หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Culture Shock ในไทย : ฉันกลับไปบ้านตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

โพสท์โดย I sea u

Blog นี้เขียนที่ Robertson Walk Singapore, เมื่อคืน ผมไปดื่มกับสาวไทยวัยเดียวกันคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศนี้ หลังจากที่เรียนจบโทและใช้ชีวิตอยู่่ใน USA มาเป็นเวลานาน

ก่อนจะเริ่มงานที่ Singapore, ผู้หญิงคนนี้กลับเมืองไทยและกำลังตัดสินใจเรื่องอนาคต

แต่สุดท้ายก็ล้มป่วยจนต้องพบจิตแพทย์

วินิจฉัยอาการออกมา ระบุว่าเป็น “Reverse Culture Shock

เส้นประสาทชาครึ่งซีก มีอาการของโรคซึมเศร้า

 

เราได้ยินคำว่า “Culture Shock” บ่อยๆ, มันก็คือการรับไม่ได้กับความแปลกแตกต่างของประเทศที่เราไปอยู่

แต่สำหรับการกลับมาเจอ “Reverse Culture Shock” ในบ้านตัวเองนี่เพิ่งเคยได้ยิน

ความหมายของ Reverse Culture Shock or “Own culture shock” บน WiKi ก็คือ

Returning to one’s home culture after growing accustomed to a new one can produce the same effects as described above [หมายถึง "Culture Shock" แบบปรกติ]

These are results from the psychosomatic and psychological consequences of theReadjustment process to the primary culture.

มีอาการทางจิตประสาทเกี่ยวกับการ “กลับมาปรับตัวให้เข้ากับสภาพบ้านเกิด”

 

และมักจะยากกว่าการไปเจอ Culture Shock ในประเทศใหม่เสียอีก, “The affected person often finds this more surprising and difficult to deal with than the original culture shock”

คำว่า “Reverse Culture Shock” มีใช้ครั้งแรกในหนังสือของ Thomas Wolfe ที่ชื่อว่า

“You Can’t Go Home Again”

คุณไม่สามารถกลับบ้านตัวเองได้อีกแล้ว

ผมเองมีอาการ “หงุดหงิด” ทุกครั้งเหมือนกัน เวลาไป Backpack ในประเทศโลกที่ 1 ซึ่งคนจิตใจสูงกว่าคนไทย แล้วต้องถูกเรียกตัวกลับมาทำงาน แต่ก็จะอยู่ในระดับ”รำคาญ” หรือ “ไม่ค่อยพอใจ”

เพราะส่วนใหญ่ผมไปไม่นาน, เต็มที่ก็เดือนนึง ถึงจะบอกว่าไปอยู่กับ “Host” ใช้ชีวิตแบบคน Local ก็ตาม

 

ทำไมคนไทยข้ามถนนบนทางม้าลายถึงถูกรถกดแตรด่า

ทำไมผู้หญิงเดินคนเดียวหลังสองทุ่มจึงถูกคนเมาและวินมอเตอร์ไซค์ลวนลาม

ทำไมรถเข็นขายของจอดบนทางเดินเท้าและเลนจักรยานได้

ทำไมการเข้าคิวจึงเป็นเรื่องของคนโง่, การแซงคิวคือสิ่งที่ต้องทำไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้กิน

ทำไมรถเมล์จอดกลางถนน ไล่คนลงกลางทางและขับแข่งกัน

ทำไมคนที่ อ้างว่า “จน” สามารถทำผิดกฏหมายได้ทุกข้อ

 สุดท้าย, ผู้หญิงคนนี้ก็ป่วยจนต้องพบแพทย์และเจ้าตัวก็เพิ่งทราบว่า ตนไม่ใช่คนแรกที่เป็น “Reverse Culture Shock” ในเมืองไทย แต่มีคนอีกจำนวนมากที่มีอาการคล้ายกัน

 

อาการหนึ่งที่คล้ายกันคือ “กลัวการข้ามถนน” ในเมืองไทย

และสาเหตุที่ทำให้ “Reverse Culture Shock” มักจะหนักกว่า “Culture Shock” ธรรมดาก็คือ

คนในประเทศบ้านเกิดจะไล่ให้คนกลุ่มนี้ “ไสหัวไป”

นึกภาพบ้านที่พ่อทุบตีแม่แล้วหลอกลูกว่า “มันเป็นทุกบ้าน ครอบครัวอื่นจิตใจต่ำทรามกว่าเราด้วยซ้ำ”

จนวันหนึ่งเด็กคนนี้ไปค้างบ้านเพื่อน และได้รู้ว่าพ่อคนอื่นที่จิตใจดีๆ ไม่ทำร้ายแม่กันหรอก

เมื่อกลับมาเล่าให้พ่อตนฟัง, ก็ได้คำตอบว่า “งั้นไสหัวไปจากบ้านนี้ซะ”  

ผมกับผู้หญิงคนนี้นั่งดื่มกันอยู่ราวสามชั่วโมงเพื่อคุยเรื่องงานและเรื่องทั่วไป, ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ผมก็ถามทิ้งท้ายว่า “แล้วจะกลับเมืองไทยอีกไหม ?”

