นิสัย "ชอบเปรียบเทียบ" ของคนไทย กับ ภาพสะท้อนต่อ "ละครรีเมค"

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ผมไม่ใช่ติ่งของใคร ไม่ได้เข้ามาเพื่อจะทะเลาะกับแฟนคลับของใครทั้งนั้น แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เข้ามาในห้อง "บางขุนพรม" แล้วทำให้เกิดภาพสะท้อนในใจแปลกๆ กับ กระแสการเปรียบเทียบละคร "ทรายสีเพลิง" กับของเดิม จึงเกิดการตั้งคำถามว่า มันไม่ดีจริงๆ หรือ คนไทยชอบการเปรียบเทียบ 

ลองตั้งข้อสังเกตุนะครับ ตั้งแต่เด็กจนโต เราโดนเปรียบเทียบมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พี่-น้อง , บ้างก็เรื่องเรียนกับเพื่อนข้างบ้าน , โตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มถูกเอาไปเปรียบเทียบกับลูกของเพื่อนแม่ที่เค้าประสบความสำเร็จกว่าเรา , พอมีแฟนแล้วไม่ได้ดั่งใจก็เอาไปเทียบกับแฟนเก่า , เริ่มทำงานก็ต้องเปรียบกับเพื่อนรที่จบพร้อมกันว่าใครดีกว่าใคร , การแต่งตัวเวลานัดเจอเพื่อนทีก็ต้องคิดมากเพราะกลัวด้อยกว่า นี่ยังไม่รวมถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันแต่แค่ต่างยี่ห้อ , ร้านอาหารข้างออฟฟิซกับร้านใกล้บ้างยังถูกเอามาคิดเลยว่าร้านไหนอร่อยกว่า ,กาแฟแบรนด์ไหนดีกว่า อร่อยกว่า ถือแล้วดูหรูหรากว่ากัน ฯลฯ การเปรียบเทียบจึงกลายเป็นหนึ่งในนิสัยที่ติดตัวคนไทยมาเสมอๆ โดยยากที่จะแยกออกจากกัน

เมื่อกลับถึงบ้าน พักผ่อนดูละคร อันนี้ก็มีหลายช่องให้เลือกอีก จะดูช่องไหนก็แล้วแต่จริตของแต่ละคนไป เรื่องนั้นไม่สนุกเรื่องนี้สนุกกว่า ช่องนี้นางเอกไม่สวย ช่องนี้นางเอกสวยกว่า ก็คือการ "เปรียบเทียบ" อีกนั้นแหละครับ เอาจริงๆแล้วไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกทั้งหมดมั้ยนะ ว่า "ละคร" ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ความบันเทิง" และ "ให้คติสอนใจ" แค่สองอย่างนี้แหละ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เกิดนักแสดงใหม่ๆ หมุนเวียนไปตามวาระ ละครที่เคยโด่งดังในอดีต ก็ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ หรือ ที่เรียกว่า "รีเมค" จนติดปากคนในยุคสมัยนี้ ซึ่งทุกๆเรื่อง แค่เปิดโผนักแสดงว่าจะรีเมค เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เริ่มกระเสนเข้ามาทันที มีแค่เพียงไม่กี่เรื่องทีนำกลับมาทำใหม่ แล้วไม่เกิดกระแสต้าน แต่กลับกลายเป็นภาพจำภาพใหม่ให้กับคนดู ยกตัวอย่างเช่น ละครเรื่อง "สวรรค์เบี่ยง" กับความตราตรึงใจในฝีมือการแสดงที่ยังติดตาของคู่ขวัญ "แอน-เคน" ในบท "นาริน และ คาวี" ที่ได้ยินชื่อนี้เมื่อไหร่ ภาพของทั้งสองก็จะลอยขึ้นมาทันที . . แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ที่เป็นกระแสว่าสู้ของเดิมไม่ได้อยู่มากมายก็หนีไม่พ้น  เช่น คู่กรรม , ผู้กองยอดรัก , มารยาริษยา , ผู้ใหญ่ลีกับนางมา , รักเกิดที่ตลาดสด , ทัดดาวบุษยา , เสน่ห์นางงิ้ว , แรงเงา , ทองเนื้อเก้า , สามีตีตรา , คมพยาบาท ฯลฯ

