บันทึกตำนาน เสือใหญ่อาละวาด...อะเมสซิ่ง อะเมซอนอาเซียน

26 มิถุนายน 2556 (10:02) โพสท์โดย สุมาอี้

สภาพกระโหลก นายหย๊ะยา เซ็ง ที่ถูกเสือตะปบ กิน

              ในวันที่ 29 พ.ย. 2555 นายหย๊ะยา เซ็ง อายุ 44 ปี ราษฎรหมู่ที่ 8 บ้านอัยเยอร์ควีน ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 05.00 น. เพื่อไปกรีดยางพารา ในสวนยาง ณ หมู่ที่ 2 บ้านกะลาพอ ตำบลอัยเยอร์เวง ที่อยู่ห่างจากบ้าน 5 กิโลเมตร แต่ไม่กลับบ้านตามเวลาปกติ ทำให้ภรรยาเป็นห่วง ตกเย็นภรรยาจึงออกไปตามหา ถึงกลับช็อค เพราะไปพบร่างของสามี ในสภาพ ที่ไร้ศีรษะ อวัยวะเพศ และอวัยวะช่วงท้องหายไป อีกทั้งมีร่องรอยถูกตะปบจากคมเล็บของสัตว์กินเนื้อประเภทเสือ
              ต่อ มาในวันที่ 30 พ.ย. 2555 เวลา 10.00 น. จนท.ตำรวจ สภ.อัยเยอร์เวง ชุดกองร้อยทหารพรานที่ 3302 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติบางลาง จำนวน 20 นายพร้อมอาวุธครบมือ นำโดย พันตำรวจโทมุสตาฟา มานิ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางพาราบนสันเขาสูงชัน จากการตรวจสอบพบ คราบเลือดที่พื้นที่เกิดจากการต่อสู้ กางเกงวอร์มของผู้เสียชีวิต รองเท้าบู๊ท มีดตัดยาง ปลอกมีด กล่องยากันยุง กระดูกหัวเข่า และห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร พบกะโหลกศีรษะอยู่ในโพลงก่อไผ่สภาพถูกแทะจนเหลือแต่กระดูก กรามและฟันหายไป
              นายนาแซ โต๊ะเฮง เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติบางลาง กล่าวว่า จากการดูบริเวณที่เกิดเหตุ รอยเท้าน่าจะเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ 2 ตัว ทั้งนี้เพราะรอยแรกมีอุ้งเท้ากว้างประมาณ 18 เซนติเมตร ยางประมาณ 15 เซนติเมตร ลำตัวมีความยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 180 กิโลเมตร ส่วน อีกตัวหนึ่งมีอุ้งเท้ากว้างประมาณ 13 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 140 กิโลกรัม คาดว่าเสือออกมาทำร้ายชาวบ้านน่าจะเป็นเพราะพื้นที่ป่าถูกบุกรุก ทำลาย ไม่มีอาหาร จึงออกมาหากินตามแถวหมู่บ้าน
              เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ ชาวบ้านหวาดผวา กลัวเสือจะกลับมาทำร้ายชาวบ้านอีก จึงไม่กล้าออกไปกรีดยาง และบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับบ้านเกิดที่ปัตตานีเพราะไม่มั่นใจในความ ปลอดภัย
              วันที่ 3 ธ.ค. 2555 เวลา 22.00 น. นาง ปราณี มหาสุข อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 8/1 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา   ก็ถูกเสือตะปบและกัดกินขณะไปกรีดยางกับสามีที่บริเวณใกล้เขาทวนสัญญาณ บ้านกม.38 หมู่ที่ 6 ตำบลอัยเยอร์เวง อีก โดย เช้าวันที่ 4 ธ.ค.2554 พันตำรวจโทมุสตาฟา มานิ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง ได้นำศพนางปราณี มหาสุข มาส่งที่ โรงพยาบาลเบตง เพื่อชันสูตร
