เวลาคุณผู้อ่านอยากจะหาที่เที่ยวสักแห่ง ลำดับแรกคงเริ่มจากที่ที่อยากไปเป็นพิเศษก่อน รองลงมาก็คงเป็นเที่ยวตามเป้าหมายต่างๆ เช่น เที่ยวตามรอยละครดังที่เกาหลี เที่ยวตามแหล่งร้านอาหารอร่อยที่ญี่ปุ่น หรือจะเที่ยวสวรรค์ของนักช้อปอย่างฮ่องกง เป็นต้น
แต่เชื่อไหมครับว่ายังมีอีกหนึ่งอย่างที่ทำใครต่อใครอยากออกไปท่องโลกกว้าง สำรวจสถานที่น่าสนใจของโลก นั่นคือ "หนังสือการ์ตูน" ที่เราหยิบจับกันมาแต่เด็ก บางครั้งเราก็ซึมซับเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตมาอย่างไม่รู้ตัว อย่ากระนั้นเลย เรามาลองชม 'รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยการ์ตูน' กันดีกว่าครับ ไม่แน่ว่าการ์ตูนเรื่องต่อไปนี้อาจกลายเป็นหนังสือเล่มโปรดของคุณ และชักชวนออกไปเที่ยวตามฝันก็เป็นได้
1.คำสาปฟาโรห์ (ชื่อญี่ปุ่น โอเคะ โนะ มอนโช) โดย จิเอโกะ โฮโซคาวะ
สุดยอดการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์อียิปต์ในตำนานของญี่ปุ่น ที่ได้รับรางวัลจากยอดตีพิมพ์ถล่มทลายทั้งในญี่ปุ่น และเมืองไทย น่าเสียดายที่คำสาปฟาโรห์นั้นชาตินี้คงไม่มีวันอวสาน แม้ปัจจุบันก็ยังแต่งไม่จบ ราวกับว่าผู้เขียนถูกคำสาปให้จบไม่ลงซะอย่างนั้น (คนอ่านก็พลอยติดคำสาปไปด้วย)
เรื่องราวนั้นเกี่ยวกับสาวอเมริกัน ผมบลอนด์ตาฟ้า นามว่าแครอล ที่ถูกพาตัวย้อนอดีตกลับไปยุคอียิปต์รุ่งเรืองเมื่อ 3,000 ปีก่อน จนไปพบรักกับฟาโรห์หนุ่มนามเมมฟิส และผจญกับปัญหารอบด้านมากมาย การ์ตูนเรื่องนี้เก็บรายละเอียดความเป็นอียิปต์อย่างละเอียด ทั้งเรื่องสังคม วัฒนธรรม สงคราม ฯลฯ
กรุงไคโรในปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงของอียิปต์ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ในสมัยอดีตเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ใกล้ๆ กรุงไคโรเองก็มีที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น
มหาพีระมิดแห่งกิซ่า
พีระมิดขั้นบันไดซัคคารา พีระมิดที่เก่าแก่มากที่สุดในอียิปต์ทั้งหมด 97 แห่ง มีอายุเก่ากว่าปราสาทนครวัด 3 เท่า
2.cestvs (เซสทัส) จอมหมัดสนับเหล็ก โดย ชิซุยะ วาซาราอิ
การ์ตูนที่ดำเนินเรื่องราวในสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิเนโรห์ จักรพรรดิ์ที่มีอายุเยาว์ที่สุดในประวัติศาสตร์โรมัน เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคุณผู้อ่านที่เป็นเด็กหรือเยาวชนนักเพราะมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง เรื่องราวเกี่ยวกับเซสทัส ทาสหนุ่มผู้รักสงบ ที่ต้องต่อสู้ในสนามประลองเป็นจำนวน 100 ครั้งเพื่อปลดปล่อยตนให้เป็นอิสระ ซึ่งหากเขาแพ้แม้ครั้งเดียว นั่นหมายถึงความตายเท่านั้น!
