ข้อแตกต่างระหว่างการ “ออกเดท” แบบไทยและอเมริกันฉบับ 20+
พูดถึงการออกเดทสำหรับคนไทยนั้น มักเป็นระยะความสัมพันธ์ “ขณะจีบ” ส่วนใหญ่มีแนวโน้มกว่า 70% แล้วว่าชอบพอพร้อมคบหาเป็นเป็นแต่แบบขอเวลาเล่นตัวนิดนึงน่า กลับกันกับการออกเดทแบบอเมริกันที่การออกเดทนั้นแทบจะไม่ผูกมัดหรือการันตีได้เลยว่าทั้งคู่จะใช้คำว่าแฟนกันในที่สุด
ไทย - กว่าจะออกเดทกันนั้้นต้องรู้จักกันมาแล้วพักหนึ่ง รู้ว่าทำงานที่ไหน มีเพื่อนเป็นใครหรือครอบครัวอยู่ที่ไหนแล้ว และมั่นใจประมาณหนึ่งว่าฝ่ายชายนั้นมีความชอบพอและตั้งใจจะจีบเรา ยังดีที่ปัจจุบันผู้หญิงเราสามารถเอ่ยปากชวนออกเดท (หรือทำเนียนว่าไปทำธุระนู้นนี่เป็นเพื่อนหน่อย) แต่ส่วนมากก็ไม่กล้าพูดแบบเต็มปากเต็มคำว่าไปเดท ถ้าผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายชวน
อเมริกัน – มันอาจเริ่มจากการทักทายกันสองสามประโยค แล้วขอนัดเจอกันครั้งต่อไป เพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น และไม่แคร์ด้วยว่าใครเป็นฝ่ายชวน ทั้งคู่อาจมีความสนใจกันอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขึ้นชอบและปักใจรัก เพียงให้การเดทเป็นการศึกษากันมากกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่สนใจจะเดทด้วย ก็มักปฏิเสทอย่างนุ่มนวลทำนองว่า “คุณน่ารักมากที่ชวนฉัน แต่ขอโทษด้วยฉันไม่สะดวกจริงๆ”
“สถานที่อออกเดท”
ไทย – อันดับหนึ่งตลอดกาลคงหนีไม่พ้นการดูหนัง หลังจากนั้นก็ต้องทานข้าวเพื่อจะได้สนทนากันอีกซักพัก หรือหากฝ่ายใดมีกิจกรรมอื่นๆที่สนใจอย่างไปปั่นจักรยาน ชมพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกัน
อเมริกัน – ในครั้งแรกๆ มักจะนัดดื่มกาแฟและพูดคุยกัน ถ้าเป็นคนทำงานก็จะชวนไม่ทานข้าวเช้าก็ข้าวเย็น ถ้าเป็นวันหยุดก็จะมีไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้าง อย่างปาร์ตี้ หรือขับรถชมเมือง
“การปฏิบัติตัวระหว่างออกเดท”
ไทย – ทั้งคู่จะแต่งตัวอย่างดีเลยล่ะ จริงๆมันก็เป็นมารยาทอย่างหนึ่งนะ อาหารการกินก็มักจะไปที่ดีๆ หรือบางคนก็จะไม่สั่งอาหารเส้นเพราะท่าทางการกินมันไม่น่ารักเท่าไหร่ แต่ละประเทศก็จะมีข้อปฏิบัติพวกนี้ต่างกันไปล่ะ อย่างเกาหลีถ้าฝ่ายหญิงไม่ปลื้มการเดทก็จะสั่งโค้กมาดื่ม โอเคเป็นอันรู้กัน อย่างไทยก็พอจะถือบ้างว่าถ้าฝ่ายชายชวน ฝ่ายชายก็ควรเป็นคนออกค่าใช้จ่าย หรือไปส่งฝ่ายหญิงกลับบ้าน และหากไปเจอคนรู้จักหรือโดนใครถามเราก็มักจะตอบว่าเป็นพี่น้องกัน หรือดูๆกันอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยพูดต่อหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี
อเมริกัน - สิ่งหนึ่งที่ถือกันมากคือการไปพบพ่อแม่ ถ้าระหว่าเดทฝ่ายหญิงชวนไปเจอพ่อแม่จะเป็นเรื่องน่าอึดอัดมากๆสำหรับฝ่ายชายที่ยังไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ และการที่ฝ่ายหญิงโทรหาก่อนก็ถือเป็นการทำให้ฝ่ายชายได้ใจมากๆ ทำให้ผู้หญิงต้องใจแข็งพอสมควรที่จะไม่เป็นฝ่ายโทรไปก่อน ส่วนเรื่องอเมริกันแชร์ก็ยังเป็นเรื่องที่ถือกันมากๆ และอีกข้อคือหลังจากมีเซ็กก็ควรอยู่ทานอาหารเช้ากันก่อน การย่องหายไปกลางดึกไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง ส่วนเวลาเจอคนรู้จักก็สามารถแนะนำได้แบบตรงๆว่าอ่อนี่คู่เดทนะ หรือเรากำลังเดทกันอยู่
“ความสัมพันธ์”
ไทย – ระยะเดทเป็นระยะน่าอัดอัดพอสมควร เพราะคนไทยมักจะไม่ถามกันว่านี่เรา “เดท” กันอยู่หรือเปล่า ไปถามกันอีกทีคือตอนคบหรือไม่คบ ซึ่งถ้าเกิดเดทแล้วไม่เวิร์ก ฝ่ายหญิงมักจะมองว่าถูกเท หรืออีกกรณีมันก็มีพวกที่ไม่ยอมชัดเจนกับความสัมพันธ์และอ้างว่าขอศึกษากันไปก่อน ทำให้การเดทสำหรับคนไทยเป็นระยะที่ดูคลุมเครืออยู่พอสมควร (ยกเว้นพวกที่ฝ่ายชายออกตัวแรงอยู่แล้วว่าชอบจะขอเป็นแฟน ก็จะใช้เดทเป็นระยะเล่นตัว) และถ้าให้พูดถึงเรื่องเซ็กล่ะก็ บอกยากค่ะ บางคนยังไม่กล้าบอกใครว่ามีอะไรกับคนที่ยังไม่เรียกว่าแฟน หรือบางคนก็มีค่านิยมขอสงวนเซ็กไว้กับคนที่คบกันแบบจริงจังจริงๆ
อเมริกัน - การเดทเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้ศึกษากันทั้งในด้านของ นิสัย ทัศนะคติ รวมถึงรสนิยมเรื่องบนเตียง (ในขณะที่ของไทยมีหลายคู่ที่กว่าจะรู้ใจว่าเรื่องบนเตียงของเราไปกันไม่ได้ก็หลังแต่งงานโน้น) การเดทแบบอเมริกันมักจะเปิดโอกาสให้คู่เดทได้ลองจูบกันตั้งแต่เดทแรก เพราะการจูบสามารถวัดเคมีในร่างกายได้ว่าเราเฉยๆ หรือเริ่มสปาร์กกับคนๆนี้แล้วกันแน่ ถ้าชอบมากๆ ก็ไม่ผิดอะไรที่จะมีเซ็กกันตั้งแต่เดทแรก แต่ก็มีสาวๆจำนวนมากที่ยึดกฏว่าเดท 5 เป็นต้นไปถึงจะลองมีเซ็กกับเขาคนนั้น
“การพัฒนาความสัมพันธ์”
ไทย - ดูจะเป็นความคาดหวังของสาวๆว่าฝ่ายชายจะต้องทำอะไรเล็กๆน้อยๆเพื่อขอสาวเจ้าเป็นแฟน หรือไม่ก็เป็นฝ่ายเรานี่ล่ะถามไปว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน จะสมหวังหรือกินแห้วก็ขึ้นอยู่ที่ตรงนี้ และเรามักถือเป็นเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ถ้าถูกเท เสียใจประดุจอกหัก น้อยคนที่จะสะบัดบ็อบแล้วจากกันแบบแฟร์ๆ ยิ่งถ้าเจออีรอบที่อีกฝ่ายหายจ้อย ไลน์ไปไม่อ่าน โทรไปตัดสายทิ้ง อีกสองอาทิตย์โผล่มาว่าเป็นแฟนกับคนอื่น แบบนี้ยิ่งเฮิร์ทหนัก ส่วนฝ่ายที่สมหวังก็ขึ้นสเตตัส In relationship สิคะ รออะไรอยู่
อเมริกัน - หากเดทกันมาแล้วระยะหนึ่งคุยกัน เซ็กคนกันแล้วไม่ถูกใจ ก็บอกกันตรงๆว่าไม่แฮปปี้อะ บางคู่อาจยังเป็นเพื่อนกันต่อได้แบบชิลๆ แต่ถ้าหากถูกใจฝ่ายชายจะเริ่มหลุดปากออกมาว่ารักเองล่ะ และเริ่มแนะนำเรากับเพื่อนเขาว่า “นี่แฟนผม” ปลื้มตัวลอยเลยใช่มั้ยล่ะ และหลังจากนี้ก็จะไม่นอกใจล่ะนะ (แต่ระหว่างเดทยังสามารถเปิดโอกาสคุยกับคนอื่นๆได้บ้าง) แต่ก็มีนะคู่ที่เดทกันมานานและฝ่ายชายไม่ชัดเจนสักกะที ฝ่ายหญิงก็จะเป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์ไม่อยากเสียเวลากับสถานนะที่ไม่คืบหน้าเสียที