Png.8 พังงา...ภูงา...พังกา...พิงกัน ที่อ่าวพังงา จ.พังงา (ตอนที่1)

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านที่เข้ามาชม จ.พังงา ^_^

จากเมืองภูงา พังกา เป็น..พังงา ....เมืองเล็กๆ เมืองนึง ในหลายๆเมืองของประเทศไทย ที่ เรียกว่าเป็น "เมืองทางผ่าน"

จนมีเนื้อเพลง พังงารำพัน ตอนหนึ่งที่ว่า

.....มาเช้ากลับเย็น เห็นพังงานั้นเป็นอย่างไร ....นึกแล้วน่าน้อยใจ เหมือนพังงานั้นไม่สำคัญ
เหมือนไม่มีดี ไม่สมศักดิ์ศรี ให้เขาพักกัน....ไม่มีใครผูกพัน กับ สวรรค์ของเมืองพังงา

แล้วสวรรค์ของเมืองพังงา คือ อะไร ???

ตามคำขวัญของจังหวัดพังงา "แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร"

สวรรค์ของเมืองพังงา จะต้องอยู่ในคำขวัญแน่ๆ !!!

เกริ่นมานานแล้ว

ไปชมการเดินทาง ดู

"บ้านกลางน้ำ และ ภูผาแปลก"

กันดีกว่าครับ ^_^

เราเริ่มเดินทางออกจาก เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า กันตั้งแต่หัวรุ่ง (หัวรุ่ง = เช้ามาก) เวลา 5.45 น. เพื่อเดินทางไปยังตัวเมืองพังงา

นั่นเพราะเราอยากชมอาทิตย์ขึ้นฝั่งตะวันออกบ้าง (ปกติอยู่ เขาหลัก ชมแต่อาทิตย์ตก)

และจุดที่เราไปชมอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เรียกว่า "เขาล้างบาตร" อยู่หลังโรงเรียนสัตรีพังงา

เรียกว่าอยู่ในตัวเมืองพังงาเลยทีเดียว (ขับรถขึ้นไปได้ครับ)

เราถึงตัวเมืองพังงาประมาณ 6.30 น. โดยประมาณ และ หาอาหารเช้าง่าย แล้วรีบไปที่เขาทันที เพื่อชมอาทิตย์ขึ้น

เวลา 7.00 น. พังงายังปกคลุมไปด้วยหมอก หนาวมาก แต่เป็นอากาศหนาวที่เย็นสบาย

แสงอุ่นๆ เริ่มโผล่มาจากเขา

ตัวเมืองพังงา ถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาแปลกตา เพราะอย่างนี้ ยามเช้าเลยมาช้ากว่าที่อื่นๆ

เมื่ออาทิตย์โผล่เพิ่มเหลี่ยมเขา เมืองพังงาก็มองเห็นได้ชัดเจน ^_^

อากาศตอนเช้าดีสุดๆ ไม่แพ้ภาคเหนือเลยทีเดียว เราสูดอากาศจนชุ่มปอด ก่อนออกเดินทางต่อ

ระหว่างเดินทาง ในตัวเมืองพังงา จะเห็น "เขารูปช้าง" สัญลักษณ์ของเมืองพังงาได้ชัดเจน

(อืมมมม .... ดูยังไงก็ช้างชัดๆ >_< ตัวใหญ่มากกกกก )

ช้างตัวใหญ่ ถูกแสงอาทิตย์ตอนเช้าสาดแสงส่องเป็นสีเหลืองเรืองรอง สวยมากๆ

แล้วแล้วเราก็มาถึง "ท่าเรือท่าด่าน"

ที่จะขึ้นเรือไปดู บ้านกลางน้ำ และ ภูผาแปลก แล้ว นั่นก์คือ

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา

พร้อมแล้วไปกันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เราเหมาเรือไปเที่ยวกัน เป็นเรือหางยาว นั่งได้ประมาณสัก 6-10 คน (กะด้วยสายตา) ราคา 1,500 บาท

ล่องเรือไปเช้าๆ ด้วยอากาศเย็นๆ แต่วิวเป็นทะเล และ เขาสวยๆ สลับกันไปนี่มันสุขจริงๆ ครับ

เค้าบอกว่า อ่าวพังงา เป็นทะเลน้ำตื้น เห็นแบบนี้ ลึกเมตรกว่าๆ เท่านั้นเอง บางจุดลึกไม่ถึงเมตร เลยตลอดเส้นทาง

ทำให้ อ่าวพังงา สามารถเที่ยวได้ตลอด 365 วัน นะครับ

(แต่ผมว่า ช่วงนี้แหละดีที่สุด เพราะ นอกจากอากาศจะไม่ร้อนแล้ว ฝนก็ไม่ตก ลมไม่แรงมาก คลื่นก็ไม่มี สุขขี สุดๆ)

จุดแรกที่เราผ่าน คือ "เกาะหมาจู"

เหมือนสุนัขมั้ยครับ??? มาเที่ยวอ่าวพังงาต้องมีจินตนาการนะครับ

ชาวบ้านเค้าบอกว่า เขานี้ก็เหมือนสุนัขเฝ้าปากอ่าว ถือเป็นทำเล (ฮวงจุ้ย) ที่ดีนะ

ล่องเรือมาเรื่อยๆ ผ่าน เกาะหมาจู เราก็เริ่มเห็น "เกาะปันหยี" แล้ว

เป็นเกาะที่มีหมู่บ้านและสนามฟุตบอลที่วิวสวยที่สุดในโลก (แต่เรายังไม่แวะก่อนนะ)