การเปรียบเทียบละครรีเมคมักจะเกิดขึ้นจากกลุ่มคนที่เกิดทัน และ เคยดูในเวอร์ชั่นเดิม ซึ่งอาจจะเกิดภาพจำ หลงรักตัวละคร คิดเสมอว่า ทัดดาว เจ้าฮ่ะ เนี้ย บทนี้เกิดมาเพื่อเป็นของ "กบ สุวนันท์" หรือ บท ฝาแฝด มุนิน กับ มุตตา จะไม่มีใครทำได้มีมิติมากไปกว่า "แอน ทองประสม" ด้วยความบันเทิงที่ทำให้มีความสุขก่อนนอน จนกลายเป็นนิยมเหล่านั้น จึงอาจต้องถูกนำมาให้คนสมัยนี้ได้สัมผัสบ้าง ซึ่งจะให้นักแสดงที่เล่นบทเดิม กลับมาเล่นอีกครั้งคงไม่ใช่ จึงต้องหาคนใหม่ๆ ที่มีคาแรกเตอร์คล้ายๆ หรือ ไม่ก็เกิดการตีความใหม่ๆ ขึ้น จากตัวอย่างรายชื่อละคร และ นักแสดงที่ถูกกล่าวมาข้างต้น เมื่อถูกนำมารีเมค กระแสก็จะโจมตีทันที เช่น ไม่เหมาะอ่ะ  ของเดิมดีกว่า  สู้ของเก่าไม่ได้ . . . ที่เห็นชัดๆ คงเป็น บท "กะรัต" ที่ "พลอย เฌอมาลย์" ได้เล่นไว้ ว่าน่ารำคาญไม่ดีเท่าของเดิม แต่ก็เจอแรงต้านอย่าง กะรัต เวอร์ชั่นเดิม อย่าง "แอน ทองประสม" ออกมาตั้งรับ ขอร้องให้เปิดใจ ดูอะไรใหม่ๆ ซึ่งก็ทำให้ติ่งลดทอนคำวิจารณ์ลงบ้าง และ กับละครรีเมคเรื่องล่าสุดที่ออกอากาศไปแค่เพียง ๔ ตอนกับละคร "ทรายสีเพลิง" กับกระแสลบ ไม่ยินดีต้อนรับนางเอกสาวแฟชั่นนิสต้าร์ ในบท "ทราย" โดยกล่าวว่าเล่นไม่เหมือนนางเอก เล่นคล้าย "เรยา" บ้างละ หรืออะไรๆก็แล้วแต่

ผมขอยกกรณีดราม่าจากละคร "ทรายสีเพลิง" เป็นตัวอย่างตั้งคำถามกลับไปถึงคนที่ตั้งกระทู้เชิงไม่แฮปปี้ต่อละครรีเมค ดังนี้นะครับ

๑. ที่คุณพร่ำพรรณบอกว่า ของเดิมดีกว่า ถ้าหาก "หมิว ลลิตา" กลับมารับบทนี้ใน พศ.นี้ คุณจะโอเคใช่มั้ย ?
๒. ละครถ่ายจบไปแล้ว คุณมาพร่ำเพ้อดราม่า นางเอกจะเปลี่ยนวิธีเล่นได้มั้ย ?
๓. ถ้าไม่ถูกจริต หรือ ไม่ชอบใจ มีใครบังคับให้ดู ที่บ้านมีรีโมททีวีมั้ย ?
๔. ต่อไปนี้ถ้าจะสร้างละครรีเมคสักหนึ่งเรื่องสถานี และ ผู้จัด ต้องนำเรื่องปรึกษาพวกคุณก่อนใช่มั้ย ?
๕. ถ้าไม่ใช่ "ชมพู่ อารยา" เสนอชื่อนักแสดงที่คิดว่าเหมาะกับบท "ทราย" มาสักสองสามคนได้มั้ย ?
๖. การดราม่าว่ารีเมคเรื่องนี้มันไม่ดีเท่าของเดิม สร้างประโยชน์อะไรให้ใครบ้าง ?

ต้องบอกอีกครั้งว่าผมไม่ใช่ติ่งของ "ชมพู่ อารยา" , ผมไม่ใช่คนของ คุณจ๋า ยศสินี แห่ง เมเกอร์กรุ๊ป , ผมไม่ได้อาศัยอยู่ในอาคารมาลีนนท์ แต่ ผมก็คือ คนที่เสพย์ความบันเทิงเป็นเพื่อนก่อนนอนอย่างพวกคุณนั้นแหละ ผมแค่เหนื่อยใจแทน นักแสดง ผู้จัด หรือ แม้แต่เหนื่อยแทนคนที่กำลังดราม่ากันอยู่ อันที่จริง เราควรหลุดออกมาจาก "การเปรียบเทียบ" ในบางเรื่องที่ไม่จำเป็นบ้างนะครับ ดูๆไปเพื่อความบันเทิง ให้เป็นเหมือน นิทานก่อนนอน ให้ละครเป็นแค่เรื่องสนุกที่จะเอาไว้คุยกับเพื่อนที่โรงเรียน หรือ ที่ทำงาน ก็น่าจะพอแล้วมั้งครับ . . . คุณเชื่อผมสิ อีก ๑๐ ปีข้างหน้า ถ้าหากละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า , ทรายสีเพลิง , สามีตีตรา ฯลฯ ถูกนำมารีเมค วันนั้นก็จะมีคนแบบเดียวกับคุณในวันนี้มาตั้งกระทู้ยกย่อง นักแสดงในเวอร์ชั่นที่ตัวเองดูมา . . ว่าดีเลิศ น่าขึ้นหิ้งบูชา จริงๆ อยากให้ทำความเข้าใจคำว่า "ยุคใครยุคมัน" อย่ายึดติดกันเลย . . . 

**  หากมีข้อความใดๆ ที่ทำให้ใครโกรธจัด หรือ รู้สึกร้อนรนหัวใจ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย