ภาพเมืองเวียงจันทน์ก่อนถูกเผาทำลาย
เมืองอุบล เมืองชายเเดนของเเคว้นล้านช้าง
สาวๆเเคว้นล้านช้างร่มขาวเวียงจันทน์
ขอยกคำบรรยายภาพเมืองเวียงจันทน์ จากนิราศทัพเวียงจันทน์
โดยนิราศบทนี้เป็นนิพนธ์ในหม่อมเจ้าทับ ซึ่งอยู่ในกองทัพกรมหมื่นเสนีบริรักษ์ จากคำบรรยายจะเห็นภาพเมืองเวียงจันทน์ก่อนถูกทำลายได้อย่างชัดเจน โดยเมืองเวียงจันทน์นี้แนวป้องกันชั้นนอกสุดเริ่มนับอยู่ที่ช่องข้าวสาร(ในเขต จ.หนองบัวลำภู) ซึ่งนับว่ากินพื้นที่กว้างมาก โดยมีแนวภูเขาเป็นปราการธรรมชาติยาวตลอด ทางเข้ามีเพียงช่องเขาขาดที่กว้างเพียงแปดเมตรเท่านั้น โดยมีการสร้างด่านป้องกันเมืองไว้บนเขาขาด อันเป็นแนวป้องกันเมืองเวียงจันทน์เดิมตั้งแต่รัชกาลพระไชยเชษฐาธิราช ถัดจากช่องข้าวสารเข้ามาก็เป็นเขตนาหลวงซึ่งใช้ปลูกข้าวให้เวียงจันทน์ (บริเวณ อ.บ้านผือ จ.อุดร และ อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย) จากนั้นก็เข้าพานพร้าว(อ.ศรีเชียงใหม่) โดยในนิราศบรรยายบ้านเรือนราษฎรเฉพาะที่ฝั่งพานพร้าวตรงข้ามกับเวียงจันทน์ว่า มีบ้านเรือนราษฎรอยู่หนาแน่นมาก ต้องใช้เวลาเป็นวันถึงจะตระเวนรอบ จากพานพร้าวจะมองเห็นพระราชวังอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างชัดเจน แนวกำแพงเมืองเวียงจันทน์มีสองชั้นกว้างยาวประมาณสองกิโลเมตรเศษสลับกับป้อมปราการ และหอรบติดปืนใหญ่ตลอดลำน้ำ แต่ตัวเมืองขยายออกมานอกแนวกำแพงเมืองไกลทีเดียว ซึ่งหม่อมเจ้าทับเมื่อท่านทรงวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์แล้วก็ค่อนข้างหนักใจมากหากเจ้าอนุวงศ์ใช้ตัวเมืองรับกองทัพสยาม เพราะกว่าทัพสยามจะข้ามแม้น้ำโขงมาได้คงเสียหายหนักแน่นอน แต่ดีที่เจ้าอนุวงศ์ทิ้งเมืองหนีไปเสียก่อนเมื่อทราบข่าวว่าช่องเข้าสารแตกแล้ว
เมื่อข้ามฝั่งถึงเวียงจันทน์ หม่อมเจ้าทับเองท่านก็ต้องทรงแปลกพระทัยมาก เพราะลักษณะและผังของเมืองเวียงจันทน์เหมือนถอดแบบมาจากกรุงเทพไม่ผิดเพี้ยนเลย ซึ่งเป็นเพราะมีการวางผังและแบบเมืองใหม่ตามอย่างกรุงเทพในรัชกาลเจ้านันทเสน เจ้าอินทรวงศ์ และเจ้าอนุวงศ์ต่อเนื่องกันมานั่นเอง โดยจุดแรกเมื่อข้ามจากฝั่งพานพร้าวเข้าไปยังพระราชวัง ก็คือท่าน้ำหน้าพระตำหนักแพซึ่งถอดแบบมาจากท่าราชวรดิษฐ์นั่งเอง ภายในเมืองก็มีการทำถนนตัดตรงจนสุดกำแพงเมืองแต่ละด้าน ตัดกันเป็นสี่แยกหรือในนิราศเรียกว่าสี่กั๊ก เกี่ยวกันตลอดแนว ในส่วนของวัดในเขตเมืองนั้นจะปูพื้นด้วยหินทุกวัด
สำหรับตัวพระราชวังนั้นผมขอตัดคำบรรยายจากนิราศให้อ่าน จะได้อรรรถมากกว่าครับ
ตัวพระราชวังเมื่อมองจากด้านนอกเมือง
"พอถึงเวียงเห็นวังที่ฝั่งข้าม วิเศษเพราเพริศดูเฉิดฉัน
ทองระยับจับแสงพระสุริยัน ที่หน้าบันช่อฟ้าบราลี"
เขตพระราชฐานชั้นนอก
"...ลุถนนดลโรงอัศวเรศ มีหอลอยคอยเหตุสูงระหง
เป็นสามชั้นมีกลองชัยอยู่ในกรง ล้วนบรรจงเงื้อมง่ามอร่ามตา
มีตึกดินทิมดาบกระหนาบข้าง ศาลาใหญ่ให้ขุนนางนั่งปรึกษา
ทั้งโรงรถโรงคชไอยรา เป็นสง่าตามแถวอยู่แนวทาง
มีโรงศักดิ์โรงแสงตำแหน่งที่ ทั้งโรงสารบัญชีอันกว้างขวาง
อีกโรงพิจารณาศาลากลาง ทั้งสองข้างแถวทิมอยู่ริมวัง
มีโรงปืนหน้าป้อมล้อมนิเวศน์ จนรอบเขตต์ซ้ายขวาและหน้าหลัง
ที่วงในล้วนแล้วแต่แถวคลัง เป็นตึกตั้งรายเรียงอยู่เคียงกัน
มีโรงโขนใหญ่เยี่ยมเอี่ยมสะอาด งามประหลากน่าชมดูคมสัน
มีรอกร้อยห้อยเหาะเห็นเหมาะครัน เป็นจักรผันเลี้ยวไล่กันไปมา..."
