10 แพ้แปลกๆที่น่ารู้
วันนี้ผมตั้งใจจะเดินไปเซเว่นฯครับ ว่าจะไปเยี่ยมคนไข้รายหนึ่งที่ทำงานอยู่ด้วยผมได้มีโอกาสดูแลครอบครัวนี้อยู่ทั้งคุณแม่และลูกซึ่งลูกชายนี่เองครับที่ทำงานอยู่เซเว่นฯ
เพิ่งได้งานใหม่
น้องเขาขยันมากครับ คุณแม่ก็แสนจะเป็นห่วงเพราะเห็นต้องทำงานดึก แต่ตัวน้องก็ดูมีความสุขกับงานดี และพอกลับมาก็ได้นอนพักเต็มที่
กลายเป็นคุณแม่ที่ไม่สบายไป
ป่วยด้วยโรคประหลาดครับคือช่วงที่ห่วงลูกชายอยู่นี้มีอาการ “แพ้ของเย็น” จับส้มแช่เย็นเจี๊ยบในตู้เย็นแล้วเกิดผื่นแดงขึ้นที่มือ หรือดื่มน้ำเย็นเจี๊ยบชื่นใจแล้วริมฝีปากบวมรู้สึกแน่นอึดอัดคอ
เป็นอาการบวมแบบแพ้แท้ๆ
คุณแม่เลยรีบพาตัวเองไปพบคุณหมอโรงพยาบาลเอกชนซึ่งท่านก็ได้กำชับคุณหมอให้ส่งต่อหมอเฉพาะทางให้ถูกท่านเพราะไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องเสียค่าแพทย์ไปเรื่อย
หาสาเหตุกันให้วุ่นเลยครับ
ถี่ถ้วนกระบวนแพ้
10 แพ้แปลกจำแนกได้
ว่าแล้วเลยขอรวบรวมกระบวนแพ้แปลกๆที่น่าสนใจมาฝากท่านที่รักด้วยเชื่อว่าเวลาเป็นผื่นคันขึ้นมาก็มักจะนึกถึงเรื่อง “แพ้” กันก่อนแต่แล้วก็นึกไม่ออกว่าแพ้อะไรเพราะไม่ได้ใช้อะไรที่มีความเสี่ยง
แต่หลายครั้งเลยครับที่สิ่งแพ้นั้นอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
ชีวิตของเราอาจแพ้มาตั้งแต่เกิดได้ถ้าปล่อยชีวิตไว้เรื่อยเปื่อย แต่ท่านที่คอยระมัดระวังตัวรักษาตัวเองแบบปลอดภัยไว้ก่อนนั้นสิ่งที่แพ้ก็จะไม่ค่อยมาพานพบนัก นอกจากสิ่งที่แปลก “เกินคาด” อย่างอาการแพ้ต่อไปนี้
-แพ้ของเย็น(Cold urticaria) โดนอากาศเย็นหรือเคี้ยวน้ำแข็ง ดื่มน้ำเย็นเข้าก็เป็นเรื่องเพราะอาการแพ้นานาชนิดจะขึ้นมา ถ้าน้อยก็เป็นผื่นบริเวณสัมผัสกับของเย็นแต่ถ้ามากก็ถึงขนาดบวมแน่นหายใจไม่ออก วิธีทดสอบง่ายอันหนึ่งคือใช้ก้อนน้ำแข็งมาแตะที่ท้องแขนแล้วรอดูว่ามีผื่นขึ้นเป็นรอยตามก้อนน้ำแข็งหรือไม่
-แพ้ของร้อน(Heat urticaria) ทั้งอากาศร้อนและของกินที่ร้อนครับ จะมีรอยบวมแดงคันคล้ายลมพิษขึ้นมาได้
-แพ้อาบน้ำ(Aquagenic urticaria) บางรายแพ้ได้แม้กระทั่งน้ำดื่ม จะกินแต่ละทีต้องมียาแก้แพ้เข้าไปดักก่อน ตอนกินยาก็ต้องดื่มน้ำ โอ๊ย...ปวดหัว แต่ยังดีที่โรคน่ากลัวนี้ไม่พบดาษดื่นครับ เจอน้อยมากแต่เป็นเข้าก็ “อาน” เอาเรื่องเหมือนกัน
-แพ้สตางค์ ไม่ต้องรวยกันละคราวนี้... ยังดีหน่อยที่แพ้ชนิดนี้มักมีอาการกับเหรียญสตางค์ เพราะถ้าเป็นแบ๊งค์ด้วยคงแย่ คนขี้แพ้เหรียญมักแพ้ต่อยอดไปถึงโลหะหลายชนิด โดยเฉพาะนิกเกิล อย่างหัวเข็มขัด,ต่างหูหรือซิปกางเกง
-แพ้โทรศัพท์แบบสั่น การแพ้ของสั่นได้อย่างโทรศัพท์จัดเป็นการแพ้แปลกอย่างหนึ่งซึ่งมีอาการไปได้ถึงแพ้ของสั่นอย่างอื่นเช่น พวงมาลัยรถยนตร์,เครื่องตัดหญ้า,นาฬิกาแบบสั่น, ที่โกนหนวด ฯลฯ ด้วยไปกระตุ้นให้ “ฮิสตามีน(Histamine)” ซึ่งเป็นเคมีแพ้แผ่ซ่านออกมาเวลาใช้อุปกรณ์ที่ว่าเลยกลายเป็นการจุดชนวนคันไป
