สภาพการศึกษาของไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชากรอยู่ในลำดับที่ 21 ของโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP อยู่ในลำดับที่ 35 ของโลก แต่!!การพัฒนามนุษย์กลับอยู่ในลำดับที่ 81 เป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่น มีดัชนีความโปร่งใสอยู่ในลำดับที่ 102 จากทั้งหมด 180 ประเทศ มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง อีกทั้งยังมีปัญหาความยากจน อาชญากรรม และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารากเหง้าของปัญหาเหล่านี้เกิดจากการขาดการศึกษาที่ดีพอ สำหรับประเทศไทยนั้น อาจกล่าวได้ว่ามีระดับคุณภาพการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำ และเนื้อหาที่เรียนก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสังคม หากเรายังไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษา ปลายทางที่จะต้องเจอคงไม่พ้น “ความหายนะ” เพราะเป้าหมายของการศึกษาที่ดีคือ “ประชาชนได้รับความรู้ มีทักษะที่จะนำไปใช้แก้ปัญหา และสามารถพัฒนาตนเองได้” โดยสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการพัฒนาความฉลาด และความสามารถของผู้เรียนอย่างน้อย 3 ด้าน คือ ความฉลาดทางด้านสติปัญญา (IQ)ความฉลาดทางด้านอารมณ์ (EQ) และความฉลาดทางด้านสังคม หรือความฉลาดทางจิตสำนึก (SQ)ซึ่งหมายถึง ความสำนึกที่มีต่อสังคม การให้ความร่วมมือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
จากการที่ประเทศไทยยังคงเน้นการเรียนการสอนแบบสำเร็จรูป ดังนั้น 90%ของการศึกษาจึงเป็นการเรียนรู้ในสถาบัน ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาด้าน IQเป็นส่วนมาก ในขณะที่ EQและ SQเป็นสิ่งที่ถูกละเลย
จะเห็นได้ว่า วิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างย่อมนำมาซึ่งทักษะที่แตกต่าง เด็กที่มีพื้นฐานการเรียนรู้มาจากความคิดสร้างสรรค์มักจะมีทักษะและประสบความสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆ มากกว่าเด็กที่ขยันคิดวิเคราะห์เพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้าระบบการศึกษาของไทยส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดต่าง หรือคิดนอกกรอบบ้าง เด็กไทยก็คงจะกล้าคิดสิ่งใหม่ๆ กล้าทำอะไรที่แตกต่างมากขึ้น และถ้าหากการศึกษาไม่ใช่เครื่องมือทางเศรษฐกิจ ผู้เรียนไม่ใช่แรงงาน มหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นโรงงานที่ผลิตบัณฑิตออกมาเพื่อแข่งขันกันหาเงินอย่างเช่นทุกวันนี้แล้วนั้น คนไทยก็คงจะเครียดและเห็นแก่ตัวน้อยลง ประเทศชาติก็คงจะพัฒนาไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่...