หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มหัศจรรย์ด่านขุนทด “หลวงพ่อคูณ”

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

เมื่อถูกถามอีกว่า “หลวงพ่อใช้คำเรียกพระองค์ว่าอะไร หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า พระองค์พูดประโยคแรกว่า …”หลวงพ่อครับ พูดตามปกตินะครับ ผมเป็นคนไทย”

(1) เพื่อนฝูงคนรู้จักกับผมจริงๆ จะรู้ว่าผมเป็นคนสนใจอะไรจริงจัง ไม่กี่อย่างนัก เรื่องบ้าบอลนี่ก็หนึ่ง บ้าเที่ยวนี่ก็หนึ่ง ชนิดไม่ได้เที่ยวจริงๆ เพียงขอได้คิดว่า ได้ไปเที่ยวก็ยังดี และอีกหนึ่งคือ ผมเป็นพวกบ้าการเมือง

ผมเป็นคนเลือกพรรค เอาพวก ไม่เปลี่ยนแนวไปไหน เหตุหนึ่งคงเป็นเพราะ นับจากวัยเด็กที่ได้เห็นหลายๆเหตุการณ์ โดยนั่งรถ Hilman Hunter ของพ่อไปดูเหตุการณ์ที่ถนนราชดำเนิน จาก 14 ตุลาฯ มาถึงฤดูกาลไล่ล่าของ 6 ตุลาฯ สู่พฤกษาทมิฬ ถึงสงครามสีอันดุเดือด ผมได้ข้อคิดและสรุปในวัยเติบโตตามแนว กาลามสูตร 10 ของพุทธะที่ระบุถึงการอย่างหลงเชื่อ

(1) ท่ามกลางความร้อนของอากาศเดือนเมษายน ซึ่งร้อนระอุกว่าที่ผ่านๆมา บวกกับเหตุการณ์บุกถล่มโรงแรมที่พัทยา จนลามเข้ามากลางเมืองกรุงฯ ปรอททะลุจุดวุ่นวาย ก่อนพอจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเป็นอีกหน

งานการที่มีอยู่น้อย ก็น้อยลงไปอีก ผมถูกยกเลิกงานเป็นหางว่าว ลองถามเพื่อนฝูง ก็ยับเยินกระทบกันท่วนหน้า แม้ผมจะไม่ได้เครียดกับเรื่องงานนัก แต่ความเหนื่อยเอียนระอา กับสิ่งที่เห็นของการไร้ศีลไร้ธรรม ใกล้เป็นสัตว์ในคราบคน มีให้เห็นกันทั่วถนน ผมไม่อยากโต้ตอบ หรือแสดงความคิดเห็นอะไร ให้ดูแตกแยกกว่านี้ แต่มั่นใจได้เลยสำหรับคนรักกันว่า ผมเลือกข้าง และเอาพรรคเอาพวกไม่เปลี่ยนแปลง

ความเครียดสะสมเป็นภาวะกดดันในสังคมจนทั่ว ใครเสียดทานได้น้อย ก็น่าจะมีผลกระทบหนัก และถ้าขาดสติ พูดจาหนักหน่วงรุนแรง ใช้กำลี้กำลัง หักหาญกับคู่กรณี แบบโต้ตอบด่าทอ ทีกูที สร้างกำแพงชิงชัง สุดท้ายที่ทำร้ายเข่นฆ่ากัน ไม่พ้นเดรัจฉาน บูชาลาภยศ ห่างไกลหนทางพุทธไปอีกหนทางตัน

โชคดีนักที่โลกของเรา สร้างตัวเองมาแบบกลมๆ แม้จะไม่กลมกิ๊กเป็นลูกแก้ว แต่ก็กลมพอ ที่จะรักษาระดับสมดุลที่หมุนโคจรนี้ให้เป็นวง และการเวียนๆเป็นวงๆ เปลี่ยนแปลงไปที่ละน้อยๆนี่เอง จึงไม่มีอะไรหลุดพ้นกงกรรมวัฎจักษ์อมตะอันนี้ไปได้ ซึ่งมันมีอยู่ในคำสอน บทตักเตือนง่ายๆ ที่มนุษย์ฯเราตั้งใจหลงลืม แต่พอปวดขมับวิงเวียนล้นปัญหา เพียงมีศรัทธาเพียงกระพี้ สิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า“ศาสนา” ก็มีหนทางให้คำตอบได้ทุกเรื่องทุกทาง

