เอาตัวอย่างมาให้ดูน่ะค่ะ

สวัสดีครับ วันนี้ว่างๆ จึงอยากมาเขียนรีวิวการแต่งคอนโดของผมเผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับท่านทั้งหลายครับ

แนะนำตัวก่อน
กระผมนั้นมีความฝันอยากอยู่คอนโด medium to high rise ครับ เพราะชอบดูวิว และด้วยอายุอานาม 20 กว่าๆ เพิ่งทำงานได้ 3 ปี จึงมีกำลังซื้อคอนโดขนาดค่อนข้างเล็กครับ คือ 22.5 ตารางเมตร เท่านั้นเอง

และแล้ว วันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อได้รับ SMS ให้มาจองคอนโด วันเดียว ราคาเดียว!
พอถึงวันจอง กระผมมาถึง sales office เช้ามากตั้งแต่ 7 โมงเช้า สาเหตุที่รีบมา เพราะเคยไปดูโครงการของเจ้านี้อีกโครงการหนึ่ง ประมาณ 4 วันหลังเปิดจอง คุณ sales บอกว่า เต็มตั้งแต่วันแรกแล้วคร่าาาา 

อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมาถึง 7 โมงเช้า แต่ว่า ได้คิวที่ 28 จ้าาาาาาาาา ไม่รู้พวกที่อยู่ข้างหน้ามากันกี่โมง >< ถึงตอนนี้ ผมก็ตุ้มๆต่อมๆมาก เพราะไม่รู้ 27 ท่านข้างหน้าจะกวาดกันคนละกี่ห้อง เพราะ Target ของผมคือ 
1. Clear View ไม่มีตึกบล็อค
2. ชั้น 25 ขึ้นไป
3. หัวเตียงต้องหันไปทางทิศตะวันออก

และแล้ว เมื่อถึงคิวตอนประมาณ 09.00 น. ผมก็แสดงความจำนงขอจองห้องมุม ชั้น 27 แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะมีคนจองไปแล้วจ้าาาาาา จึงได้ขยับลงมา และไม่ได้ห้องมุม แต่ตรงตามความต้องการด้านอื่นๆที่เกริ่นไว้ข้างบนทุกประการ 

ด้านล่างเป็นแปลนห้องครับ

รูปวันตรวจห้องครับ
1. Outside View

2. Inside (ซ้ายไปขวา = ครัว, บริเวณห้องนอน, บริเวณนั่งดูทีวี / รูปล่างเคาท์เตอร์แถมกับห้องและห้องน้ำ)

 

 

หลังจากโอนห้องเสร็จ ผมก็เล็งว่าจะจัดห้องอย่างไรดี เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวหรือบิวท์อินดีนะ ผลสรุป...เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวไม่ฟิตเลยจ้าาาาา เพราะห้องแสนจะเล็ก จึง Built-in โลดดดดด

ก็พยายาม Google หาด้วย Keyword "แต่งคอนโด 22.5 ตารางเมตร" ก็เจอผู้รับเหมาหลายเจ้าเลยครับ จึงลองไปคุยเรื่องแบบ และราคา ผมบอกเค้าว่า Target ค่าตกตแต่งไม่ให้เกิน 100K นะครับ มีการให้เลือกโทนสีเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหลายคนมาก (จากที่ดูในแฟ้ม) จะเลือกทีขาวล้วนสลับกับสีไม้ครับ แต่ผมว่ามันสว่างเกินไป จึงขอเข้าเอาสีไม้เข้มจับกับสีไม้อ่อนครับ จากนั้นเค้าก็นัดมาวัดห้องกันเป็นมิลลิเมตรเลยทีเดียว และส่งแบบจำลองมาให้ดู แล้วเราก็คอนเฟิร์มกลับไป

ระหว่างรอ เราก็บ้าเห่อมาก เพราะเป็นอสังหาชิ้นแรกที่เป็นชื่อของเราเอง ไปเดินตามโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เป็นว่าเล่น แล้วก็ได้เฟอร์ตัวเล็กๆ มา ทั้งที่เฟอร์ตัวใหญ่ยังไม่มีเลยยยยย เห่อมากกกก ฮ่าๆ

 

ต่อเลยนะครับ...
หลังจากคอนเฟิร์มไป 20 วัน ร้านทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินโทรมาบอกว่า เสร็จแล้วครับ ให้เข้าไปติดตั้งวันเสาร์เลยได้ไหม กระผม อึ้ง #ตื่นเต้น #ดีใจ #เร็วเวอร์บอกเลย อิอิ และช่างก็ทะยอยย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายเข้ามาเตรียมติดตั้งครับ

 

 

เฟอร์นิเจอร์เริ่มถูกประกอบให้เข้าที่ จากรูป ซ้ายไปขวา จะเป็น ชั้นวางทีวี, โซนโต๊ะทำงานและโซฟา, และโต๊ะทานข้าว

 

ผมเลือกที่จะติดตั้งตู้ใส่ของแบบจัดเต็มๆบาน เพราะห้องเล็ก ขอตู้เยอะและใหญ่ไว้ก่อน รูปด้านล่างคือติดตั้งจวนจะเสร็จแล้วครับ จะเห็นว่ามีตู้เต็มบานทั้งตรงชั้นวางทีวี และ โต๊ะทานข้าว โดยตรงเหนือชั้นวางทีวีนั้นจะมีกล่องสวิซท์แผงควบคุมการจ่ายไฟอยู่ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่สวยเอาซะเลย ผมจึงบิ้วท์ตู้ครอบมันซะเลยครับ

