ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะล่าตัวผู้ที่ก่อเหตุระเบิด 2 ครั้ง ที่การแข่งขันบอสตัน มาราธอนมาลงโทษให้ได้

นายโอบามาแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง กล่าวยอมรับว่า ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเป็นฝีมือของใคร และยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจที่แน่ชัดของคนร้าย  และไม่ควรด่วนสรุปก่อนที่รู้ความจริง และรัฐบาลจะสืบหาความจริงจนถึงที่สุด ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศให้สถานที่ราชการทุกแห่งลดธงชาติลงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต พร้อมกับสั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงทั่วประเทศ

ส่วนตามเมืองใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ อาทิ นครนิวยอร์ก นครลอสแองเจลิส และกรุงวอชิงตัน ดีซี ประกาศเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญในพื้นที่ทันที ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ สนามบิน สนามกีฬา สถานที่ราชการทุกแห่ง และสถานที่ท่องเที่ยว

เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อน ใกล้กับจุดเข้าเส้นชัยของการแข่งขันกรีฑารายการ"บอสตัน มาราธอน" ที่ถือเป็นรายการวิ่งมาราธอนเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่มีอายุถึง 117 ปี  เมื่อเวลาประมาณ 14.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ (02.50 น.ของวันที่ 16 เม.ย. ตามเวลาในไทย)

ครั้งแรกเกิดขึ้นบริเวณด้านเหนือของถนนบอยสตัน  และครั้งที่สองใกล้กับห้องสมุดจอห์น เอฟ เคนเนดี้  สร้างความเสียหายในพื้นที่รัศมี 50-100 เมตร และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย  หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 141 ราย ซึ่ง 25 รายมีอาการสาหัส

ในการแถลงข่าวเบื้องต้น ผู้กำกับการตำรวจบอสตัน เปิดเผยว่า ทางการไม่ได้รับแจ้งข้อมูลข่าวกรองว่าจะเกิดเหตุร้ายใดๆขึ้น และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และห้ามชุมนุมกันเป็นกลุ่มใหญ่ และยังไม่สามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้านสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ ประกาศเขตห้ามบินเหนือนครบอสตัน ส่วนตามเมืองใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ อาทิ นครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ดีซี ประกาศเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญในพื้นที่ทันที ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ สนามบิน สนามกีฬา สถานที่ราชการทุกแห่ง และสถานที่ท่องเที่ยว

การแข่งขันครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 23,000 คน เนื่องในวันแพทริอ็อต เดย์ ซึ่งเป็นวันหยุดประเพณีของรัฐแมสซาชูเซ็ตต์ ที่ร่วมรำลึกถึงการเกิดสงครามครั้งแรกของการปฏิวัติอเมริกัน เมื่อปี 1775

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เครดิต...เดลี่เมล์