ดั้งเดิมผมไม่ได้ซีเรียสจริงจังอะไรกับศาสนา ที่ตัวเองบอกว่าสังกัดนับถืออยู่เท่าไรนัก ปฎิบัติตัวทำตน ไม่น่าจะต่างคนจำนวนมาก ที่ไม่รู้โลกธรรม 8 สังเวชนีย์สถาน 4 ก็ยังเรียงไล่ที่ประสูตร ตรัสรู้ไม่ถูก ยิ่งตอนเรียนในชั้นประถม โรงเรียนพาพวกเราต่อแถว ไปปฎิยานตนเป็นพุทธมามกะถึงวัดบวรฯ ผมสวดมนต์ได้ตามบทพื้นฐานที่นักเรียนสวดกันได้ที่หน้าเสาธง ไหว้พระทำบุญตามวันเกิดบ้าง ลืมหลงเว้นข้ามปีบ้าง แบบไม่รู้อะไรจริงจังอะไรเลย แถมนิสัยเสียเคยเถียงกับพระ ที่ผมดูว่าท่านจะเรียกร้องอะไรมากจนเกินควร แถมเคยขู่สมมุติสงฆ์กลางดึกว่า เดี่ยวเรียกตำรวจจับเอาเสียเลย เพราะเห็นว่า ท่านมาในสถานที่ๆ ผิดที่ผิดทางแน่นอน

ผมทำบุญสุนทานตามสภาพ แม้ไม่ได้เร่งทำจนถี่ หวังเดินทางขึ้นสวรรค์ด้วยทางสายนี้ แต่ก็ไม่ได้ละเลยจนน่าเกลียด กระถินผ้าป่า ก็ใส่ซองร่วมกับพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงไม่ค่อยขัด มีชื่อเป็นกรรมการในซองสีขาวตามสถานการณ์ พิธีกรรมทางศาสนา แม้ไม่รู้ขั้นตอนแบบละเอียด เหมือนมัคทายกวัด แต่ผมก็จริงจังตอนรับศีลห้าทุกครั้งเสมอ แม้จะรู้ว่าผิดที่ไม่กล่าวรับศีลในข้อสุราเมรายะฯ เพราะผมคิดเองเออเองว่า ถ้ารับปากรับคำ แล้วดันทำผิดข้อนี้ ผลของการไม่จริงจังต่อคำสัจฯ ก็จะพาลกระทบไปถึงข้อมุสา วาทาฯ จนลามเป็นทอดๆ พังพาบหมดทั้งห้าข้อ และจะไม่เหลือดีอะไรเลย

ผมสรุปตัวเองไม่ได้ว่าเป็นคนพุทธประเภทไหน และแอบเชื่อว่า ผู้คนมากมายที่ผมเห็นอยู่ทุกวี่วัน ก็เป็นอยู่เช่นนี้เป็นส่วนมากไม่น่าต่างกัน ซึ่งน่าเสียดายที่”ความสว่าง”แบบคนเดินถนนยึดมั่นเชื่อ ต่างร่วมกันเดินห่างไกลแผ่นเสี้ยวแก่นกระพี้ จากแก่นแก้วปาฎิหารอย่างผู้หลุดพ้นทีรู้จริง

(2) ผมมาที่ด่านขุนทดหนแรก เมื่อเพื่อนสนิทชาวมาเลเซีย ชักชวนผมอยู่นานนับปี ให้ผมร่วมเดินทางมาด้วยกัน เพื่อนที่ผมรักเหมือนพี่ชายคนนี้ นับถือศรัทธาหลวงพ่อคูณเป็นที่สุด และเดินทางมาที่วัดบ้านไร่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน รู้จักคนรอบๆหลวงพ่ออยู่ก็หลายคน และสำคัญที่สุดคงไม่พ้นที่หลวงพ่อคูณเอง ก็เอ็นดูเพื่อนต่างชาติคนนี้ของผมอยู่ไม่น้อย

เรื่องราวหลวงพ่อคูณเป็นมาอย่างไร ชาวโคราชท้องถิ่น น่าจะรู้กันดีกว่าใครเพื่อน ประวัติของท่านมีการทำเป็นสารคดีเป็นหนัง เป็นหนังสือออกมาสารพัด มีเครื่องรางของขลังสารพัด ผลิตออกมาเพื่อให้หลวงพ่อปลุกเสก วางจำหน่ายในราคาจากสิบยี่สิบ จนไกลไปถึงหมื่นเป็นแสน มีเงินสะพัดทั้งในนอกระบบ ยากจะจินตนาการได้ และในทางสายนี้ น่าจะสร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลให้ใครไปหลายต่อหลายคน