ท้องพระโรง และเขตพระราชฐานชั้นกลาง
"ท้องพระโรงที่แท่นสุวรรณรัตน์ เศวตฉัตรห้าชั้นอันเฉิดฉาย
กำพูพื้นแดงฉันท์สุวรรณพราย งามระบายขาวดำดูอำไพ
ตำแหน่งนอกมีที่นั่งสำราญร้อน ที่นั่งสนามศศิธรอันสุกใส
พี่เที่ยวชมชื่นบานสำราญใจ แล้วตรงไปเข้าสู่ที่ไสยา"
หมู่พระมหามณเทียร
"เป็นหลายชั้นหลั่นลดจนเลยหลง ล้วนบรรจงวาดเขียนอันเรขา
กระจกซุ้มกลุ้มกราดสะอาดตา โคมระย้าแสงระยับสลับกัน
ในตึกกลางแห่งนางอนงค์นาฎ มีที่ลาดไสยาทำฝาคั่น
เป็นคู่คู่เคียงเคียงอยู่เรียงรัน กระแจะจันทน์หวมหวญรัญจวนใจ
หม่อมเจ้าทับ ที่เป็นแม่ทัพฝ่ายสยามเองเมื่อมาเห็นเมืองเวียงจันทน์ด้วยตาตัวเอง ยังทรงนึกเสียดายแทนเจ้าอนุวงศ์เลยครับ...
"...พี่ลัดเลี้ยวเที่ยวชมแถวสถาน แสนสำราญรื่นเริงบรรเทิงศรี
สารพันเสร็จสรรพสำหรับมี ตำแหน่งที่จักรพรรดิกษัตรา
ไฉนหนอยังควรมาคิดร้าย ไม่ว่างวายที่อำนาจปรารถนา
ให้เสื่อมสูญเวียงจันทน์สวรรยา อนิจจาจนวิบัติกำจัดจร..."
นอกจากหม่อมเจ้าทับแล้ว พระยาราชสุภาวดี(สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งรับหน้าที่ทำลายเมืองเวียงจันทน์ ก็คิดเสียดายในความงามของเมืองเวียงจันทน์ จึงเว้นไว้ไม่ยอมเผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวท่านก็ถูกกริ้วทันทีท่านจึงเลื่อนเป็นเจ้าพระยา แต่สมุหนายกยังไม่ให้เป็นให้เป็นว่าที่ไว้ก่อนจนกว่าจะทำลายเมืองเวียงจันทน์สำเร็จ ซึ่งก็มีสาเหตุเพราะ "ตัวอ้ายอนุก็ยังจับไม่ได้จะกลับมาตั้งบ้านเมืองอีกเมื่อใดก็ยังไม่แจ้ง เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฏมาสองครั้งแล้ว ไม่ควรจะเอาไว้เป็นบ้านเมืองให้อยู่สืบต่อไป ให้กลับไปทำลายล้างเสียให้สิ้น" และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเพราะเมื่อกองทัพเจ้าพระยาราชสุภาวดียกขึ้นมาก็ปรากฏว่าเจ้าอนุวงศ์ได้กลับมาใช้เวียงจันทน์สู้กับทัพสยามอีกรอบ จนกองทัพสยามต้องถอยลงมายังเมืองยโสธรแต่ระหว่างทางกลับปะทะกับทัพเจ้าราชวงศ์ที่บกหวานก่อน จึงรบกันถึงขั้นตะลุมบอนและเป็นทัพสยามที่ตั้งหลักได้ก่อน จึงตีทัพเจ้าราชวงศ์แตกไป และตามตีทัพเจ้าอนุวงศ์ไปจนถึงเวียงจันทน์ และการทำลายเมืองจริงๆก็คือครั้งนี้นั่นเอง...