หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 บุคคลที่โดนเทพโอลิมปัสลงโทษแบบโหดร้าย

โพสท์โดย นายตัวดำ

 

บทความต่อไปนี้เหมือนเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนสักนิด แต่มาลองทดสอบความจำของเราดีกว่า เพราะผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เลยมาตั้งบทความนี้เพื่อระลึกความชื่นชอบผมในสมัยเด็กสักหน่อย

                12 เทพในโอลิมปัส หรือเทวสภาโอลิมปัสเป็นสภาแห่งทวยเทพองค์สำคัญ 12 องค์ตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณ ที่สถิตในโอลิมปัส ซึ่งเป็นเขามีอยู่จริงประเทศกรีซ ซึ่งเป็นเขาที่สูงสุดในกรีซ

                การกำเนิดของเหล่า 12 เทพในโอลิมปัสนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อเทพเจ้าซุสผู้มีอำนาจสูงสุดสามารถเอาชนะในสงครามกับพ่อและไททันส์ และได้เทพซุสก็ได้ให้ตำแหน่งแก่เทพซึ่งส่วนใหญ่เป็นพี่น้องและลูกๆ ทำหน้าที่ปกครองดินแดน (สวรรค์ นรก โลกมนุษย์ผืนดินและผืนน้ำ) และดูความเป็นไปของมนุษย์ (แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์)

                สำหรับชาวกรีกนั้นนับถือเคารพเทพเหล่านี้มาก เพราะหากเทพเหล่านี้โกรธขึ้นมาจะบันดาลหายนะแตกต่างกันออกไป (บางครั้งก็สาปเป็นสัตว์ประหลาด) ซึ่งมันช่างแตกต่างจากสื่อบันเทิงโดยสิ้นเชิงที่ภาพลักษณ์ของเทพเหล่านี้เป็นนิสัยดีมีอารมณ์ขัน และนี่คือตัวอย่างวีรกรรมอันโหดร้ายของพวกเขา ในตำนานของกรีก ที่แสดงให้เห็นว่าเอาใจเทพกรีกนี้มันยากจริงๆ และเมื่อโกรธขึ้นมาก็พบจุดจบที่โหดร้ายและ

 

10.Arachne

                
            ในตำนานเทพกรีกมีอยู่เรื่องหนึ่งที่สอนถึงจุดจบของคนอวดเก่ง (แต่คนอวดเก่งที่ว่าฝีมือมันเก่งเหมือนปากครับ) เรื่องอาราคเน่ โดยเป็นเรื่องราวของมนุษย์ผู้หญิงชื่ออาราคเน่ เธอเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา แต่มีทักษะการทอผ้าที่เก่งกาจราวกับไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ ใครๆ ต่างชมว่าเธอเก่ง จนทำให้เธอกลายเป็นคนหยิ่งผยองไม่ให้ความเคารพต่อเทพเจ้าและยังอวดดีจองหอง พร้อมโออวดว่าฝีมือทักษะการทอผ้าของตนเก่งกว่าเทพีอธีนาเทพแห่งภูมิปัญญาและการทอผ้า

           เทพีอธีนาได้ยินเรื่องของอาราคเน่จึงได้จำแลงกายเป็นหญิงชราเพื่อไปเตือนอาราคเน่ไม่ให้ท้าทายเทพเจ้า หากแต่อาราคเน่กลับกล่าวเสียดสีและขอให้มีการแข่งขันขึ้นเพื่อพิสูจน์ฝีมือของตน ด้วยเหตุนี้ทำให้อธีน่าโกรธมากเลยท้าเธอแข่งกันทอผ้า ซึ่งเทพีอธีนาทรงทอผ้าม่านเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส แต่อาราคเน่กลับทอผ้าเป็นภาพวีรกรรมของเทพซุสแอบมีสัมพันธ์ชู้สาวขาดความเคารพ (ก็มันเรื่องจริงนี้น่า) อีกทั้งผ้าที่ทอนั้นสวยกว่าอธีน่ามาก

           ด้วยความอิจฉาความเก่งกาจของมนุษย์ที่มีมากกว่าเทพ และความสุดทนที่มนุษย์ลบหลู่เทพเจ้า เทพีอธีน่าจึงทำลายผ้าและที่ทอผ้าของ   อาราคเน่ รวมทั้งทุบศีรษะของสาวทอผ้า ผลคือศีรษะของอาราคเน่หดหายไป นิ้วเปลี่ยนเป็นขาที่ยาวและบอบบาง และเธอก็ได้สาปให้นางเป็นอสุรกายแมงมุม ที่ต้องปั่นเส้นใยสานไปตราบชั่วลูกชั่วหลานในที่สุก (อีกตำนานหนึ่งเล่าว่าตอนอธีน่าทุบหัวอาราคเน่ จนนางอับอาย และแขวนคอตายจนกลายเป็นอสูรกายแมงมุมในที่สุด)

 

9.Actaeon


            แอ็คเทียนเป็นนายพรานหนุ่มในตำนานเทพเจ้ากรีก วันหนึ่งเขาได้เข้าป่าและกำลังจะไปพักผ่อนที่บึงในป่าแห่งนั้น บังเอิญได้เห็นเทพอาร์ทีมิสเทพีแห่งการล่าสัตว์กำลังเล่นน้ำอยู่กับบรรดานางไม้บริวาร แต่แทนที่จะรีบวิ่งหนี แอ็กเทียนกลับยืนตะลึงด้วยความงามของเทพธิดาที่ได้พบเห็นคล้ายกับมีมนต์สะกด

            เมื่อเทพีอาร์ทิมิสรู้สึกตัวว่าตนถูกคนจ้องมองอยู่ ก็ไม่พอใจการกระทำที่ลบหลู่และละลาบละล้วงอย่างไม่มีใครทำมาก่อน จึงสาดน้ำถูกหน้าผากของนายพรานและสาปให้เขาจากผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า ทันใดนั้นเองเขาก็มีรู้สึกว่ามีเขากวางงอกจากหน้าผาก ร่างกายเขาเปลี่ยนเป็นกวางตัวผู้ ทำให้สุนัขล่าเนื้อของเขาจำนายตนเองไม่ได้ จึงไล่ล่าเขาและรุมฆ่าเขาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 8.Minos

                  


            น่าจะเป็นการลงโทษของเทพที่มีชื่อเสียงที่สุด แม้คนโดนลงโทษจะเป็นไมนอส แต่คนที่รับเคราะห์นั้นดันไม่ใช่เขา โดย เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อไมนอสพยายามที่จะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์กษัตริย์ของเกาะครีต แต่เขาครองใจคนไม่ค่อยได้ แต่ไมนอสก็ได้อ้างว่าแม้ชาวครีตจะไม่ยอมรับตนแต่ทวยเทพนั้นยอมรับตน ชาวครีตเลยท้าให้เขาขอเทพโพไซดอน  เจ้าแห่งสมุทรให้ส่งวัวสีขาวพ่วงพีมาให้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทวยเทพเห็นด้วยจริงๆ และเมื่อไมนอสทำพิธีอ้อนวอนของวัวแก่เทพโดยสัญญาว่าหากส่งวัวมาให้เขาก็จะบูชายัญวัวนั้นเป็นการสรรเสริญทันที และทันทีที่ขอวัวสีขาวก็ปรากฏขึ้นกลางสมุทรและว่ายเข้ามาหาไมนอส ทำให้เขาขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างลุล่วง

               อย่างไรก็ตาม แทนที่ไมนอสจะรีบบูชายัญวัวทันที เพราะวัวตัวนั้นงดงามมากจนไม่กล้าฆ่ามัน เขาอยากเก็บมันไว้ ไม่ฆ่ามัน ลืมสัญญาระหว่างเขากับไซดอน และฆ่าวัวธรรมดาให้แทน เป็นเหตุทำให้โพไซดอนพิโรธมาก จึงสาปให้เพซิเปีย มเหสีของไมนอส หลงรักวัว! เพซิเปียอีที่ต้องคำสาป เธอก็มีเพศสัมพันธ์กับวัว จนตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นทารกประหลาดหัวเป็นวัว ตัวเป็นคน ภายหลังเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “มิโนทอร์”

             เมื่อไมนอสได้เห็นทารกดังกล่าวก็แอบกระอัก รู้ทันทีเลยว่าเป็นการแก้แค้นของเทพโฟไซดอนที่พระองค์ลืมสัญญา และเขาก็ไม่สามารถสังหารทารกได้เพราะกลัวเทพโกรธ จึงได้เลี้ยงทารกเอาไว้ ต่อมาก็ให้ เดดาลัส นักประดิษฐ์มาที่ครีต สร้างคุกที่ไม่มีทางออก นั้นคือเขาวงกตที่ซับซ้อนวกวนและให้มิโนทอร์อยู่นั้นนั้น และก็จะหาเหยื่อมาให้มันกินเพื่อดับความกระหายแก่มันต่อไป

 

7.Tantalus


              ทาร์ทารัสเป็นนรกตามความเชื่อของชาวกรีกที่มีความเชื่อว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว (หรือคนที่ลบหลู่เทพ) จะถูกพิพากษาต่อที่ยมโลกโดยเทพเฮอร์มีสจะเป็นคนพาวิญญาณของผู้ตายลงไปยังใต้พิภพโดยอาศัยเรือโดยสารของชารอนคนพายเรือโดยเขาจะพาข้ามแม่น้ำอคีรอนซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ที่ไหล่ผ่านสู่ทาร์ทารัสและเชื่อมไปกับแม่น้ำหลายฝ่ายไปส่งถึงที่ทาร์ทารัส เมื่อไปถึงแล้วด่านแรกที่จะได้พบ ก็คือหมาสามหัวเซอร์บีรัสเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าเลยแต่มันจะยอมให้วิญญาณเข้าไปหากแต่วิญญาณเหล่านี้คิดจะออกล่ะก็เซอร์บีรีสจะขย้ำไม่เหลือซาก

ทาร์ทารัสนั้นเป็นนรกที่ลึกมืดมน ห้วงอเวจีแห่งการทรมานของเหล่าวิญญาณรวมไปถึงการคุมขังพวกไททันส์และโครนัส ไปจนถึงพวกตาเดียวและยักษ์ส่วนการลงโทษจะแตกต่างกันไป ซึ่งการที่วิญญาณเหล่านั้นจะหลุดพ้นก็แล้วแต่ความใจอ่อนของเทพหรือจนกว่าเหยื่อจะยอมอ่อนข้อต่อเทพเจ้าเท่านั้น

หนึ่งในผู้มีชื่อเสียงที่ถูกลงโทษชั่วนิรันดร์ในนรกคือแทนทาลัส โดยเขาเป็นโอรสของซุส และมีความสนิทชิดเชื้อกับเหล่าเทพเจ้าเป็นอย่างดีถึงขนาดที่บางครั้งทวย เทพก็อนุญาตให้ขึ้นไปร่วมโต๊ะเสวยบนยอดเขาโอลิมปัส และบางครั้งเทพเจ้าก็ลงมาร่วมโต๊ะเสวยที่เมืองของแทนทาลัสด้วย

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เสียสละลูกชายของตนเป็นอาหารของเทพ (บางตำนานกล่าวว่าอยากทดลองญาณทิพย์ของเทพว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงไหม) เมื่อเขาฆ่าลูกก็นำมาต้มให้เหล่าเทพทุกองค์มาเยี่ยมเยือนได้รับประทาน  ซึ่งเหล่าเทพรู้เรื่องนี้ดี ยกเว้นแต่เทวีดีมิเทอร์เท่านั้นที่กำลังใจลอยคิดถึงธิดาของเธอ คือ เพอร์ซีโฟเน่ซึ่งถูกเทพฮาเดสลักพาตัวไป ทำให้รับประทานแบบไม่ตั้งใจ

เมื่อเทพรู้เรื่องก็โกรธมาก  หลังจากเหล่าเทพช่วยกันชุบชีวิตลูกของแทนทาลัสขึ้นมา แทนทาลัสก็ถูกนำตัวไปในนรกเพื่อถูกลงโทษ ด้วยการล่ามโซ่ตรึงให้ยืนแช่น้ำทะเลสาบในยมโลกอย่างหิวกระหาย มีต้นไม้ผลดกเต็มอยู่ เหนือศีรษะโน้นต่ำอยู่ใกล้ปากเจา เมื่อเงยหน้าจะกัดกินผลไม้ ผลไม้ก็จะถอยหนีขึ้นไปจนสุดเอื้อม หากก้มลงเพื่อจะกินน้ำ น้ำก็จะลดระดับลงจนไม่สามารถกินได้ และมีก้อนหินใหญ่ลอยอยู่เบื้องบน พร้อมที่จะตกลงมาทับ เป็นอยู่อย่างนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์     

 

6.Midas


            เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรตามน้ำกับคนมีอำนาจยิ่งใหญ่เสมอ โดยเรื่องของกษัตริย์ไมดาสแห่งฟรีเจีย ซึ่งเป็นคนเบาปัญญา และมีชื่อเสียงจากการขอพรรุกขเทวดาให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจับเป็นทอง และนั้นทำให้ไมดาสไม่สามารถกินอาหารและน้ำดื่มได้เลย เพราะจับอะไรก็เป็นทองหมด

แต่เรื่องของไมดาสที่แสนน่าสงสารยังไม่จบเพียงเท่านั้น ต่อมาเทพอพอลโลเทพแห่งดวงอาทิตย์ รวมถึงเป็นเทพแห่งสัจจะและการดนตรีด้วย ได้ขอให้พระองค์ทรงตัดสินการแข่งเป่าขลุ่นเล่นดนตรีระหว่างอพอลโลและแพน (บางตำนานบอกว่าอพอลโลดีดสายพิษ ส่วนแพนเป่าขลุ่ย อันนี้ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่) ซึ่งเป็นเทพชั้นรองว่าใครเป่าเก่งกว่า ซึ่งไมดาสได้ตัดสินเข้าข้างแพน

                ไม่รู้ไมดาสตัดสินยุติธรรมหรือไม่ก็ตาม แต่อพอลโลไม่พอใจไมดาสเป็นอย่างมาก อพอลโลจึงสาปให้ไมดาสมีหูเป็นลาไปทันที โทษฐานที่หูไม่ได้เรื่อง  ไมดาสจึงอับอายมากจึงได้สวมหมวกทรงสูงตลอดเวลามีคนเดียวที่รู้ว่าหูของไมดาสเป็นหูลา คือช่างตัดผมของไมดาสนั่นเอง ซึ่งช่างตัดผมคนดังกล่าวอึดอัดเรื่องนี้มากจึงระบายด้วยการ ขุดหลุม แล้วตะโกนว่า “พระราชาไมดาสมีหูเป็นลา”  ต้นอ้อบริเวณนั้นได้ยินจึงโอนเอนกระซิบบอกต่อกันไปเรื่อยๆจนข่าวกระจายทุกคนรู้กันไปทั่ว (บ้างก็ว่าตะโกนไปยังบ่อน้ำร้างและต่อมาเสียงสะท้อนก็ดังออกมาจนคนอื่นได้ยินไปทั่ว) กษัตริย์ไมดาสนั้นอับอายเป็นอันมากจึงได้สละบัลลังก์แล้วหนีไปซ่อนตัวในป่าไม่ให้ใครเห็นอีกเลย

 

5.Sisyphus


               ซิซีฟัส เป็นพระราชาแห่งโครินธ์ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระราชาที่เจ้าเลห์จอมอุบาย ที่สามารถหลอกลวงเทพเจ้าได้

                เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อพระองค์ได้เห็นอะโซพัสเทพเจ้าแห่งน้ำกำลังติดตามเทพซุส ซึ่งกำลังลักพาตัวตัวอีไจนาลูกสาวของเธอหนีไป พอดีเวลานั้นเมืองของซิซีฟัสกำลังแห้งแล้ง จึงได้บอกที่อยู่ของอีไจน่าให้เทพอะโซพัส โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าเทพอะโซพัสจะต้องเนรมิตแหล่งน้ำใหม่ให้เมืองตน ซึ่งเทพอะโซพัสก็ได้เนรมิตบ่อน้ำใหม่

             เมื่อซุสรู้เรื่องนี้นี้จึงพิโรธมาก จึงสั่งให้เฮดิสเทพเจ้าแห่งความตายนำวิญญาณของซิซีฟัสมาลงโทษในนรก แต่ซิซีฟัสรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงถามว่าทำไมไม่ส่งเทพเฮอร์เมลผู้มีหน้าที่นำวิญญาณไปส่งยังยมโลกทำหน้าที่ตามปกติ ในขณะที่เอดีสกำลังครุ่มคิดอยู่นั้น ซิซีฟัสก็เอาโซ่พันรอบคอและล่ามเฮดีสไว้ ทำให้ช่วงนั้นไม่มีใครตาย ไม่มีดวงวิญญาณสู่นรกเลยแม้แต่ดวงเดียว ทำให้เหล่าเทพทนไม่ไหวเลยบอกให้ซิซีฟัสปล่อยตัวออกมา ทำให้ทั่วโลกก็กลับมามีความตายอีกครั้ง

         จากนั้นเอดีสก็พาวิญญาณของซิซีฟัสไปปรโลก (บ้างก็ว่าเมื่อซิซีฟิสตายครั้งที่สองก็ให้เฮอร์เมลมารับ)  แต่ซิซีฟัสก็ยังมีแผน2มาหลอกเทพเจ้าอีก ก่อนตายเทพซิซีฟัสได้สั่งเสียแก่ภรรยาให้ ห้ามจัดงานพิธีศพ และห้ามวางเหรียญทองใส่ในปาก เพื่อข้ามแม่น้ำสติกซ์ในยมโลกด้วย (ชาวกรีกมีความเชื่อว่าแม่น้ำสติกซ์ไหลอยู่รอบยมโลก และมีคน แจวเรือข้ามวิญญานไปส่งที่อีกฝั่ง โดยทุกคนก่อนตายจะต้องมีเหรียญ 1 เหรียญ เป็นค่าจ้างให้เพื่อข้ามแม่น้ำสติกซ์ ไปตัดสินความดีความชอบที่อีกฝั่ง)

        เมื่อซิซีฟัสไม่มีเหรียญเป็นค่าจ้างให้คนแจวเรือ จึงไม่สามารถเข้าไปในนรกได้ เฮดีสจึงแปลกใจว่าทำไมภรรยาไม่จัดงานศพหรือไม่ให้แม้แต่เหรียญที่จะใช้เป็นค่าจ้างคนแจวเรือ จึงส่งวิญญาณของซิซีฟัสกลับเข้าร่างเพื่อบอกให้มเหสีจัดพิธีศพให้  ซิซีฟัสได้ฟื้นอีกครั้ง ก็ไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะกลับไปในยมโลก ทำให้ซุสและเฮดีสโกรธและอับอายมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