อย่างไรก็ตาม ผลจากเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่สะพัดที่วัดบ้านไร่ ผู้เฒ่าเด็กเล็กเด็กแดง ตลอดจนข้าราชการประชาชนตาดำๆคนอีสาน ต่างได้อานิสงฆ์จากการเป็นผู้ให้จากเทพเจ้าแห่งที่ราบสูงนี้ จากการสร้างและต่อยอดให้ เกือบทั้งจังหวัดนครราชสีมา จนไกลออกไปสู่หลายส่วนในประเทศ

เม็ดเงินกว่า 4,000 ล้านบาทตามระบบ ที่ผ่านเทพเจ้ารูปนี้ แปรสภาพมาเป็นโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีตำรวจ มหาวิทยาลัย วัดวาอาราม รวมถึงกองทุน ที่เก็บกินดอกเบี้ย เพื่อใช้ทำกิจการสาธารณะอีกจนยากจะนับไหว เม็ดเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่หลวงพ่อคูณตั้งใจ นำน้อมเกล้าฯถวายในหลวง หลวงพ่อคูณก็ทำได้สำเร็จสมใจ ก่อนที่พระองค์จะพระราชทานเม็ดเงินนั้นคืนมา เพื่อนำไปเป็นกองทุนอาหารกลางวัน แก่เด็กนักเรียนในถิ่นอีสาน ตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเทพฯรัตนราชสุดาฯ

(3) ชื่อหลวงพ่อคูณรู้จักกันมานานในถิ่นอีสาน ด้วยความเข้มขลังทางวิชาอาคม และเดินธุดงค์ ทะลุปรุอีสาน ข้ามเข้าลาวใต้จรดลาวเหนือ เป็นหนึ่งคุณสมบัติผจญภัยร่ำเรียนเก็บไว้บอกเล่า แต่ผมกลับได้ยินชื่อหลวงพ่อคูณครั้งแรกๆ ก็คราวโรงแรมโรยัลพลาซ่ากลางเมืองโคราช ถล่มลงในปี 2536 ซึ่งก่อนหน้าเพียงสองอาทิตย์ผมก็เพิ่งไปร่วมในงานแต่งงานที่โรงแรมนี้อยู่เลย และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น เพื่อนฝูงที่ปากช่องที่เป็นอาสาสมัครกู้ภัยฯ ก็ชวนให้ผมไปร่วมขุดโรงแรม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุสลดหนนั้น และคราวนั้นเอง ที่ผมเริ่มได้ยินถึงความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อคูณ

ท่ามกลางการนำศพออกจากพื้นที่อย่างน่าอนาจ ก็มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อมีการพบหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคานซีเมนต์ หักลงมาทับท่อนล่างไว้ เธอติดอยู่กับความหนาหนักนั้นหลายวัน จนเมื่อพบเธอเข้า ทีมแพทย์ถูกส่งเข้าตรวจร่างกายโดยเฉพาะส่วนที่ถูกทับนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำการผ่าตัดเพื่อตัดขาของเธอออกท่ามกลางซากปรักหักพังตรงนั้นเอง ซึ่งภาพดังกล่าวถูกแพร่ออกอากาศทั่วประเทศ ผู้คนร่วมส่งกำลังใจให้เธออย่างล้นเหลือ

นักแสดงอย่างเอกพันธุ์และบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ที่เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญู อยู่ให้กำลังใจเธออยู่ใกล้ๆ (ผมได้พบกับพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์สินามิที่เขาหลัก) ทีมแพทย์ทำการผ่าตัดแบบกลางแจ้งเป็นครั้งแรกในประเทศ และได้รับความสำเร็จที่น่าพอใจ

เหตุการณ์ที่โคราชมีผู้เสียชีวิตถึง 137 ชีวิต และบาดเจ็บร่วม 300 หญิงสาวถูกตัดขา รอดปลอดภัยท่ามกลางความยินดีของทุกคน เธอให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า เมื่อเธอหมดแรงและสิ้นหวัง เธอเห็นหลวงพ่อคูณมาหา และได้กราบท่านอย่างชิดใกล้ แล้วเธอก็รอดชีวิต และที่สำคัญเธอห้อยพระหลวงพ่อคูณ

