วิชาธรรมกาย นั้นคืออะไร และมีในพระไตรปิฎกหรือไม่
ธรรมกาย คือ อะไร?
หลังจากนั้น 45 พรรษาของการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้เทศนาสั่งสอนให้คนทั้งหลายได้รู้จักธรรมกาย และหนทางปฏิบัติให้เข้าถึงซึ่งธรรมกาย อันเป็นทางเอกสายเดียว และเป็นทางสายกลางที่จะให้มวลมนุษย์ได้เข้าถึงความสุขอันยิ่งใหญ่ หรือ พระนิพพานได้ แต่หลังจากนั้นเพียงประมาณ 500 ปีหลังพุทธปรินิพพาน วิธีปฏิบัติเพื่อเข้าถึงธรรมกาย ได้หายสาบสูญไปเหลือเพียงแต่คำว่า ธรรมกาย ให้คนรุ่นหลังได้ตีความไปต่างๆ นานา แต่ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วธรรมกายคืออะไร
จนในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ที่พระอุโบสถ วัดโบสถ์(บน) ต.บางคูเวียง พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งก็คือหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่าน ได้สละชีวิตเป็นเดิมพัน ขอนั่งสมาธิแม้ตายก็ไม่ลุกจากที่ หากไม่เข้าถึงธรรมที่พระบรมศาสดาได้เข้าถึง ในที่สุดแห่งความพยายามท่านได้เข้าถึงธรรม ณ ที่นั้น และได้เผยแผ่ธรรม ตลอดจนวิธีปฏิบัติ อันเป็นแม่แบบและต้นแบบ ตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ อย่างถูกต้องตามร่องรอยของพระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิตของท่าน
ธรรมกาย ในพระไตรปิฏกนั้นมีไหม
ในรูปจะเห็นได้ว่า คำว่าธรรมกายนั้นมีจริง ในพระสุตตันตปิฎก มีอยู่5 หน้า
โดยคำว่าธรรมกายนั้นไม่ได้หมายถึงมรรค ข้อปฎิบัติ หรือวิชาเลย
ธรรมกายในพระไตรปิฎกนั้นเป็นเพียงนามรุป ที่เรียก เช่น พรหมกาย ธรรมกาย หาได้ใช่ วิชาข้อปฎิบัติ
ดังนั้นที่หลวงพ่อสด ค้นพบวิชาธรรมกายขึ้นมานั้นจึงผิดหลักพุทธศาสนาและคำตรัสห้ามของตถาคต ตามนี้
๑. พระองค์ทรงสามารถกำหนดสมาธิ เมื่อจะพูด ทุกถ้อยคำจึงไม่ผิดพลาด
๒. แต่ละคำพูดเป็นอกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
๓. คำพูดที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้นั้น สอดรับไม่ขัดแย้งกัน
๔. ทรงบอกเหตุแห่งความอันตรธานของคำสอนเปรียบด้วยกลองศึก
๕. ทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์เท่านั้น อย่าฟังคนอื่น
๖. ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
๗. สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
๘. ตรัสไว้ว่าให้ทรงจำบทพยัญชนะและคำอธิบายอย่างถูกต้อง
พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อไป
๙. ทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน
๑๐. ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป
(รายละเอียด10พระสูตรจะนำมาลงไว้อีกกระทู้นึง)
อย่างที่เห็นได้ชัดคือ พุทธองค์ ทรงตรัสว่า
๖. ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอน
สิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด
อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
มหา. ที. ๑๐/๙๐/๗๐.
เพราะพระพุทธเจ้านั้นเจริญสมาธิเพียงแค่ ดูลมหายใจเข้าออกเท่านั้นให้ตั้งจิตไว้กับลมหายใจถ้าเพลินนึกอะไรก็แค่ให้ดึงกลับมาให้ไวที่สุด
เพียงเท่านี้ เพราะในวิชาธรรมกายนั้น ให้ บริกรรม สัมมาอะระหัง ๆ ซึ่งพระองค์ไม่ได้สอนให้บริกรรมคำใดๆทั้งสิ้นเพราะเมื่อเราบริกรรม คำในใจแล้วจิตก้จะไปยึดติดกับคำบริกรรม ทำให้ไม่สามารถอยู่กับลมหายใจได้นั้นเอง ไม่ต้องมองเห็นดวงแก้วไม่ต้องมีวิชากสิณไฟไม่ต้องไปฝึกเพราะพุทธองค์ท่าน ฝึกมาหมดแล้วเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้บรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้