       จนกระทั่งวันที่ซิซีฟัสถึงวัยชราและสิ้นอายุไข (ครั้งที่3) ครั้งนี้เมื่อซิซีฟัสมาถึงนรก เฮดีสได้ลงโทษด้วยการให้เขา กลิ้งก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นไปบนเขาสูงชัน แต่ทุกครั้งเมื่อใกล้ถึงยอด หินนั้นก็จะหลุดมือกลิ้งลงมาที่เชิงเขาอย่างเดิม เป็นแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อไม่ให้เขาคิดอุบายใหม่ๆ มาหลอกลวงเทพแห่งความตายอย่างเอดีสอีกต่อไป   (สรุปคือเรื่องนี้เทพเกรียนของจริง.....)


4. Medusa


            เรื่องของเหล่าเทพสาปคนให้เป็นสัตว์ประหลาดหรือเป็นบ้านั้นก็มีมากมาย แต่เรื่องของเมดูซ่านั้นก็น่าสงสารไม่แพ้เรื่องไหนๆ เพราะเธออยู่เฉยๆ ก็ได้รับเคราะห์ซะงั้น

       เมดูซ่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้หญิงสวยเป็นลูกสาวของเทพแห่งท้องทะเล ฟอซิส และนางซีโต ซึ่งความสวยงามนั้นทำให้หลายคนอยากได้นางเป็นคู่ครอง แต่อนิจจาเธอกลับโดนข่มขืนโดยเทพโพไซดอนในวิหารอธีน่า เมื่อเทพอธีน่ารู้เรื่องแทนที่จะตำหนิโฟไซดอน เธอกลับกล่าวหาเมดูซ่าว่าเป็นหญิงใจง่าย อีกทั้งมีความสวยเกินไปเลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น ดังนั้นนางจึงโดนสาปให้กลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ มีผมเป็นงู และมีดวงตาเป็นอำนาจลึกลับหากผู้ใดจ้องมองจะกลายเป็นหินทันที

        หลังถูกสาปเมดูซ่าก็อาศัยอยู่ในถ้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับพี่อีกสองคนของเธอ ซึ่งเป็นกอร์กอนเช่นกัน ต่อมาเพอร์ซิอุสวีรบุรุษของกรีกได้รับคำสั่งให้ไปสังหารเมดูซ่า และได้รับการช่วยเหลือเทพีอธีน่า (สรุปว่าคุณเธอลงโทษเมดูซ่าไม่หน่ำใจเหรอ ต้องเอาให้ตายให้ได้เนี้ย)เธอกับเทพเฮอร์เมสได้มอบดาบวิเศษพร้อมโล่เอจีส หมวกล่องหน รองเท้าติดปีก และย่ามวิเศษ ให้เพื่อให้ฆ๋าเมดูซ่าง่ายขึ้น เพอร์ซิอุสแอบเข้าไปในถ้ำ เขาใช้โล่ที่ขัดเป็นเงาราวกระจกส่องดูเงาสะท้อนของเมดูซา เพื่อหลีกเลี่ยงการมองของนางโดยตรง จากนั้นเขารีบใช้ดาบวิเศษตัดศีรษะของนาง แล้วโยนใส่ลงในย่ามวิเศษทันที (สรุปคือเมดูซ่าผิดอะไร?)

 

3.Niobe


                นิโอบีเป็นลูกสาวของทาร์ทารัส และเป็นมเหสีเจ้ากรุง ธีบส์มีลูกถึง 14 คน เป็นบุตรสาว 7 คน และชาย 7 คน

นางนิโอบีนั้นค่อนข้างเห่อลูกมาก และได้อวดลูกชายและสาวๆ ว่ามีความเก่งกว่าเทพอพอลโลและเทวีอาร์ทิมิสมากไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม สติปัญญา และพลังอำนาจ จนเรื่องนี้ไปเข้าหูนางแลโตนา ซึ่งเป็นมารดาของเทพทั้งสองที่เห่อลูกชายและลูกสาวไม่แพ้กัน ซึ่งเมื่อรู้เรื่องเข้านางแลโตนาก็แค้นที่หยามหยาบเช่นนี้ จึงเรียกลูกทั้งสองชองนางมาและสั่งให้ไปฆ่าบุตรและธิดาของนางไนโอบีให้สิ้นซากอย่าให้เหลือ ข้อหาเมิ่นประมาท

