ทำไมคุณถึงล้มเหลวในการลดความอ้วน
อยากรู้มั๊ยครับว่าทำไมคุณถึงล้มเหลวในการ ลดความอ้วน??? เหตุผลหรืออุปสรรคของการลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก 90% มาจาก ” การรับประทานอาหาร ” ของคุณในแต่ละวันเป็นส่วนใหญ่นั่นเองครับ
บางคนเข้าใจว่าอาจมากจากออกกำลังกายไม่ถูกวิธีหรือไม่หนักพอ นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งแต่ไม่ใช่เหตุผลหลักอย่างแน่นอน การรับประทานอาหารต่างหากคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณต้องล้มเหลวครั้งแล้ว ครั้งเล่า โดยเฉพาะอาหารใน ” มื้อเย็น ” ที่เยอะมากจนเกินไป คำว่าเยอะในที่นี้ก็คือ อาหารมีแคลอรี่เยอะเกินความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีทั้งไขมันและแป้ง(คาร์โบไฮเดรต) ในขณะที่ผักต่างๆและผลไม้(หวานน้อย)แทบไม่มีอยู่ในเมนู
มื้อเย็นของหลายคนที่มักจะชอบรับประทานภายหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน หรือการเรียนมาทั้งวัน เช่น ข้าวผัด,ข้าวมันไก่,ผัดไท,ข้าวหมูแดง,ข้าวหมูกรอบ,หอยทอด,ไก่ทอด,อาหาร fast food ต่างๆ และขนมหวาน เป็นต้น เมื่อรับประทานไปแล้วพออิ่มซึ่งบางทีไม่ใช่เพียงแค่จานเดียวแล้วจะพออีกต่าง หากส่วนใหญ่อาจจะมีเบิ้ลเป็น 2จาน ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นตัวอันตรายต่อการลดความอ้วนแบบสุดๆ มื้อเย็น 1 มื้อ จึงทำให้คุณมีโอกาสที่ได้รับแคลอรี่มากถึง 1,500-2,000 แคลอรี่ ได้เลยทีเดียว แต่การรับประทานอาหารพวกนี้หากคิดดูให้ดีแล้วเมื่อเทียบกับการรับประทาน อาหารเพื่อสุขภาพอย่าง เช่น สลัดผักหรือแม้แต่อาหารคลีนต่างๆแล้วเมื่อเอามาเทียบในปริมาณที่เท่ากันแต่ประโยชน์หรือโภชนาการที่ได้รับเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว
ในขณะที่บางคนก็ทำแบบสุดโต่งไปเลย คือ ไม่รับประทานมื้อเย็นหรือรับประทานน้อยมาก เช่น แอปเปิ้ล 1 ลูก น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล 1ถุง อย่างที่บางคนชอบทำกัน แต่ก็ทำได้เป็นช่วงๆเท่านั้น เมื่อต้องสู้กับความรู้สึกอยากเป็นเวลานานๆวันนึงมันก็ขาดเหมือนเชือกที่ถูก ดึงจนตึงเกินไป สุดท้ายก็กลับไปรับประทานเหมือนเดิมก็กลับมาอ้วนอีก แล้วก็กลับไปงดรับประทานมื้อเย็นอีก วนเวียนไปไม่มีวันจบสิ้น
กลายเป็นไม่มีความพอดีทั้ง 2 แบบ แล้วจะทำยังไงดี ?
คุณต้องเข้าใจว่าการลดความอ้วนเป็นสิ่งที่ต้องทำไปตลอดชีวิตไม่ใช่เพียงแค่ ระยะสั้นเมื่อลดได้แล้วก็จบไม่ใช่แค่นั้นครับ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขไม่บีบคั้นจิตใจตัวเอง แต่ก็จะต้องมีประสิทธิภาพในการจะลดน้ำหนักด้วย วิธีนี้อาจจะไม่ได้ทำให้น้ำหนักของคุณลดได้เร็วเหมือนกับการอดอาหาร แต่เป็นวิธีที่มีความยั่งยืนและจะไม่ทำให้เกิดภาวะ โยโย่ เอฟเฟ็ค ตามมาเมื่อกลับมารับประทานอาหารมากเหมือนเดิม
วิธีการที่ถูกต้อง คือ รู้จักหลักการใช้โภชนาการมาปรับให้เข้ากับตัวเองนั่น คือ รู้ถึงสารอาหารที่มีประโยชน์และแคลอรี่ที่ควรได้รับอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกับ “มื้อเย็น” คือ รับประทานจนอิ่มได้แต่ไม่ใช่อิ่มจนจุกและเลือกรับประทานแต่อาหารที่ดีเท่า นั้น ส่วนเรื่องของการออกกำลังกายเป็นตัวช่วยที่ดีแต่ถึงอย่างไรอาหารก็สำคัญกว่า และยิ่งถ้าหากออกกำลังกายด้วยแล้วก็ควรได้รับปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อ ไม่ให้ร่างกายปรับสภาพเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานที่เป็นผลให้เกิดโยโย่ เอฟเฟค ในภายหลัง เช่นกัน
เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถรับประทานอาหากได้แบบที่ไม่ต้องทนหิวมากจนเกินไปและทำให้เป้าหมายในการลดความอ้วนสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้นตามไปอีกด้วยครับ