"เจ้าจอมฯสดับ"ผู้รักมั่นเพียง ร.๕ พระองค์เดียว
หน้าแรกของพระราชนิพนธ์ ‘ไกลบ้าน’ ที่รัชกาลที่ 5 หรือสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงฯ ทรงบันทึกโฉมหน้ายุโรปในปี พ.ศ. 2450 ขณะเสด็จไปรักษาพระวรกาย หรือเสด็จเยือนยุโรปครั้งที่ 2 นั้น มีวลีหนึ่งสะดุดใจผู้อ่าน นั่นคือ
“เมาน้ำตาผู้ไปส่งเสด็จ”
หนึ่งในผู้ที่ทำให้รัชกาลที่ 5 ทรง ‘เมาน้ำตา’ ก็คือ เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ ผู้เพิ่งถวายตัวเป็นข้ารับใช้ได้ราว 8 เดือน ขณะอายุ 16 ปี พระองค์ก็ทรงห่างเหเสน่หาไปไกลต่างทวีป และนานถึง 225 วัน เจ้าจอมฯเล่าว่า ขณะส่งเสด็จฯ ที่พระที่นั่งอัมพรสถานนั้น
“ข้าพเจ้ากลั้นไม่ไหวเพราะอารมณ์เด็ก ปล่อยเสียโฮๆ ข้าพเจ้าหมอบยาวๆ ซบหน้าอยู่กับพรม ร้องไห้ พอทรงเครื่องเสร็จจะเสด็จกลับออกไปห้องบรรณาคม ซึ่งจัดขึ้นเป็นห้องพระราชพิธีสงฆ์ ในงานนั้น ผู้เฝ้าอยู่ในที่ก็กราบพร้อมกัน
แล้วข้าพเจ้าก็แหงนหน้าขึ้นดูพระพักตร์เป็นครั้งสุดท้าย เห็นพระพักตร์แดง ข้าพเจ้ายิ่งร้องไห้ใหญ่ เลยทรงแวะประทับยืน พระราชทานพระหัตถ์ให้ข้าพเจ้าทรงเครื่องขลิบพระนาขา แล้วข้าพเจ้าก็ได้เก็บไว้จนบัดนี้ ต่อจากนั้นเลยไม่ได้ดูอะไรกันอีกต่อไป จำอะไรไม่ได้หมด
เสด็จขึ้นรถม้าพระที่นั่ง ออกจากพระที่นั่งอัมพรไปนานมากแล้ว ข้าพเจ้ายังลงไปห้องส่วนตัวไม่ไหว จนถึงบ่ายจึงลง ราวย่ำค่ำวันนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ได้รับลายพระหัตถ์จากปากน้ำ โดยทรงฝากใครมาไม่ทราบ ต่อมาข้าพเจ้าได้รับพระราชหัตถ์เลขาทุกสัปดาห์ ตลอดจนวันเสด็จกลับ”
น่าเสียดาย ที่หลังจากรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับมาไม่ถึง 3 ปี ก็สิ้นพระชนม์ เวลาแห่งความสุขของเจ้าจอมขึ้นและตกเร็วมาก นับแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2453 หัวใจของเจ้าจอมก็หลุดลอยตามพระพุทธเจ้าหลวงไปนิรันดร์
"ข้าพเจ้าไม่มีใจเหลือเศษที่จะรักผู้ชายใดอีกต่อจนตลอดชีวิต”
เหตุนี้ ท่านจึงออกบวชชีที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี แต่ไม่ก่อนที่จะนำเครื่องเพชรที่รัชกาลที่ 5 ทรงซื้อจากยุโรปประทานให้เป็นหลักทรัพย์เลี้ยงชีพในอนาคตแทนตึกแถว ห้องเช่า ซึ่งต้องเสียค่าประกันไฟ
ถวายคืนสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง เพื่อลบคำครหาที่ใครๆ นินทาว่าเจ้าจอมฯยังสาว และรวยทรัพย์ เครื่องเพชรมหาศาลนั้นโปรดให้ติดต่อขายไปต่างประเทศ และนำเงินที่ได้สมทบทุนสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ส่วนพาหุรัด หรือกำไลต้นแขนที่ทำด้วยทองคำนั้น รัชกาลที่ 5 ประทาน เจ้าจอมฯสวมใส่จนวาระสุดท้ายของชีวิต ด้านในของกำไลพระองค์ท่านทรงแต่งโคลงบอกความรักสลักไว้ด้วยภาษาที่กินใจยิ่งนัก เวลานี้ทายาทของเจ้าจอมฯทำเรื่องส่งคืนกำไลนี้ไว้ที่พระที่นั่งวิมานเมฆสถานที่ท่านเคยมีความสุข
เจ้าจอมฯบวชได้พักหนึ่ง เป็นเพราะยามโน้นราชบุรีมีโจรชุกชุม ข่าวลือที่ว่าเจ้าจอมฯร่ำรวยอาจล่อใจโจร เจ้าจอมฯจึงลาสิกขาบทด้วยเกรงภัยชีวิต โชคดีมีธรรมะ ท่านจึงผ่านคืนวันอันโศกศัลย์มาได้จนอายุ 93 จึงถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2526
ใช่เพียงอนันตทรัพย์และพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ที่ทำให้หญิงสาวรักและจงรักต่อพระพุทธเจ้าหลวง แต่เป็นเพราะพระองค์ทรงมีรายละเอียดและความละเอียดอ่อนจึงทำพวกเธอฝังใจจดจำพระองค์ สำหรับเจ้าจอมฯนั้น หลังซื้ออัญมณีจากยุโรปมาฝาก พระองค์ทรงเล่นบทบาทช่างภาพ และผู้กำกับภาพให้เจ้าจอมฯสวมใส่สร้อย ต่างหู และสร้อยมือเพชร ฯลฯ ราวกับเจ้าจอมฯเป็นนางแบบโฆษณาเพชร อย่างไรอย่างนั้น
เป็นที่ทราบกันว่า รัชกาลที่ 5 ทรงเลือกนางในพระราชหฤทัยที่สวย มีฐานันดรดี และมีความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่ง เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ นั้น เก่งดนตรี (ขิม) และเป็นสุภาพสตรีหัวก้าวหน้า กล้าพูด กล้าวิจารณ์ คิดต่างจากสาวๆ ยุคนั้น และยังเป็นนางร้องไห้ ซึ่งก็เล่นบทบาทนางร้องไห้ครั้งสุดท้ายในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพของรัชกาลที่ 5
แม้จะเล่าเรื่องรัก ที่พบแล้วพลัดพรากในโอกาสใกล้วันวาเลนไทน์ที่แสนหวาน แต่เจ้าจอมฯผู้นี้ก็สอนให้โลกรู้ว่า ผู้ที่มีรักจริง และรักเดียว ใจเดียว นั้น มีอยู่จริง.
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=409462