ดังนั้นเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จึงอยู่ในกรุงโรม เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมัน ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศอิตาลี และถ้าเอ่ยถึงเวทีประลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "โคลอสเซียม" ของคู่บ้านคู่โรม สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ 1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน เป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในยุคปัจจุบัน
โรมัน ฟอรัม ที่ในอดีตมุมนี้คือศูนย์กลางย่านการค้า การเมือง และศาสนาของกรุงโรม
3.กุหลาบแวร์ซายส์ (ชื่อญี่ปุ่น เบรุไซ โนะ บาระ) โดย ริโยโกะ อิเคดะ
อีกหนึ่งการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วโลก จนกระทั่งได้รับการดัดแปลงเนื้อเรื่องเพื่อใช้เป็นละครเวที กุหลาบแวร์ซายส์ยังเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องแรกที่ได้รับการแปลเพื่อจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย
กุหลาบแวร์ซายส์ เป็นเรื่องราวในยุคของการปฏิวัติและการเกิดจลาจลภายในประเทศฝรั่งเศส ตัวเอกคือ "ออสการ์ ฟรังซัวส์ เดอ จาร์เจ" ทหารองครักษ์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูแบบชายชาตรี จนได้กลายมาเป็นราชองครักษ์ของพระนางมารี อองตัวเนต ราชินีแห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่ทรงใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบาย ในขณะที่ประชาชนต้องอยู่อย่างแร้นแค้น จนนำไปสู่การปฎิวัติฝรั่งเศสในที่สุด
สถานที่เที่ยวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ก็คือ "พระราชวังแวร์ซายส์" หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน ด้วยความที่เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อน มีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง มีความงามในเชิงศิลปะ และยังมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ด้วย
4.ซามูไรพเนจร (ชื่อญี่ปุ่น รุโรนิ เคนชิน) โดย โนบุฮิโระ วาสึกิ
ซามูไรพนเจร เรื่องนี้แม้จะไม่เก่ามากนักแต่ก็ขึ้นแท่นคลาสสิคไปแล้วเรียบร้อย กับเรื่องราวของฮิมูระ เคนชิน อดีตยอดซามูไรนักฆ่าในยุคหลังสงครามการปฏิรูปเมจิสงบลง ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมยุคใหม่ เขาจึงเริ่มออกพเนจรพร้อมกับดาบสลับคม โดยมีคติประจำใจว่าจะไม่สังหารใครอีก แต่ทั้งศัตรูหน้าใหม่ และหน้าเก่าจากอดีตที่ล้วนแล้วแต่เก่งกาจ จะยังทำให้เขาปกป้องผู้บริสุทธิ์ได้โดยไม่หลั่งเลือดศัตรูได้อย่างนั้นหรือ?
เมืองที่ใช้ในการดำเนินเรื่องหลักๆ ที่เห็นชัดก็คือมหานครโตเกียว (แต่ก่อนเรียกเมืองเอโดะ) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองที่พระจักรพรรดิทรงประทับอยู่ที่นี่
เมืองเกียวโต เมืองที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และศาสนาของญี่ปุ่น วัดทางศาสนาพุทธ 1,600 แห่ง และทางลัทธิชินโต 400 แห่ง มีพระราชวัง สวน และสิ่งก่อสร้างที่ยังคงความดั้งเดิมไว้มาก
5.ตะวันรักที่ปลายฟ้า (หรืออีกชื่อว่า สวรรค์ลำน้ำแดง) โดยชิโนฮาระ จิเอะ
เรื่องนี้แอบมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเรื่องคำสาปฟาโรห์อยู่เล็กน้อยตรงต้นเรื่อง ที่ว่านางเอกถูกส่งข้ามเวลาย้อนกลับไปในยุคโบราณ เพียงแต่แทนที่จะไปโผล่ที่อียิปต์กลับมาลงที่ "อนาโทเลีย" หรืออาณาจักรฮิตไทต์แทน (เมืองนี้ก็ทะเลาะกับอียิปต์อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน)