               นายบุญธรรม มหาสุข สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า “ใน คืนวันที่ 3 ธ.ค.2555 เวลา 22.00 น. ได้ออกมากรีดยางกับภรรยาเป็นปกติ ซึ่งตนจะแบ่งกันกรีดยางกับภรรยาห่างกันคนละ 5 ร่องยาง ระหว่างนั้น ขณะที่ตัวเองกรีดเสร็จ ก็ได้เรียกภรรยา แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้เดินไปดูภรรยาปรากฏว่าเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ ขนาด 200 กิโลกรัม กำลังตะครุบภรรยาของตัวเอง ตนจึงปีนขึ้นต้นยางเพื่อความปลอดภัย แล้วใช้ไฟตะเกียงส่อง พร้อมนำปืนลูกซองยิง จำนวน 5 นัด จนเสือหลบหนีเข้าป่าไป จากนั้นลงมาดูภรรยาปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว”
                วันที่ 4 ธ.ค. 2555 ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้าน กม.38 นาย ศุภวริศ เพชรกาฬ นายอำเภอเบตง ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงาน ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน บ้าน กม.38 เพื่อประสานงานด้านการข่าว และช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีของเสือโคร่งขนาดใหญ่ที่ ทำร้ายชาวบ้านจนเสียชีวิต พร้อมจัดชุดเฉพาะกิจในการติดตามผลักดันเสือโคร่งกลับสู่ผืนป่า เป็นเวลา 1 เดือน เริ่มเดินติดตามตั้งแต่เวลา 07.00 น.-16.30 น. เพื่อป้องกันเสือออกหาอาหารในพื้นที่ใกล้เขตชุมชน โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส ร่วมติดตามและหามาตรการ และวิธีป้องกันภัยจากเสือตัวดังกล่าว
                ร.ต.ท.สุรินทร์ อุปมัยรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการติดตามผลักดันเสือโคร่งกลับสู่ผืนป่า ได้นำเจ้าหน้าที่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 ทหารพรานที่ 3302 ตำรวจภูธร สภ.อัยเยอร์เวง เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติบางลาง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส อส.และ ชรบ. กว่า 200 นาย เดินติดตามกระจายกำลังปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุและได้ติดตามรอยเท้าเสือที่ เจ้าหน้าที่คาดว่าเสือตัวที่เข้าทำร้ายนางปราณีได้รับการบาดเจ็บจากการที่ นายบุญธรรมสามีนางปราณียิงขณะที่เข้าทำร้าย เจ้าหน้าที่พบร่องรอยคราบเลือดบนพื้นหญ้าและเศษใบไม้ พร้อมรอยเท้าเสือขนาด ความกว้าง 17 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 160 กิโลกรัม จึงได้ทำการเก็บมูลเพื่อนำไปตรวจสอบว่าเป็นรอยเท้าเสือตัวเดียวกันกับรอย เท้าเสือตัวที่ทำร้ายนายหย๊ะยา เซ็ง จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 พ.ย.55 หรือไม่อย่างไร โดยระทางจากจุดที่นายหย๊ะยา เสียชีวิต ห่างจากจุดที่ นางปราณี เสียชีวิต 10 กิโลเมตรด้วยกัน
              ร.ต.ท.สุรินทร์ กล่าวอีกว่า “สาเหตุ ที่เสือออกมาร้ายคน จนเสียชีวิตในครั้งนี้น่าจะมาจาก 3 สาเหตุด้วยกัน คือ 1.เสือได้รับบาดเจ็บ เกิดอาการหิวโซ ไม่มีแหล่งอาหาร 2.ปกป้องชีวิต ปกป้องฝูงของตัวเองที่ถูกทำร้าย และ 3. การขยายอาณาเขตพื้นที่ทำกินของสัตว์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเสือที่ออกมาทำร้ายชาวบ้านจนเสียชีวิต น่าจะมีสาเหตุมาจาก ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกป่า บุกรุกอาณาเขตพื้นที่ทำกินของสัตว์ป่า ฉะนั้นในช่วงนี้ขอให้ชาวบ้านอยู่กันเป็นกลุ่ม ไม่ควรอยู่คนเดียวตามลำพัง หากเกิดการประจันหน้าขึ้นมา ควรจะปีนขึ้นต้นไม้ให้เกิน 3 เมตร จนกว่าเสือจะเดินจากไป”