มันสร้างกระแสเข้มขลังไปทั่วประเทศหนักเข้าไปอีก ผู้คนต่างเดินทางสู่วัดบ้านไร่ หาซื้อเช่าทุกอย่างที่เป็นหลวงพ่อคูณ คนใกล้ไกล ต่างเดินทางมาให้ท่านเคาะหัว ตอกตระกรุดที่ท้องแขนกันอย่างมหาศาล คนไทยคนไกล รวมไปถึงข่าวลือสารพัดทั้งจริงทั้งลวง แต่ก็ทำให้ถนนทุกสาย ของผู้ชื่นชอบศรัทธา เดินทางสู่ด่านขุนทดอ ย่างหัวกระไดไม่เหือดแห้ง

หลวงพ่อถูกนิมนต์ไปทั่วประเทศ ทั้งทางรถ ทางเรือรวมถึงเฮลิคอปเตอร์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วของภารกิจตามนิมนต์ และจากการเข้าได้ถึงพื้นที่ทุกประเภท อาคารห้างร้าน สารพัดเหรียญที่ผลิดออกมา เพียงมีรูปหลวงพ่อคูณนั่งยองๆ กับท่าถนัดสูบยา ความมั่งคั่งร่ำรวยจากการขอนุญาตผลิต สร้างเหรียญทำรุ่นออกสู่ตลาด ก่อนแบ่งให้วัดตามส่วน

เงินสะพัดจนยากจะคิดออก ธนาคารเดินทางมาเปิดบัญชีให้ถึงที่วัดตามสไตล์ สรรพากรเองก็คงตรวจสอบที่ไปที่มาอย่างยากลำบาก คนพุทธทั้งแบบหนักหนาเข้มข้น บางเบาหรือลอยลวงทั่วสารทิศ ต่างเดินทางมายังดินแดน ที่มีชื่อว่าแห้งแล้วที่สุดส่วนหนึ่งของไทย รวมถึงนักการเมืองมากหน้าหลายตา คุณหญิงคุณนาย ที่อุ้มช้างจูงหมา ต่างก็เดินทางสู่วัดบ้านไร่นับร้อยนับแสน จนนับได้เป็นล้านคน

(4) ท่ามกลางความมหัศจรรย์ที่ด่านขุนทดเช่นนี้ ประชาชนชาวไทยก็ได้ อิ่มเอมกันอีกครั้งเมื่อสมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนวัดบ้านไร่ เพื่อยกช่อฟ้าและทรงเททอง หล่อพระประทานหน้าตัด 80 นิ้ว ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และมีเรื่องเล่ากันว่าก่อนเสด็จของพระองค์ ข้าราชการหลายท่านจากจังหวัด ได้เข้ามาติวเข้ม พร้อมแนะนำคำราชาศัพย์ง่ายๆให้หลวงพ่อ พร้อมกำชับกำชาอย่ามั่นเหมาะว่า ให้ระมัดระวังการใช้ภาษาสมัยพ่อขุนฯ ที่หลวงพ่อใช้อยู่ประจำ

ครั้งสมเด็จพระเทพฯ ท่านเสด็จมาถึงที่วัด หลังผ่านพิธีการจนเรียบร้อย ระหว่างเสด็จพระดำเนินตามทางโดยมีหลวงพ่อคูณ และผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเดินตามมานั้นเอง หลวงพ่อคูณในท่าทางของพระที่ดูอึดอัด ไม่พูดไม่ จนผิดปกติแต่ก็คงไว้ ด้วยความเรียบร้อยอย่างที่สุด

สมเด็จพระเทพฯ ทรงตรัสถามอะไรไป ก็คงมีแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คอยถวายคำอธิบายอยู่เช่นนั้น โดยมีหลวงคูณพ่อเดินตามมาเป็นผ้าพับไว้ จนพระองค์เห็นผิดสังเกตุ จึงตรัสถามไปแบบยิ้มพระสรวญว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่พูดกับหนูล่ะค๊ะ” คำตอบสั้นๆ ฟังง่ายของหลวงพ่อคูณ ที่ทำเอาข้าราชการหลายส่วนแทบจะเป็นลม เมื่อหลวงพ่อคูณหันกลับไปตอบสมเด็จพระเทพฯ ตามถนัดว่า “ก็ไอ้นี่มันไม่ให้กูพูดกับ” พร้อมชี้นิ้วไปที่เต็มอกนายอำเภอด่านขุนทด

เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกหน เมื่อในหลวงเสด็จฯวัดบ้านไร่ พร้อมสมเด็จพระราชินี ในปี 2538 เพื่อประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่บุษบกด้านบนของโบสถ์ ที่วัดบ้านไร่ ได้รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุส่วนนี้จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก คราวนั้นทั้งสองพระองค์ ทรงปลูกต้นคูณไว้ด้วย ที่เราสามารถเห็นได้ที่ลานกลางวัด และว่ากันว่า เป็นวันที่หลวงพ่อคูณภูมิใจมากที่สุดในชีวิต และจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ใกล้ชิด และเคยถามหลวงพ่อว่า ในหลวงทรงตรัสอะไรกับหลวงพ่อบ้าง

หลวงพ่อคูณเงียบเพียงครู่ ก่อนจะตอบมาเบาๆว่า “รู้ไหม มือพระองค์เป็นมือคนทำงานอย่างก๊ะชาวไร่ชาวนา แข็งกะด้างมากๆ “และเมื่อถูกถามอีกว่า “หลวงพ่อใช้คำเรียกพระองค์ว่าอะไร หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า พระองค์ตรัสประโยคแรกว่า …”หลวงพ่อครับ พูดตามปกตินะครับ ผมเป็นคนไทย” (จากลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ ในวันในหลวงเสด็จวัดบ้านไร่ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ)

คราวนั้นหลวงพ่อคูณได้น้อมเกล้าถวายเงิน เพื่อเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยจำนวน 60 ล้านบาท ตามปีฉลองเสด็จพระราชสมภพ ผมไม่แน่ชัดว่าในหลวงรับการถวายนั้นมาทั้งหมด ก่อนพระราชทานคืนให้หลวงพ่อคูณครึ่งหนึ่ง ตามอย่างที่หลวงพ่อเคยปฎิบัติเสมอ ยามมีคนถวายปัจจัยหรือไม่ เพราะเคยได้ยินมาเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ภาพที่ผู้คนทั้งประเทศตื้นตันกันจนได้น้ำตาก็คือ ภาพขณะที่ทรงประคองหลวงพ่อคูณ ลงกันมาตามบันใดนาคราช ของโบศถ์เซรามิคที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย

(5) ท่ามกลางความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อที่ดำเนินไป ควบคู่กันนั้นก็มีข่าวคราวเรื่องราวของผลประโยชน์จำนวนมหาศาล มีการทำร้ายทำลายถึงเลือดตกยางออก ซึ่งหลวงพ่อคูณเองท่านก็ระอาอยู่เต็มที ซึ่งบ่อยครั้งที่คิดจะเลิกการปลุกเสกของอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้เอง ที่สุขภาพถดถอยชราภาพ และทรุดลงเต็มที ท่านก็ละเลิกการปลุกเสกและเลิกให้ของในทุกกิจกรรมเชิงนี้

ครั้งแรกที่เพื่อนต่างแดน พาผมมาหาหลวงพ่อคูณในวัยชรา 85 ปี นั้นเราพักกันที่โคราช ก่อนออกเดินทางมาที่วัดบ้านไร่ในเช้าตรู่ของวันต่อมา เรามาไม่ทันพบท่านยามเช้า เพียงทันเห็นขบวนรถที่นำหลวงพ่อออกไปเที่ยว วิ่งสวนเราออกไป และเมื่อมาถึงวัด ก็ได้ยินว่ามีข้าราชการใหญ่ พาท่านหลวงพ่อออกไปเที่ยวชมป่าชมเขาแถบวังน้ำเขียว และคาดว่าจะกลับมาวัดราว 5-6 โมงเย็น

ผมวนไปเที่ยวพิมาย ก่อนย้อนกลับมาราว 6 เย็น แต่ท่านก็ยังมาไม่ถึง นานจน 3 ทุ่ม จึงได้เห็นหลวงพ่อคูณ รูปจริงตัวจริง แบบเต็มตาเป็นหนแรก แต่ภาพที่ผมเห็นนั้น ทำเอาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใช่ว่าจะปลื่มใจตื้นตันอะไร แต่ผมสงสารท่านจับหัวใจ

สภาพร่างเล็กแสนบอบบาง แลดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน กับการเดินทางไกลมา มีศิษย์ลูกวัดประคองท่านมาทั้งซ้ายขวาดิบดี ผมกราบท่านในระยะแค่เอื้อมนั้น ใจไม่คิดหวังจะให้ท่านเคาะหัว เสกของที่ซื้อมาจากร้านข้างวัด เพียงเพียงหวังเอาไปฝากเพื่อนฝูง ว่า“เอามากับมือ” และสัจจริงว่า ผมอยากให้ท่านได้พักให้สบาย แถมรู้สึกไม่ดีเลยด้วยซ้ำ ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรออยู่ เพื่อบั่นทอนสุขภาพความมหัศจรรย์แห่งด่านขุนทดนี้