ตัวเอกของเรื่องคือสาวน้อยญี่ปุ่นชื่อยูริ ที่แรกเริ่มถูกย้อนอดดีตมายังดินแดนนี้เพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้เจ้าชายจูดาขึ้นครองราชย์ ต่ยูริก็ได้ คาอิล เจ้าชายองค์ที่ 3 แห่งเมืองฮิตไทต์ช่วยเหลือไว้ เนื้อเรื่องที่เหลือจะอิงตามประวัติศาสตร์ เสริมด้วยเรื่องราวความรัก และการสู้รบทั้งเพื่อปกป้องดินแดนและบุคคลที่ตนรัก
อนาโทเลียนั้นใช้เรียกดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากทะเลอีเจียนซึ่งเป็นขอบเขตทางตะวันตกจนถึงภูเขาชายแดนประเทศอาร์มีเนียทางตะวันออก มีอดีตเมืองหลวงคือ ฮัตตูซา ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เต็มไปด้วยโขดหิน และเป็นเมืองที่ใหญ่มากอีกเมืองหนึ่งในสมัย 3,000 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากชาวฮิตไทต์นั้นเก่งด้านสงครามมากกว่าศิลปะ จึงทำให้ร่องรอยอารยธรรมที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นไม่วิจิตรอลังการเท่ากับอียิปต์นั่นเอง
6.เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง โดย โตเอ แอนิเมชัน
"จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวนึงสิครับ" ประโยคยอดนิยมที่ช่วงหนึ่งเด็กไทยจำได้ทั่วบ้านทั่วเมือง ของเณรน้อยเจ้าปัญญา "อิคคิวซัง" ซึ่งความจริงแล้วมีฐานะเป็นถึงราชบุตรของพระจักรพรรดิโกโคมัตสึ และเจ้าจอมอิโยะ แต่เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในของญี่ปุ่นสมัยนั้น ทำให้อิคคิวซัง และท่านแม่ต้องออกจากวัง พออายุได้ 5 ขวบก็ต้องแยกจากแม่อีกครั้งเพื่อไปบวชที่วัดอังโคะคุจิ เมืองเกียวโต
ด้วยความฉลาดเฉลียว มีไหวพริบดี และรักความถูกต้องนี่เอง จึงทำให้อิคคิวซังเป็นที่รักของทุกๆ คน แต่ก็ไม่วายต้องมีคนมาคอยท้าประลองเชาว์ปัญญาอยู่เรื่อยๆ แต่ทุกครั้งอิคคิวซังก็ใช้สติปัญญาแก้ปัญหาได้อย่างเฉียบแหลม
สำหรับฉากของที่พำนักของท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ ผู้ซึ่งชอบทายปุจฉา-วิสัชนากับอิคคิวซังบ่อยๆ สถานที่จริงก็คือวัดคินคะคุจิ ที่เกียวโตนั่นเอง (คนมักเข้าใจผิดว่าอิคคิวซังอยู่ที่วัดนี้) เป็นศาลาสีทอง 3 ชั้น แต่ละชั้นใช้ศิลปะการก่อสร้างและตกแต่งแตกต่างกัน มีบึงน้ำอยู่รอบศาลาเมื่อเงาของศาลาทองสะท้อนน้ำยิ่งทำให้ดูวิจิตรงดงาม
ส่วนวัดอังโคะคุจิ ที่อิคคิวซังไปบวชก็อยู่ที่เกียวโตเหมือนกัน เป็นวัดเล็กๆ บนภูเขาเคโตคุ
7.เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) โดย วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส
การ์ตูนชวนฝันสุดคลาสสสิคตลอดกาล เวอร์ชั่นของวอลท์ ดิสนีย์ ดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง La Belle Au Bois Dormant ของนักกวีชาวฝรั่งเศสนามว่า ชาร์ล เปอโรต์ กับเรื่องของเจ้าหญิงที่ต้องคำสาปให้ต้องหลับไหลดด้วยเข็มปั่นด้าย รอคอยจุมพิตของเจ้าชายที่มีรักแท้มาปลดปล่อยเธอ
ปราสาทที่เจ้าหญิงประทับอยู่นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากปราสาทจริงๆ ที่ชื่อว่า Neuschwanstein ประเทศเยอรมนี สร้างในปี 1869 รอบข้างปกคลุมด้วยป่าเขียวขจี และวิวทิวทัศน์แสนร่มรื่น
8.อสูรน้อยคิทาโร่ (ชื่อญี่ปุ่น เกะเกะเกะ โนะ คิทาโร่) โดย ชิเงรุ มิซุกิ
การ์ตูนรุ่นเดอะที่เคยถูกสร้างเป็นแอนิเมชั่น และหนังภาพยนตร์ เรื่องราวเกี่ยวกับตำนานภูติผีปีศาจตามตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ตัวละครเอกคือคิทาโร่ เด็กหนุ่มลูกครึ่งซอมบี้ที่ต้องคอยต่อสู้ และปกป้องสันติภาพระหว่างมนุษย์ และปีศาจ ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ตรงที่มีผีญี่ปุ่นมากมายหลายแบบปรากฏอยู่ในเรื่องนี้ เช่น ผีกำแพง หนูผี กัปปะ เป็นต้น