และอพอลโลและอาร์ทิมิสก็แสดงความเป็นลูกกตัญญู ทำตามคำสั่งของแม่ อพอลโลได้ฆ่าบุตรชายทั้ง 7 ของนางนิโอบีด้วยธนู ส่วนธิดาทั้ง 7 ก็ถูกอาร์ทิมิสฆ่าเช่นกัน แม้ว่านางมิโอบีจะพยายามอ้อนวอนขอขมาหรือปกป้องลูกเพียงใดก็ไม่สามารถทำได้เลย ลูกทั้งหมดของนางเสียชีวิตต่อหน้านาง  ส่วนพ่อของลูกทั้ง 7 ได้ยินเรื่องลูกชายและลูกสาวทั้งหมดตายก็ฆ่าตัวตายนำความโศกเศร้าต่อนางนิโอบีเป็นอันมาก

นางไนโอบีสูญสิ้นทั้งสามีและบุตรธิดา ก็ได้หนีไปเขาไซปิลัส และร่ำไห้ไม่หยุด จนตัวเป็นหิน และหินนั้นก็มีหยาดน้ำตารินไม่สิ้นสุด จนถึงทุกวันนี้หินรูปของนางไนโอบียังคงอยู่ที่นั้น และน้ำตาของเธอยังคงไหลไม่หยุดเช่นเดิม  

 

 

2.Narcissus&Echo


               ความจริงมีตำนานมากมายที่กล่าวถึงนาร์ซิสซัสกับเอคโค่ แต่เรื่องนี้ที่จะกล่าวถึงได้รับความนิยมมากที่สุด โดย เอคโค่เป็นชื่อของนางไม้แสนงาม  แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดจนน่ารำคาญ จนกระทั่งเธอไปทำความรำคาญแก่เทพีเฮร่า จนทำให้เฮร่าทั้งโกรธและสาปให้เอคโค่  พูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค เป็นเหตุทำให้เธอรู้สึกอับอายมากจนไม่สามารถสู้หน้าเธอได้อีกเลย

          เรื่องราวไม่จบแต่เพียงเท่านั้น ในเวลาต่อมาเอคโค่ได้ตกหลุมรักนายพรานผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส  เป็นที่ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร  นาร์ซิลซัสเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านความงาม หลงตัวเองและหยิ่งมากๆ แต่กระนั้นก็มีหลายคนมาหลงรัก โดยเฉพาะเอคโค่นั้นโดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน  นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป

           ต่อมา ด้วยความหยิ่งทะนง เป็นเหตุทำให้เทพีอโฟรไดท์ รู้สึกไม่ชอบ จึงสาปให้เนเมซิสหลงรักเงาตนเอง และเมื่อ  เขาเห็นเงาสะท้อนของตนในน้ำในลำธารและตกหลุมรักเงานั้น โดยไม่ทราบเลยว่ามันเป็นเพียงภาพ เขาจ้องมองเงาอย่างหลงไหลโดยไม่กินไม่นอน จนสุดท้ายก็ตายเพราะไม่อาจผละสายตาไปจากความงามของเงาสะท้อนของตน และร่างของเขาก็กลายเป็นดอกไม้งดงามริมน้ำ 

           ทางด้านเอคโค่หลังเนเมซิสสิ้นใจตาย ก็ไม่มีใครได้พบเห็นนางเอกเลย มีเพียงแต่เสียงนางที่ก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้น ซึ่งเป็นที่มาของเสียงเอคโค่นั้นเอง

 

1.Prometheus

 