แต่เราทั้งหมดก็นั่งรอท่านอยู่ด้านนอกอยู่นานหลายชั่วโมง ตั้งแต่ไม่มีใครในวัดจนดึกค่ำและท่ามกลางความเงียบและมืดสนิท ที่วัดบ้านไร่ ศิษย์ลูกที่พูดภาษาจีนแมนดารินและรู้จักกับเพื่อนของผมดี ก็เดินบอกให้พวกเราทั้งหมดรอกันก่อน เพราะท่านเหนื่อยมามาก กำลังสรงน้ำ และต้องฉันท์ยา ซึ่งก็ไม่น่าจะแปลกใจ จนกระทั่งสี่ทุ่ม ศิษย์ใกล้ชิดท่านนั้น ก็พาเราเข้าไปกราบหลวงพ่อคูณถึงห้องนอน

ผมนั่งพับเพียบอยู่ห่างขาเรียวเล็ก ของหลวงพ่อคูณไม่ถึงเมตร นั่งมองดูท่านด้วยสายตาที่ศรัทธา แต่ศรัทธาที่ผมมองนั้น เป็นการมองถึงมนุษย์โลกเล็กๆคนหนึ่ง ที่สะสมบารมีมากมาย จนแข็งแรงแกร่ง สะสมจากการเป็นผู้ให้ และจากวันแรกที่ให้นั้น ก็เป็นการให้อย่างไม่รู้หนทางสิ้นสุด หลวงพ่อคูณจึงเป็นเรื่องราวหนึ่งที่จับต้องได้ การ พระชราที่อยู่ตรงหน้าผม มีนัยยะสารพัดทางให้คิดได้อย่างไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะการสอนให้รู้จักพอ การปล่อยวางและความนิ่งเฉย รวมถึงการยืนอยู่ห่างไกลลาภยศสรรเสริญ และเงินตรา ทั้งๆที่มันอยู่ติดใกล้ตัว

หลวงพ่อคูณบริกรรมให้ผมอย่างน่าศรัทธา ก่อนเคาะที่ศรีษะพวกเราทุกคนอย่างใกล้ชิด ผมแอบมองสายตา และริมฝีปากหลวงพ่อคูณ ขณะบริกรรมตามนิสัยอยากรู้อยากเห็น ผมไม่มีคำอธิบายใด ที่จะกล่าวได้ถึงสิ่งที่เห็นในช่วงเวลาราว 10 นาทีในห้องนอนนั้น นอกจากเก็บความทรงจำ เชื่อและศรัทธาแบบแนวทางหนึ่งตรงแทบเท้าหลวงพ่อคูณตรงหน้า

หกเดือนต่อมาหลังครั้งแรก ผมกลับมาที่วัดบ้านไร่อีกหน เพราะเพื่อนฝากให้ผมพาเพื่อนสนิทของเขาอีกคู่ มากราบหลวง ผมพาสองสามีภรรยามานั่งรอ ตรงที่ผมเคยนั่งรอเมื่อหนก่อน เล่าเรื่องที่พอรู้บ้างให้ทั้งคู่ฟังฆ่าเวลา เล่าตามแนวที่คนมาเลย์และสิงคโปร์เชื่อศรัทธา

คนเชื้อสายจีนทั้งสองประเทศ รู้จักหลวงพ่อคูณในแนวกราบไหว้ และมักจะขอให้ทำมาค้าขึ้นเป็นหลัก ขอโชคขอลาภกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าแพ้การขอแบบไทยๆ คือเน้นที่จะขอๆกันอยู่ท่าเดียว เพราะคงรู้อยู่บ้างว่าหลวงพ่อเองก็ให้ๆ อยู่ท่าเดียวเช่นกัน ส่วนเรื่องราวของประวัติ จากจุดเริ่มต้นจนสร้างสม จนเป็นบารอันแกร่งกล้าอย่างเช่นทุกวันนี้นั้น ร้อยทั้งร้อยแทบไม่เคยรู้เคยเห็น