เมืองที่เหล่าอสูรทั้งหลายสิงสถิตกันอยู่ชื่อว่าเมือง "โทตโทริ" ครับ นั่นก็เพราะอาจารย์ผู้แต่งเรื่องนี้ก็เป็นชาวเมืองนี้โดยกำเนิดเช่นกัน ภายในเมืองจะมีรูปปั้นเหล่าผีๆ แทรกตัวอยู่ทั่วเมือง (ที่ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว) รวมทั้งมีพิพิธภัณฑ์ และร้านขายสินค้าของการ์ตูนเรื่องนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าผีเหล่านี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเมืองจริงๆ
9.แม่มดน้อยกิกิ (Kiki's Delivery Service) โดย สตูดิโอจิบลิ
หนึ่งในแอนิเมชั่นโปรดของผม ที่พอดูจบแล้วต้องรีบไปหาทันทีว่าเมืองในเรื่องนั้นมีอยู่จริงไหม เรื่องนี้แม้จะไม่โด่งดังเท่ากับเรื่อง "spirited away" ที่เป็นผลงานของสตูดิโอจิบลิเหมือนกัน แต่ก็มีเนื้อหาสาระที่ดึงดูด ชวนให้อบอุ่นหัวใจไม่แพ้กัน
เรื่องแม่มดน้อยกิกินั้นดัดแปลงมาจากหนังสือนิทาน ว่าด้วยเรื่องของแม่มดกิกิ ที่ถึงวัย 13 ปี และต้องออกเดินทางไปตามลำพังตามกฎของครอบครัวพ่อมดแม่มด เพื่อจะเรียนรู้โลกกว้าง ปรับตัวให้เข้ากับผู้คน และช่วยเหลือผู้อื่นนั่นเอง เรื่องนี้ไม่มีตัวโกงแต่อย่างใด ดังนั้นประเด็นสำคัญของเรื่องจึงอยู่ที่การเติบโตสู่วัยรุ่นของแม่มดน้อยกิกินั่นเอง
เมืองชายทะเลที่มีทิวทัศน์สวยงาม ผู้คนอยู่อาศัยมากมายที่กิกิตัดสินใจมาอยู่นั้น ต้นแบบมาจากเมือง Visby ประเทศสวีเดน เมืองชายทะเลที่มีอายุยาวนานมาตั้งแต่ยุคกลางและเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวสแกนดิเนเวียน
10.โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 3 Stardust Crusaders โดย ฮิโรฮิโกะ อารากิ
อีกหนึ่งสุดยอดการ์ตูนในตำนาน ที่ปัจจุบันดำเนินเรื่องราวถึง 8 ภาคแล้ว (และไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ ด้วย) ขออนุญาตหยิบยกมาเฉพาะภาค 3 เพราะเป็นภาคที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด เป็นภาคที่กำเนิดพลังสุดพิศดารที่เรียกว่า "สแตนด์" และยังเป็นภาคที่พาเราทัวร์กันไกลที่สุด ไล่ตั้งแต่ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย ไปจนถึงอียิปต์นู่นเลย
โจโจ้ในภาคนี้เป็นเรื่องราวของตัวเอก คูโจ โจทาโร่ ที่ต้องเดินทางกับเพื่อนพ้องไปปราบดิโอ ศัตรูคู่อาฆาตมานับตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เพื่อแก้คำสาบที่กำลังกัดกินร่างกายของแม่ ระหว่างทางก็ต้องพบกับศัตรูที่ล้วนแต่มี "สแตนด์" พลังพิเศษที่ 1 คนจะมีความสามารถหลักๆ ที่ต่างกันออกไป เช่น หยุดเวลา, แฝงร่างในศัตรู, จู่โจมในความฝัน ,ควบคุมซากศพ ฯลฯ มีเพียงสแตนด์เท่านั้นที่จะโจมตีสแตนด์ด้วยกันเองได้ และหากสแตนด์บาดเจ็บ ตัวเจ้าของก็จะเจ็บด้วยเช่นกัน จึงทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีฉากต่อสู้ที่แปลกแหวกแนว สร้างสรรค์ชนิดที่ยุคนั้นยังไม่มีใครทำได้
ประเทศที่เหล่าคณะเดินทางต้องแวะเวียนก่อนจะถึงอียิปต์นั้นก็หลายประเทศอยู่ ยกตัวอย่างที่เด่นๆ เช่น
ฮ่องกง จุดแระที่แวะหลังเดินทางออกจากญี่ปุ่น ก่อนที่จะนั่งเรือเดินทางต่อไปสิงคโปร์
สิงคโปร์ จากจุดนี้ก็นั่งรถไฟไปอินเดีย (ผ่านเมืองไทยไปเฉยๆ เลย)
กัลกัตตา (ปัจจุบันเรียก โกลกาตา) เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย
ปากีสถาน ขับรถฝ่าทะเลทราย
ข้ามฝั่งมาขึ้นที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ขี่อูฐฝ่าทะเลทราย ไปซาอุดิอาระเบีย
กระทั่งถึงที่หมาย ณ อียิปต์
จะเห็นว่าที่เอ่ยมาแต่ละเรื่องแต่ละเส้นทางนั้น ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้แล้วถือว่าเป็นการเปิดโลกให้กับเด็กๆ ในยุคนั้นมาก และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับใรหลายๆ คนเลยทีเดียว แน่นอนว่ายังมีการ์ตูนดีๆ อีกหลายเรื่องเยอะแยะที่ไม่ได้เอ่ยถึง ณ ที่นี้ ลองหยิบการ์ตูนเรื่องโปรดของคุณมาอ่านดูอีกครั้งสิครับ รับรองว่าจะต้องมีที่เที่ยวในดวงใจสักแห่งของคุณปรากฏออกมาอย่างแน่นอน
ข้อมูล : wikipedia, hoteltravel,biblicalarchaeology