สัญญาณเตือน…ความเสื่อมโทรมของร่างกาย

เดี๋ยวนี้พออายุเลย 30 หลายคนก็รู้สึกเริ่มอ่อนแรง และจะยิ่งชัดขึ้นหลังจากอายุ 40 ปี เป็นต้นไป สัญญาณความเสื่อมโทรมของร่างกายมีอะไรบ้าง และก่อให้เกิดผลอะไรบ้างมาดูกัน เพื่อจับสัญญาณเริ่มต้นให้ทัน ก่อนที่มันจะลุกลามใหญ่โต ก่อให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ

1. เส้นผมเริ่มเปลี่ยนไป แม้จะไม่ส่งผลต่อร่างกายโดยรวม แต่เส้นผมที่หลุดร่วงหรือหงอกขาวย่อมทำให้หนุ่มสาวเริ่มกังวล เพราะนั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของชีวิตขาลง และทุกวันนี้สัญญาณดังกล่าวเริ่มส่งเสียงเตือนผู้คนจำนวนไม่น้อยตั้งแต่อายุ 30 เป็นต้นไป แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของสุขภาพที่ควรได้รับการบำรุงแก้ไข

2. อ้วนแล้วลดยาก สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการทานอาหารมันๆ รสจัดๆ จนกลายเป็นคนรูปร่างอวบอ้วนตั้งแต่อายุยังน้อย พอถึงวัย 30 จะเอาส่วนเกินเหล่านี้ออกลำบากมาก เพราะระบบเมตาบอลิซึมหรือการเผาผลาญอาหารในร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง และอาจมีความเครียดจากหน้าที่ความรับผิดชอบเข้ามาเสริม เสี่ยงต่อการเกิดโรคจากความอ้วนและความเครียด

3. ปัญหาด้านสายตา พออายุเกิน 30 หลายคนที่ไม่เคยมีปัญหาสายตามาก่อน อาจคิดว่าเมื่อมองภาพต่าง ๆ แล้วพร่ามัว เกิดจากความอ่อนล้า ซึ่งไม่ใช่เสมอไป หลายคนลืมไปว่าการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ส่งผลเสียต่อสายตาได้เช่นกัน รวมถึงการสูบบุหรี่ และการทำงานที่ใช้สายตามากๆ ยิ่งมากเท่าไรสัญญาณเตือนภัยก็ยิ่งดังเร็วเท่านั้น ทางแก้คือควรหาโอกาสพักสายตาบ้าง หรือเมื่อรู้สึกว่ามองภาพไม่ชัดก็ไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตา ซึ่งสามารถช่วยได้ระดับหนึ่งและเป็นการตอบรับสัญญาณเตือนภัยแต่เนิ่นๆ

4. ความเครียดรุมเร้า ทุกวันนี้คนอายุ 30-40 ปี มักอยู่ในช่วงเริ่มต้นมีครอบครัว หรือเริ่มไต่เต้าเป็นหัวหน้างานที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น ทำให้ความเครียดรบกวนจิตใจอยู่เสมอ สัญญาณเตือนภัยก็คือความเครียดสะสม ซึ่งแก้ได้ด้วยการหาวิธีผ่อนคลาย ดูแลจิตใจตนเองไว้แต่เนิ่นๆ อย่าให้ความเครียดเกิดการสะสมจนบั่นทอนสุขภาพและนำพาโรคภัยต่างๆ มาสร้างปัญหาให้ชีวิต

5. อ่อนเพลียง่ายขึ้น ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเป็นวัยรุ่น 20 ต้นๆ ที่ออกเริงร่าทุกคืนวันศุกร์ กลับบ้านเช้า นอนตื่นสายได้เหมือนเดิม เพราะร่างกายฟื้นฟูช้าลง ทำให้อ่อนเพลียมากกว่าแต่ก่อน นั่นคือสัญญาณเตือนถึงความเสื่อมโทรมของร่างกาย ซึ่งแก้ได้ด้วยการเริ่มนอนให้เป็นเวลา หรืออย่างน้อยก็นอนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ตามหลักของการพักผ่อนนอนหลับอย่างเหมาะสม

6. ความดันโลหิตสูง โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนอายุ 30 ปีขึ้นไปนับล้านคนทั่วโลก และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงอื่นๆ ที่จะตามมา วิธีลดความเสี่ยงคือทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย งดบุหรี่และยาเสพติด รวมถึงการฝึกสมาธิ

7. ปวดหลังบ่อยขึ้น อาการสุดคลาสสิกของคนที่สุขภาพไม่เต็มร้อย เมื่อวัยเริ่มย่างสู่เลข 3 เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การขับหรือนั่งรถนานๆ การนั่งทำงานติดต่อกันนานๆ การยกของหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง อาจรวมถึงของหนักที่ติดอยู่บนร่างกายอย่างหน้าท้องของเราด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าสุขภาพแข็งแรง อาการดังกล่าวก็จะไม่ค่อยเกิดขึ้น หรือเกิดแล้วก็หายเร็วกว่าคนที่ร่างกายเสื่อมโทรมตั้งแต่อายุยังน้อยๆ

8. ระวังมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชาย โดยสถิติพบว่า 1 ใน 6 ของผู้ชายทั้งโลกเป็นมะเร็งชนิดนี้ ยิ่งถ้าร่างกายเสื่อมโทรมเร็ว ความเสี่ยงก็มีสูง ดังนั้นถ้ามีสัญญาณเตือนต่างๆ ที่กล่าวมา อย่าชะล่าใจ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากคนในครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้ โอกาสเสี่ยงจะมีมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นก็ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยทางอ้อมได้อย่างหนึ่ง

9. หัวใจวายเฉียบพลัน ผลจากการไม่ฟังสัญญาณเตือน โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตอย่างหักโหมช่วงวัยรุ่น เช่น กินของที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ออกกำลังกายน้อยจนคอเลสเตอรอลอุดตัน สูบบุหรี่และปล่อยให้ความเครียดสะสมมากเกินไป ก่อนจะมาถึงขั้นนี้ เชื่อว่าต้องมีสัญญาณเตือนมาบ้างแล้ว เช่น เจ็บหน้าอก หน้ามืด เวียนศีรษะ ฯลฯ แต่ไม่ยอมฟังหรือไม่ตระหนักต่อคำเตือนของร่างกาย อาการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจึงเกิดขึ้น

10. ต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์อยู่เสมอ เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย และช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวกลับสู่สภาพเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากหยุดเล่นทันที อาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรงได้ ยิ่งร่างกายไม่แข็งแรงหรือสุขภาพไม่ค่อยดี ยิ่งไม่อาจจะละเลย ในทางกลับกัน ถ้าไม่วอร์มอัพและคูลดาวน์แล้วเกิดการบาดเจ็บ นั่นก็คือสัญญาณเตือนถึงความไม่พร้อมหรือความเสื่อมโทรมของร่างกายนั่นเอง

เมื่อสัญญาณเตือนดัง ถ้ารู้จักฟังและรู้จักปรับปรุงพฤติกรรม ไม่ว่าสัญญาณนั้นจะดังเร็วขนาดไหน ตอนอายุเท่าไร โอกาสที่จะชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกาย และลดความเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆ ก็มีมากขึ้น นำไปสู่ความแข็งแรงและยืนยาวของชีวิต ต่อให้อายุเยอะ ความเสื่อมโทรมของร่างกายก็เกิดขึ้นช้ากว่าคนที่ไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยรับฟังสัญญาณเตือนของร่างกาย