สำรับอาหารหลังหลวงพ่อคูณฉันท์เสร็จ ทยอยส่งออกมาด้านนอก มีการนำออกมาให้ลูกศิษย์ลูกหา ได้รับประทานด้วย ชาวบ้านสองครอบครัวที่มาก่อนผม ต่างหยิบข้าวโพดหวานเข้าปาก คนละคำสองคำ ก่อนส่งต่อๆกันไป คนละนิดละน้อย

ผมหยิบเข้าปากสองชิ้นเป็นพิธี ก่อนส่งต่อและเห็นผู้คนทยอยหยิบทานกันเป็นทอดๆ ทั้งเด็กทั้งผู้เฒ่าจากทุกสารทิศ และนานเกือบ 3 ชั่วโมง ที่รอหวังหลวงพ่อคูณออกมาให้เห็นเพียงเท่านั้น ไม่สนไม่หวังปลุกเสกเคาะหัว เพราะจากที่เคยเห็นสังขารของท่านหนก่อน จึงมีเพียงอยากดูชื่นชม และแอบหวังให้ผู้คนทั่วๆไป รู้ระลึกถึงคำสอนในมุมเล็กที่หลวงพ่อคูณ เคยบอกเคยกล่าวเป็นแนวทางไว้บ้าง

(6) คำสอนง่ายๆ แบบบ้านๆ อันเป็นสัจจะของหลวงพ่อคูณ เช่น “การหายใจเข้า ให้บริกรรมว่าตาย เวลาหายใจออก ว่า “เป็นตายแน่… ตายแน่…” อย่างนั้น จะรู้สึกว่าสบาย มีจิตสงบ และอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเป็นสุข รวมถึงให้ละเว้นถ้อยคำด่าทอ ให้สวดมนต์ก่อนเข้านอน และสอนย้ำเสมอว่า “ถ้ามีใจอยู่กับ พุทโธ ก็ให้เป็นกลาง ๆ ไม่สอดส่ายไปที่ไหน ใจเป็นสมาธิ ก็จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราได้ดียิ่ง ดียิ่งกว่ามีวัตถุมงคลใด ๆ ในโลกเสียอีก”

ผมไม่แปลกที่ทุกวันนี้ ความมหัศจรรย์แห่งด่านขุนทด ยังคงเหน็ดเหนื่อย จากความต้องการที่ยังคงขอที่ไม่สิ้นสุด แม้หลวงพ่อคูณเองจะยินดี และสุขใจในฐานะผู้ให้นี้ก็ตาม และที่สุดจากคำสั่งของหมอ ท่านได้เลิกรับกิจนิมนต์นอกวัดทุกชนิด แต่ผู้คนมากมายยังหอบลูกอุ้มหลาน เข้ากราบขอพรกันถึงที่ ผู้ใหญ่ยังถือวิสาสะเข้านอกออกใน พาญาติพาเส้นพาสาย เข้าจนถึงตัวหลวงพ่อ จนดูล่วงเกินอายุ และดูน่าจะสร้างความเหนื่อยสาหัสให้กับท่าน

ครั้งแรกที่ผมได้พบหลวงพ่อคูณนั้น ท่านอยู่ในสภาพ “หามปีก” จนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และไม่นานเกินลืม เพียง 6 เดือนให้หลัง ขณะนั่งรออยู่ชมบารมีท่านที่เดิม หลวงพ่อคูณปริสุทโธ ก็ถูกนำหามส่งโรงพยาบาลโดยด่วนต่อหน้าต่อตาผม

(3) นานร่วม 5 ปีจากหนแรก เพื่อนจากต่างแดนบินกลับมาหาท่านอีกหน หลังฝันติดๆกันมาหลายคืนว่า หลวงพ่อคูณมาเข้าฝัน แถมมีคนมาดึงที่นอนจนหลุดลุ่ยอยู่สามสี่คืนติดๆกัน ผมเดินทางมาในเส้นทางเดิม รู้เพียงว่าท่านยังอาพาธอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชในโคราช เรา 4 คนชุดเดิมจากเมื่อ 5 ปีก่อน นั่งรอชมบารมีท่าน ณ วัดบ้านไร่อย่างไม่รู้หมาย ไม่มีข้อมูลใดๆ และทันใด จนท.วัดผู้ใหญ่ ก็มาแจ้งข่าวดีว่า หลวงพ่อคูณจะกลับมาจำวัด เนื่องในวันเข้าพรรษาในวันที่เราเดินทางมาถึงพอดีอย่างน่าอัศจรรย์