 

มีรอยยิ้มเศร้าๆ และคำตอบคือ “ไม่”

ตอนนี้ผู้หญิงคนที่ว่าเริ่มงานใหม่ในบริษัทหนึ่งใกล้ๆ กับ Raffles Place ที่ผมพัก

ตอนที่เราแยกย้ายกันกลับเกือบเที่ยงคืน, เราสองคนก็ใช้วิธี “เดิน” กลางความมืดในระยะทางราวๆ 15 นาที โดยที่รู้สึกว่าบ้านเมืองนี้ปลอดภัย และนี่ก็คือเหตุผลข้อหนึ่งที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ขอกลับไทยอีกต่อไป

ในเมื่อตนเก่งพอที่จะอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่า

ทำไมจะต้องกลับมาทนใช้ชีวิตในประเทศที่คนจิตใจต่ำ, ละเมิดกฏหมายทุกอย่างด้วยความเห็นแก่ตัว

Reverse Culture Shock

คุณกลับไปบ้านตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

 

และระหว่างทางเดินกลับที่พัก, ผมก็ได้คิด ได้ถามอะไรตัวเองอะไรหลายอย่าง

ปีนี้เป็นปีที่ผมมี “Culture Shock” กับเมืองไทยเช่นกัน, แต่เป็นการ Shock จากภายใน

สิบปีก่อน ผมเคยคิดว่า “ดูสิ แม้แต่ฝรั่งก็อยากมาอยู่ไทย”

จนปีที่แล้ว, ผมมีแฟนเป็นสาวญี่ปุ่นและพามาบ้านเรา

เธอตกใจมากที่เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเทน้ำแกงทั้งหมดลงพื้นแล้วก็มีหนูกับแมลงสาบวิ่งมากิน และเธอก็ถามว่าผม “ที่เมืองไทย ทำแบบนั้นกันทุกร้านเหรอ ?”

ผมได้แต่ตอบว่า “ใช่”

และสิ่งที่ผมเรียนรู้ในคืนนั้นทำให้ “หายโง่”

 

ฝรั่งชอบเมืองไทย อยากมาอยู่ที่นี่ เพราะเงินในมือมีพลัง, ที่ประเทศนี้ มีรถแพงๆ ก็ขับชนคนตายได้แบบไม่มีค่า และผู้หญิงก็หาซื้อได้ในราคาเท่ากับ Hot Dog 5 อัน ใช้แล้วทิ้งได้ทันที

ทานข้าวเสร็จโยนลงข้างถนน คนอยากจอดรถซื้อของตรงไหนก็ไม่เป็นไร

แม้จะทำให้รถด้านหลังติดอีกร้อยคัน

แฟนสาวชาวญี่ปุ่นของผมตืนตาตื่นใจในทุกสิ่งที่ “ทำไม่ได้ที่ญี่ปุ่น”

แต่พอถามว่า “อยู่ที่นี่ตลอดไปเอาไหม ?”

คำตอบคือ “ไม่”

พวกเขาชอบความสกปรกชั่วคราวที่ทุกอย่างซื้อได้ด้วยเศษๆ เงิน แต่ถ้าจะให้อยู่ที่นี่ตลอดไปก็ไม่เอา

 

คำตอบซื่อๆ ของ Mayumi ทำให้ผม “Shocked”

 เหมือนสิ่งที่คิดมาตลอดชีวิตมันเกิดจาก “การหลอกให้เข้าใจผิด”

 [ที่จริง, ผมเองก็ทราบมาก่อน เพราะเดินทางมาเยอะ พักกับ Host มาแยะ ได้รู้จักกับสารพัดชาติใน Hostel ก็มาก แต่การได้ฟังคำยืนยันง่ายๆ สั้นๆ ด้วยตัวเอง ทุกสิ่งมันต่างกันโดยสิ้นเชิงและผมก็ "Shocked" อย่างที่แม้แต่ตัวผมยังตกใจ]

คนที่ไปอยู่ไกลๆ อยากกลับไทย จะได้นำสิ่งที่เรียน สิ่งที่เจอมาพัฒนา

แต่ก็เหมือนเด็กที่กลับมาบอกว่า “พ่อครับ บ้านเพื่อนผมไม่มีใครทุบตีแม่เลย พ่อเลิกทำเถอะ”

แล้วก็ได้คำตอบว่า “งั้นก็ไสหัวไปอยู่บ้านนั่นซะ”

และลูกก็ได้รู้ในวันนั้นว่า “I Can’t Go Home Again” แล้วจริงๆ

 

และอีก Blog จาก Singapore ที่อยากฝากให้อ่านกัน, เป็นเรื่องของ Maid หรือเรียกสั้นๆ ง่ายๆ แบบไทยๆ ก็คือ “คนใช้” ชาวพม่าที่จบปริญญาตรี พูดอังกฤษได้ดี แต่เลือกที่จะไปขายแรงงานและใช้ชีวิตใน Singapore

Myanmar Maid made in Singapore : Say Hello to AEC

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 


โพสท์โดย: I sea u
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
112 VOTES (4/5 จาก 28 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!สิ้นแล้ว! "ทวี ไกรคุปต์" บิดาของ "เอ๋ ปารีณา"โรงแรมหลอน! สาวพบมือปริศนาโผล่ที่กระจก..หลังย้ายรูปพระได้ไม่นานกู้ภัยเมืองเลย งดจับสุนัข-แมวรวม 10 แคปชั่นอมยิ้มจากอาจารย์แม่ ^^สหภาพยุโรปคว่ำบาตร กลุ่มหัวรุนแรงอิสราเอล3 แมงป่องที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก"คีอานู รีฟส์" รู้สึกเซอร์ไพรส์..หลังแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่เป็นชื่อตนเอง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รวม 10 แคปชั่นอมยิ้มจากอาจารย์แม่ ^^อันตราย! อย่าใช้ "พัดลมคล้องคอ"..เพราะอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งได้กู้ภัยเมืองเลย งดจับสุนัข-แมว
ตั้งกระทู้ใหม่