือ “วินัย” ที่คุณต้องสร้างมันขึ้นมา เพื่อที่ว่าคุณจะได้ทำงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายๆ คนบอกว่า การทำงานของตัวเอง ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ แต่ถ้าคุณมีทักษะที่จำเป็นละก็ บางทีลองสู้ซักตั้งก็ไม่เสียหลายอะไรนะ อย่างน้อย ข้อดีแรกๆ ก็คือ คุณได้กำหนดเวลาทำงานเองยังไงล่ะ!!!

 

4. คุณวาดอนาคตตัวเองได้

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่แน่นอนเช่นนี้ อย่างไรเสีย คุณก็ต้องรับมือกับมันให้ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องมีคือ วิสัยทัศน์ ที่อยู่ในหัวของคุณ ที่ทำให้คุณอยู่รอดและประสบความสำเร็จ

การทำงานเพื่อตัวเองนั้น คือการเดินทาง โดยใช้สัญชาตญาณและความเชื่อมั่นของคุณ ถ้าวิสัยทัศน์ที่คุณมีตอนนี้ เชื่อว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้ เพราะบางทีมันก็อยู่ที่เรามองมันเท่านั้นแหละ สิ่งๆ หนึ่งเกิดขึ้น บางคนอาจจะมองว่าเป็นปัญหา ในขณะที่บางคนอาจมองเป็นเรื่องสนุกที่มีขึ้นเพื่อทำให้คุณเอาชนะมันให้ได้ก็เท่านั้นเอง

 

5. ลาพักร้อนแบบไม่มีที่สิ้นสุด

เคยมั้ยที่รู้สึกว่า วันลาพักร้อนมันมีค่ามาก มันเป็น 10 วันของปีที่คุณคิดว่ามีค่าที่สุด ตอนที่คุณทำงานประจำ แต่การทำงานของตัวเอง มันจะไม่เป็นเช่นนั้น คุณจะไม่รู้สึกว่าคุณทำงานอยู่ คุณจะมีอิสระในการวางแผน ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย และอยากพัก คุณก็สามารถทำตามหัวใจคุณได้ โดยที่ไม่มีใครว่า

อีกอย่าง ถ้าคุณทำงานของตัวเอง คุณจะไม่ต้องมานั่งรอเวลาว่า จะถึงวันศุกร์เมื่อไหร่ จะถึงสิ้นเดือนเมื่อไหร่ และนี่แหละคือคำว่า “อิสรภาพ” ล่ะ

 

6. คนจะมองคุณว่าเป็น “ผู้นำ”

“เป็นผู้นำทางความคิด และไอเดียใหม่ๆ ” นี่คือสิ่งที่คนจะมองคุณ ถ้าคุณกล้าที่จะออกมาทำงานเพื่อตัวเอง และนี่คือสิ่งที่แยกออกระหว่าง “ผู้นำ” และ “ผู้ตาม”

ผู้นำ จะกล้าเสี่ยง และเผชิญกับปัญหา ขณะที่ผู้ตาม จะไหลไปตามน้ำ เพราะรู้สึกว่าตนเองอยู่ในที่ที่สบายแล้ว ไม่อยากเสี่ยงอะไร แต่กระนั้น การเป็นผู้นำก็เป็นเหมือนดาบสองคม มันอาจทำให้คุณรุ่งไปเลย แต่ขณะเดียวกันถ้าคุณไม่ระวัง ก็อาจทำให้คุณดับได้ แต่ความสนุกมันอยู่ที่ว่า “คุณเป็นคนกำหนดมันเองยังไงล่ะ”

สิ่งที่คุณต้องการตอนนี้คือ “ไอเดีย” ลองไปถาม ผู้ก่อตั้งแอพพลิเคชั่นเพื่อหาคู่เดท Tinder อย่าง Sean Rad และ Justin Mateen สิ เขาทั้งคู่ ปฏิวัติการหาคู่เดทด้วยการหาคู่เพียงปลายนิ้วสัมผัส พวกเขาทั้งสองอายุ 27 ปี และการที่เขามี “ไอเดีย” นี้ขึ้นมา มันกำลังทำให้เขาทั้งคู่สามารถเกษียณได้ในวัย 30 เท่านั้น

น่าเหลือเชื่อใช่มั้ยล่ะ? และนี่คือหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากในโลกนี้นะ

ถ้าตอนนี้คุณกำลังเครียดจากการหางาน ทั้งๆ ที่พึ่งจบปริญญามาหมาดๆ ลองหยุดคิดซักนิด พร้อมปากกา และกระดาษ ลองคิดดูว่าคุณอยากทำอะไร และอยากให้ชีวิตคุณเป็นแบบไหน

และแน่นอนว่า ถ้าคุณมีทักษะใดทักษะหนึ่ง ที่คุณเชี่ยวชาญมากๆ คุณสามารถทำเงินจากมันได้อยู่แล้ว เพียงแค่คุณต้องลองสู้กับมันจริงๆ จังๆ เท่านั้น

และที่สำคัญ ต้องเชื่อในตัวเอง ความเชื่อในตัวเองว่าคุณทำได้ คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการประสบความสำเร็จ

ถ้าคุณไม่ออกแบบแผนชีวิตคุณ สุดท้าย คุณจะไปตกอยู่ในแผนชีวิตของคนอื่น และคุณรู้อะไรมั้ย เขาไม่ได้วางแผนอะไรมากมายให้คุณหรอก เขาทำเพื่อตัวเองทั้งนั้นแหละ 

Jim Rohn