-แพ้จูบ กรณีนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดครับเพราะลำพังการจุมพิตไม่คร่าชีวิตใครยกเว้นในกรณีที่ไปทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งก็มักพบในคนที่มีโรคหัวใจประจำตัวอยู่แล้วเลยกลายเป็นจุมพิตมรณะไป กับอีกกรณีหนึ่งคือแพ้สารที่ปนเปื้อนมาในน้ำลายเช่นแพ้ถั่วลิสงแต่คนที่จุมพิตด้วยเพิ่งไปกินเนยถั่วมาก็ถึงตายกันมาแล้ว
-แพ้ยาดับกลิ่น ไม่ว่าจะน้ำหอม,โคโลญจน์,สเปรย์,โรลออน ฯลฯที่ต้องสัมผัสกับตัวโดยตรงจากการใช้ทาถู มีสารเคมีมากชนิดอยู่ที่ก่อแพ้ได้ทั้งจากตัวน้ำหอมเองและสารปรุงสีกับกลิ่น บางทีเจ้าตัวคนใช้อาจไม่แพ้แต่คนอยู่ใกล้อาจแพ้กลิ่นได้
-แพ้รองเท้า แพ้กางเกงใน ในรองเท้าหนังจะมีสิทธิ์แพ้มากหน่อยเพราะสารเคมีที่มากับการฟอกหนังอย่าง ฟอมัลดีไฮด์,เรซินและโครเมท ฝุ่นเคมีเหล่านี้เมื่อรวมกับเหงื่อแล้วก็กลายเป็นตัวกระตุ้นแพ้ได้มาก ส่วนชุดชั้นในมีส่วนที่เป็น “ลาเท็กซ์” หรือยางที่ก่อแพ้ได้อยู่ตามขอบ เมื่อมีเหงื่อออกก็ยิ่งทำให้เกิดอาการ
-แพ้แสง ในกรณีนี้หมายถึงคัดจมูกเวลาตาเห็นแสงจ้า(Photic sneeze reflex) ท่านที่มีอาการจะออกไปโดนแสงจ้านักไม่ค่อยได้ทำให้มีอาการจามฟุดฟิดได้ วิธีแก้คือหลับตาก่อนโดนแสงจ้าให้ปรับแสงได้ก่อนหรือใส่แว่นดำก็ได้ครับ เรื่องแพ้แสงนี้ไม่มีอันตรายแต่น่ารำคาญ
-แพ้เซ็กส์ เกิดขึ้นจริงจากการศึกษาของนักวิจัยจากอัลเบิร์ตไอนสไตน์คอลเลจออฟเมดิซีนพบว่าชายหญิงที่แพ้เซ็กส์นี้เกิดจากการแพ้ “ซีรั่ม” ในน้ำอสุจิ(Hypersensitivity to human seminal plasma) นำให้เกิดอาการแสบร้อน บวม แดง อักเสบ คันในบริเวณที่สัมผัส แพ้แบบนี้พบได้น้อยมากครับและมีวิธีแก้(Desensitization)จึงไม่น่ากังวลอะไร
-แพ้ความเครียด แปลกอย่างสุดท้ายแต่สำคัญสุดเพราะมีอาการแพ้หลายชนิดที่หาสาเหตุจนหัวหมุนก็ไม่เจอ แต่เมื่อได้พักผ่อนเต็มที่ งดออกกำลังกาย สบายอกสบายใจขึ้นอาการก็หายไปได้เอง แต่เมื่อไรที่ต้องเหนื่อยหรือนอนดึก ทำงานหนักอีกก็จะกลับเข้ามา มีอาการเป็นครั้งคราว ขออย่าลืมนึกถึงโรคแพ้ความเครียดเอาไว้ด้วยครับ
สรุปรวมความได้เน้นๆเลยว่าแพ้ทั้งมวลอยู่ที่ “ตัวเรา” ทั้งสิ้น เพราะถ้าภูมิตัวเราดีก็จะไม่มีสิทธิ์เพี้ยนไปแพ้จนผิดปกติ พูดดังนี้ตั้งใจบอกเป็นนัยว่าเราทุกคนมี “สารแพ้” อยู่ในตัวอยู่แล้วเป็นเคมีตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในเม็ดเลือดขาว หรือง่ายๆว่าเราอยู่กับความแพ้อยู่ทุกนาทีแม้ตอนที่นั่งอ่านบทความนี้อยู่
แต่ที่ไม่เกิดอาการแพ้ขึ้นมาก็เพราะภูมิเรายังมีสติดีไม่งงไม่เก๊ไม่ทำงานแปรปรวนผิดปกติไป คือถ้าภูมิไม่ง่อยนั่นละครับคือการป้องกันแพ้ที่ดีที่สุด หลายท่านสู้อุตส่าห์เสาะหายาแก้แพ้ชั้นดีไปฉีดยากินยาหาหมอชื่อดังแต่ก็ยังไม่หาย นั่นเป็นเพราะท่านยังหาได้กลับมาถาม “ภูมิ” ตัวเองอีกครั้งไม่
ว่าเมื่อไรจะเลิก “งง” เสียที
นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
American Board of Anti-aging medicine