เรารออยู่นานหลายชั่วโมง จนราวบ่ายสองโมง เตียงนอนราคา 2 ล้านบาทของหลวงพ่อคูณ ถูกส่งมาก่อนจากโรงพยาบาล ผมช่วยยกเข้าไปจนถึงที่พักด้านใน ก่อนช่วยพยาบาลเช็ดล้างล้อฆ่าเชื้อ ก่อนปลีกตัวออกมารอรับหลวงพ่อคูณด้านนอก

พระผู้ใหญ่ออกมากล่าวสอนธรรมะแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่มารอเฝ้า ท่านชวนคุยแอบสอนธรรมอย่างดิบดี “พรุ่งนี้วันอะไร” เสียงพระครูถามดังๆ มาที่กลุ่มชาวบ้าน ที่มีผมยืนถือกล้องอยู่ห่างๆ คำถามของท่านพระครู มีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ พระครูส่ายหน้า ก่อนถามเองตอบเองดังๆว่า “อาสาฬหบูชา”

“แล้วอาสาฬหบูชาสำคัญทางศาสนาพุทธเรายังไง?” อีกคำถามไม่ยากที่พระครูถาม ก็ได้ความเงียบเป็นคำตอบเช่นเดิมจากคนที่รอเฝ้าหลววงพ่อร่วม 200 พระครูดุเอาอีกหนก่อนว่า “ก็เป็นกันเสียอย่างนี้ จนไม่อยากคุย อยากถามด้วยแล้ว” “….แล้ววันที่เลยอาสาฬหบูชาไป เป็นวันอะไร ?” ..ท่านยังใจดีสู้เสือถามอีก เงียบสนิทเป็นคำตอบ

และท่านก็เลยถามแบบที่รู้ว่า ต้องได้คำตอบแน่ๆ ดังๆว่า “แล้ววันที่ 1 เป็นวันอะไร ?” เสียงตอบดังอย่างพร้อมเพียงกันว่า “วันหวยออก….!!!!”

หลายปีมานี้ ผมแวะเวียนเข้าวัดเข้าวาทั้งเก่าใหม่ ดูนั่นเห็นนี่ เรียนรู้ฟังธรรม นั่งคุยกับพระตามวัดตามวิหาร เลือกเอาตามใจตัว ชนิดที่อยากเห็นอยากได้ยินตรงไหนฟังอย่างไร ก็ดั้นด้นไปฟังไปดู มันหล่อหลอมสอนอะไรผมอยู่บ้าง แม้จะไม่มากแต่ก็ไม่น่าจะน้อย คงพอให้ผมแยกแยะของดีของเลวได้ และเมื่อรถพยาบาลนำหลวงพ่อคูณมาถึง จึงเป็นอีกคราวหนึ่ง ที่ผมได้ตื้นตันไปกับความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อคูณ ที่ถูกแบกมาบนที่นั่งตรงหน้า พระบ้านนอกเลอค่า ที่พยายามบอกใครต่อใครมานานนักแล้วว่า “กูให้รู้จักพอ” จนเป็นคำอมตะ และแถมวันนี้วัดบ้านไร่ ยังสอนให้ผมรู้ เห็น และเข้าใจถึงความเป็นไป ของการวนเวียนเวียนว่ายใกล้ไกล ของความเป็นพุทธ ของคนพุทธแบบเราๆ…

ปล.เรื่องนี้เรียบเรียงแก้ไข-เติมจากที่เคยเขียนเมื่อ 2009/04/28 เหตุการณ์จึงเกี่ยวเนื่องพันกันหลายเรื่อง

หนังสือสวดมนต์ที่เล็กที่สุดในโลก แสดงอยู่ใน ripley’s believe it or not

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
221 VOTES (4.8/5 จาก 46 คน)
VOTED: ณ เหนือ, newwin, สตาร์ทตีน, ดีเจ ซูกัส, oLuxo, amzabzaa, nkart, ตะคริวเอว, ธนาคม, OMG SiamThai, Adams Jaidee, เสียสติ, ปุ้มปุ้ม, นางเบิร์ด, MondAy CoUpLe, พ่อๆเเม่ให้มาตามวีทู, ลูกสาวอบตกลับมาแล้ว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
พลังมหัศจรรย์ของ "เกลือ" เปลี่ยนการซักผ้าให้สะอาดง่ายเขมรมาเหนือเมฆ เรียกประชาชนที่อยู่รอบนครวัดมาให้ทำการปรับปรุงบ้านใหม่ ให้เน้นรูปทรงบ้านให้เป็นทรงโบราณ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะได้ฟินๆ
ตั้งกระทู้ใหม่