              ล่าสุด วันที่ 7 ธ.ค. 2555 ก็มีเสือโคร่งไล่ตะปบชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 8 บ้านปาโจแมเราะ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลาอีก โดยหลัง จากที่ นายอิสมาแอ ยูโซ๊ะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่.3 ต.สาบัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปพบเพื่อนในหมู่บ้าน ขากลับได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนในหมู่บ้านซึ่งข้างทางเป็นป่ารกทึบ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆ เสือโคร่งขนาดใหญ่ น้ำหนักกว่า 200 ก.ก. กระโจนเข้าใส่ด้านหลัง ทำให้คมเล็บเสือตะปบถูกแก้มก้นด้านขวา เป็นแผลลึก แต่ นายอิสมาแอ ตั้งสติได้จึงได้รีบวิ่งขึ้นต้นไม้ ร้องเรียกชาวบ้านจนชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านกว่า 20 คนจึงมาที่เกิดเหตุ ส่วนเสือเมื่อพลาดเหยื่อ จึงได้เดินเข้าป่าข้างทางไป ภายหลังจากให้การกับเจ้าหน้าที่ จึงได้นำ นายอิสมาแอ ส่งโรงพยาบาลธารโต
             นายปรเมศร์ จันแสง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหารพราน และชาวบ้านกว่า 100 คน ออกติดตามไล่ล่าเสือโคร่งทันที และได้แกะรอย จนพบเสือซุ่มอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนยาสลบ และอาวุธปืนนานาชนิดยิงใส่แต่ไม่สามารถหยุดเสือโคร่งไว้ได้ หลังเจ้าหน้าที่ระดมยิงและออกไล่ล่าอย่างกระชั้นชิดแต่ก็ไม่สามารถที่จะจับ เป็นหรือตายได้ ซึ่งเสือโคร่งตัวดังกล่าวยังคงเข้าป่าลึกหายตัวไป
             วันนี้ ข่าวลือหนาหูถึงความร้ายกาจ และเก่งกาจของเสือตัวนี้ แพร่สะพัดฝังจิตไปทุกครัวเรือนในละแวกนี้ ว่าน่าจะเป็น “เสือสมิงป่าฮาลา” อย่างที่เขาร่ำลือกันหรือไม่? การ กัดกินเฉพาะเนื้อมนุษย์โดยไม่สนใจสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน การหายตัวได้ การแปลงกายเป็นมนุษย์ รวมไปถึงการยิงไม่เข้า ถูกนำมาเป็นประเด็นเด็ดแทรกข่าวการเมืองในร้านน้ำชา อย่างสนุกปาก
              ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 8 บ้านอัยเยอร์ควีน ต.อัยเยอร์เวง และในพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านธารมะลิ หมู่ที่ 6 บ้าน กม. 38 ต.อัยเยอร์เวง หมุ่ที่ 11 บ้านสามร้อยไร่ และชาวบ้านในพื้นที่รอยต่ออำเภอธารโต ขณะนี้ไม่กล้าที่จะเข้าไปกรีดยางพารา แม้ช่วงนี้จะเป็นฤดูผลไม้ ทั้ง ลองกอง เงาะ ทุเรียน ออกผล แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเก็บเกี่ยว เพราะหวาดกลัวเจ้าป่าแห่งฮาลา เพชฌฆาตหน้าขนนี่เอง
              งานนี้คงต้องวัดใจของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแล้วละครับ ว่า ระหว่างความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้ชาวบ้าน เกษตรกรไม่สามารถทำมาหากินค่อนเดือน อีกทั้งความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ที่ชาวบ้านแถบนี้หวาดกลัวยิ่งกว่า สถานการณ์ความไม่สงบเสียอีก กับการอนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนหายาก ทั้งที่เราก็ยังไม่มีงบประมาณ บุคลากรที่เชี่ยวชาญ รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีและเพียงพอ ในการที่จะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นในประชาชนได้ เฮ้อ! อะเมสซิ่ง อเมซอนอาเซียนเสียนี่กระไร ศณีรา.. รายงาน