           โพรมีธีอุสเป็นเทพที่มีหน้าที่ในการสร้างสิ่งมีชีวิตบนโลก ร่วมกับเอปิมีธีอุสซึ่งเป็นพี่น้องเดียวกัน โดยเอปิมีธีอุสสร้างสัตว์โลก ส่วนโพรมีธีอุสสร้างมนุษย์ที่มีลักษณะเหมือนเทพทุกประการ นอกจากนี้ยัง

พระองค์ก็แอบขึ้นไปขโมยไฟสวรรค์ของโอลิมปัสที่มิอาจจะมีสิ่งใดดับมันได้ มามอบให้แก่มนุษย์ เพื่อให้มนุษย์นำไฟนั้นเกิดประโยชน์ได้ ไม่ว่าการให้ความอบอุ่น ป้องกันสัตว์ร้าย การประกอบอาหาร ทำกิจต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว

ต่อมามนุษย์ไม่มีความเคารพแก่พระเจ้า เทพซุสเลยโกรธกริ้วเป็นอย่างมาก เลยสร้างภัยพิบัติแก่มนุษย์นานานัปประการ ทำให้โพรมีธีอุสต้องมาไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ โดยใช้กลอุบาย แต่เทพซุสยังไม่ยุติเพราะถูกหลอกจึงโกรธมาก เลยริบไปของมนุษย์เป็นการลงโทษ เป็นเหตุทำให้โพรมีธีอุสต้องแอบขโมยไฟจากโอลิมปัสมาให้มนุษย์อีกครั้ง

เมื่อซุสรู้เรื่องก็เกิดอารมณ์กริ้ว จับเทพโพรมีธีอุสตรึงไว้กับชะง่อกผาสูง บนยอดเขาคอเคซัส และตอนกลางวันจะทรมานเพราะจะมีนกเหยี่ยว (หรือพญาแร้ง) บินมากินตับของโพรมีธีอุสและจะต้องตายแอต่ตอนกลางคืนตับจะงอกเกิดขึ้นใหม่แล้วฟื้นในเช้าวันใหม่ และนกเหยี่ยวจะบินมากินตับอีกเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล

โพรมีธีอุสต้องโทษทรมานเช่นนี้เป็นเวลานานถึงสามหมื่นปี จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากเฮอร์คิวลิสวีรบุรุษแห่งกรีก ซึ่งเฮอร์คิวลิสได้สังหารนกเหยี่ยวนั้นจนตาย และปลดปล่อยเทพโพรมีธีอุสจากบ่วงเครื่องพันธนาการ 

 

บทความผิดพลาดประการใด ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ (นายตัวดำ) 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
นายตัวดำ's profile


โพสท์โดย: นายตัวดำ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
108 VOTES (4/5 จาก 27 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เน็ตไอดอล หลุดภาพไม่ตัดต่อ ทำให้แฟนๆ ตกตะลึงหนุ่มนักทำเกษตรอึ้ง มีปลาหางนกยูงหลุดเข้าบ่อปลาไม่กี่ตัว อยู่มาได้พักเดียว ออกลูก ออกหลานขยายพันธุ์กันจนอึ้งกันเลยทีเดียว ชาวเน็ตแห่บอกแบบนี้แหล่ะของดีย์เลย สร้างรายได้ๆสบายเลยผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย Mister Global Thailand 2024"ครูไพบูลย์" เผยลุคใหม่..หล่อบาดใจ สไตล์พระเอกเกาหลีสุดปั่น 'สรยุทธ กรรมกรข่าว' ฉลองวันเกิดในสถานที่สุดคุ้นเคย ชาวเน็ตแซวจะปั่นไปไหน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ผู้รับการปลูกถ่ายไตหมูเสียชีวิตแล้วบริษัทในประเทศไทย ที่เปิดดำเนินกิจการมาต่อเนื่องยาวนานที่สุด
ตั้งกระทู้ใหม่