สวย ม๊ากกกกกกกกกกกกกกก (เสียงเพื่อนดังขึ้นมาจากในเรือ)

เราล่องเรือ เลยเกาะปันหยี มาก่อนเพราะ จะไปดู สัญลักษณ์ของจังหวัดพังงา ช่วงเช้า

ระหว่างนักท่องเที่ยวยังไม่ไปไม่ถึง (ไกด์แนะนำว่าไปเช้าๆ ดีกว่า)

ระหว่างพบชาวเกาะปันหยี หาปูปลา เลยแวะเข้าไปทักทาย ดูว่าเค้าได้อะไรบ้าง???

เป็นที่ทำงานที่วิวสวยมากครับ

ว้าววววววววววววววว ปูตัวหญ่ายยยยยย และมีกั้งตัวใหญ่ๆ นี่ถ้าไปขึ้นโต๊ะ ราคาหลายร้อยเลยนะนี่

ที่ล่ะมั้งที่มาของ คำขวัญ "บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร" ของพังงา

ช่วงนี้เราล่องเรือชมเขาสวยๆ กลางทะเลไปเรือยๆ แบบชิวๆ

และแล้ว เราก็มาถึงเกาะที่มีสัญลักษณ์ของจังหวัดพังงา

สวยมั้ยครับ ถ่ายมุมไหน ก็สวยไปหมด

จากหาดที่จอดเรือ ภูเขาที่อยู่บนเกาะบางส่วนถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นโถงถ้ำแปลกตา

และ ไฮไลท์ของเกาะนี้ คือ "เขาพิงกัน"

เขาพิงกัน เหมือนเขาลูกใหญ่ที่ถูกตัดออกเป็น 2 ท่อน แต่ละท่อนก็ พิง กันไม่ล้ม

(เนื่องจากสูงมากมือถือผมถ่ายเก็บไม่หมด)

เขาพิงกัน ..... คนโสดๆ ไม่มีใครให้พิง .... ก็พิงเขาไปละกัน >_<

เมื่อ พิงกัน เรียบร้อยแล้ว เดินมาอีกนิดหน่อย ก็จะได้เจอ

"เขาตาปู"

สัญลักษณ์ของจังหวัดพังงา

--------------- เพิ่มเติม : เขาตาปู หรือ เขาตะปู ??????? -------------------

ถึงแม้ป้ายแสดงสถานที่ท่องเที่ยวจะเขียนว่า เขาตาปู แต่ในคำบรรยายเว็บไซต์บริษัททัวร์ต่างๆ พิมพ์เป็น เขาตะปู ทั้งสิ้น

ตามสมมุติฐาน (ของผม) ถ้า เขาตาปู ถูกตั้งชื่อเมื่อนานมาแล้ว "ตาปู" น่าจะแปลอย่างตรงตัว คือ "ตาของปู" เห็นมั้ยว่า ถ้าดู ตาปู มันก็ช่างคล้ายเกาะเหมือนกันนะ (เหมือนตาปู 1 ข้าง โผล่มาจากทะเล) แต่ส่วนใหญ่เราไม่ทันดูตาปู หรอก เพราะตั้งโต๊ะปุ้บก็แกะเนื้อปูกินแล้ว !!! >_< ฮะๆๆๆๆ

อีกนัยหนึ่ง เพราะ คนพังงาสมัยก่อน คนท้องถิ่น เรียก "ตะปู" ว่า "เหล็กโคน" ไม่ได้เรียกตะปู (ภาษากลาง) อย่างแพร่หลายเหมือนสมัยนี้

แต่เพราะดันรูปร่างของเกาะดันไปคล้าย "ตะปู" ซึ่งคนทั่วไปรู้จักมากกว่า "ตาปู" ล่ะนะ

ด้วยเพราะ พ้องด้วยเสียง และ พ้องด้วยรูป ขนาดนี้

จึงไม่แปลกเลยที่เวลาผ่านไป คนจะเรียก เขาตาปู เป็น เขาตะปู เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น

จะ ตาปู หรือ ตะปู นี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของพังงา ในปัจจุบันอยู่ดีล่ะครับ

เมื่อเถียงกันเรื่อง ตาปู กับ ตะปู จบ เราก็เดินมายังอีกฝั่งของเกาะ

หน้าผาสูงใหญ่ ทะเลเรียบ สวย อากาศเย็นๆ อยากจะเอาเปลมานอนเล่นทั้งวันเลยทีเดียวครับ

มองไปยังเกาะตรงข้าม ดูตรงที่ไม่มีต้นไม้ขึ้น คล้ายภาพวาดรูปเสือโคร่งกำลังตะครุบกระต่าย นะ (เค้าบอก)

คุณเห็นเหมือนกันมั้ย??? ถ้าเห็นแสดงว่าสมองซีกซ้ายคุณยังใช้การได้ >_< ฮะๆๆๆๆ

ออกจากเกาะนี้ เราจะไปเกาะปันหยี เพื่อดู บ้านกลางน้ำ และ สนามฟุตบอล ที่วิวสวยที่สุดในโลกกันนนนนน

แต่ขอติดไว้ก่อนนะคร้าบบบบบ

แล้วมาต่อตอนที่ 2 กัน ^_^