จากนั้นก็เริ่มติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ห้องนอนครับ เกริ่นก่อนว่า ห้องนอนก็ค่อนข้างมีข้อจำกัดเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่, บานเปิดประตูตู้ที่แถมมากับโครงการเป็นแบบเปิด ไม่ใช่ slide, เสาโครงสร้างยื่นออกมาครึ่งผนังฝั่งหัวเตียง 

ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว ผู้รับเหมาจึงแนะนำหลังจากเข้ามาวัดขนาดห้องว่า เตียงได้ไซส์ 5 ฟุตเท่านั้น ส่วนหัวเตียงแนะนำให้บิ้วท์ครึ่งเดียวเฉพาะส่วนที่ลึกเข้าไปจึงจะเดินและเปิดตู้ได้ >< และที่ปลายเตียงมีช่องเข้าไปนิดหน่อยเหมาะกับการทำโต๊ะ(ตู้)เครื่องแป้ง จึงออกมาเป็นดังรูปครับ

อย่างไรก็ตาม โต๊ะเครื่องแป้งผมไม่เอากระจก เพราะถือเรื่องฮวงจุ้ยเหมือนกัน ^^ แต่ติดกระจกไว้อีกที่นึงแทน

บิ้วท์ตู้เล็กๆ เหนือซิงค์ล้างจานเพื่อเก็บจานครับ ตรงนี้ถ้าจะทำอาหารต้องทำช่องเผื่อฝังเครื่องดูควันด้วยนะครับ แต่ผมไม่ทำอาหารจึงบิ้วท์ตู้ธรรมดา อาศัยครัวไมโคเวฟเป็นพอ ฮ่าๆ ปล. ดูรกๆนิดนึงนะครับ ก็ห้องมันยังไม่เสร็จอะไม่มีที่วาง อิอิ

 

และแล้ว ภารกิจการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินก็เสร็จเรียบร้อยครับ เร็วๆมากๆ ถ้าจำไม่ผิด 4 วันได้

หมดค่าเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินไป 94K ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ Perfect! แต่ว่า...เรายังขาดอะไรนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า โซฟา เบาะที่นอน ม่าน วอลเปเปอร์ แค่คิดก็ปวดหัวแระฮ่าๆ...

มาถึง Wallpaper ผมเลือกที่จะติดเป็นโซนๆครับ เช่น หัวเตียง, หลังโซฟา, ผนังฝั่งชั้นวางโทรทัศน์ จึงเลือกสีเข้มไปเลย ส่วนโซนที่เป็นสีอ่อนก็ไม่ได้ทำอะไร ใช้ผนังที่มากับโครงการนั่นแล

อันนี้เป็นลายวอลล์เปเปอร์ที่เลือกครับ เข้มๆ ไม่น่าจะเบื่อง่ายดี ขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย (ไม่มีตัง) 

 

เนื่องจากวอลล์เปเปอร์สีเข้มไปแล้ว ผมจึงดรอบความเข้มลงมาด้วยม่านสีอ่อนครับ (แต่ยังเน้นสีโทนเหมือนเดิม) ผ้าม่านจะติด 2 แห่งคือ ห้องนอน กับ ประตูระเบียงข้างๆโต๊ะทานข้าวนะครับ จะเห็นว่าหน้าต่างห้องนอนจะเล็กๆ ไม่ใช่กระจกเต็มบาน แต่ผมติดม่านแบบยาวถึงพิ้นเลย เพราะมันดูไฮโซดี ฮ่าๆ ตอนปิดม่านเราไม่รู้หรอกว่าหน้าต่างมันเล็ก จริงมั้ยครับ? และเนื่องจากเป็นคนมีปัญหาในการนอน จึงเลือกใช้ม่านแบบ Blackout 

ฝั่งครัว ดูมุมนี้ดูเหมือนจะมืดทึบ แต่จริงๆผนังฝั่งตรงข้ามขาวโพลนเลยครับ ไม่มืดจนเกินไป

มีความรู้สึกว่าองค์ประกอบศิลป์ยังไม่ครบ จึงซื้อกระเบื้องโมเสคมาติดเหนือซิงค์ล้างจานครับ พร้อมทั้งติดตั้งกรอบรูปรอบๆห้อง

และแล้วโซฟาก็มาลงครับ อันนี้สั่งแบบลอยตัวที่อินเด็กซ์ เพราะบิวท์อินนั่งไม่สบายเอาเสียเลย หาขนาดที่เล็กพอดีได้ยากมากๆครับ แต่ในที่สุดก็เจอ เพราะเราคู่กัน

ตู้เก็บรองเท้า(วงกลมสีแดง) อันนี้จะไปติดไว้ที่ระเบียงครับ ไม่อยากเอารองเท้าไว้ในห้องเพราะห้องเล็ก เกรงจะกลิ้นหึ่ง และภูมิใจนำเสนอ ประจกบานใหญ่ เปิดออกได้เป็นที่เก็บกุญแจครับ เวลานอนก็เปิดออกเพื่อหันเงาสะท้อนออกจาเตียงครับ (ถือฮวงจุ้ย ฮ่าๆ)

ติดตั้งชั้นวางรองเท้า

 

ห้องน้ำเล็กมาก จึงติดที่กดสบู่ยาสระผมที่ผนังเลย

ที่ล้างจาน

ครัวและโต๊ทานข้าว

โซฟาและโต๊ะทำงาน

โต๊ะทำงานกางออกได้

หัวเตียง

ปลายเตียง

 

มุมศิลปิน ฮ่าๆ

 

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ เล็กๆ แต่ไม่เดือดร้อน อยู่คนเดียวแฮปปี้ครับ ขอบพระคุณทักท่านที่ติดตาม หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นไอเดียให้ท่านได้ไม่มากก็น้อยค่ะ