เรื่องผี และสิ่งลี้ลับในจังหวัดสงขลา!
เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้รับทราบจากการออกเดินทางไปทำงานวิจัย ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดสงขลา เเน่นอนล่ะว่าการออกเก็บข้อมูลงานทางไทยคดีศึกษาในเรื่องต่างๆ ตามสถานที่ต่างๆย่อมต้องได้รับทราบข้อมูลทั้งเชิงประจักษ์ เเละความเชื่อในเเนวทางเฉพาะถิ่น อาทิ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องภูติผี เเละดวงวิญญาณ(ลัทธิวิญญาณนิยม)เพื่อนๆ หลายๆ คนของผู้เขียนเลยขอให้ทำการรวบรวมนำมาเล่าสู่กันฟัง(บ้าง) เพื่อเป็นประสบการณ์เเลกเปลี่ยนกัน
หน้าโรงเรียนอุดมศึกษาพานิช.. สมัยก่อนล่วงผ่านเลยมามีเรื่องเล่ากันปากต่อปากจากผู้สูงวัยว่าที่เชิงสะพานตอนเช้าตรู่(ราวตี 4-6 โมงเช้า)มักจะมีสาวสวยผมยาวผิวขาวมากๆ ใส่ชุดขาวมายืนโบกรถอยู่ หากใครจอดรถรับ เธอจะหายไปพร้อมกับความซวย หรือเรื่องร้ายๆที่เข้ามาเยือนคนดวงซวยคนนั้น...บรื๋ออออ
สะพานรถไฟ(มีราวเหล็ก)ที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านน้ำน้อย เคยมีคนตายกว่า 400 ศพ ที่สำคัญเป็นการตายโหง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเชื่อกันว่าที่นี่เฮี๊ยนมาก คนเฒ่าคนแก่หลายคนเรียกสะพานรถไฟแห่งบ้านน้ำน้อยว่าสะพานสายมรณะ บ้างก็ว่าเป็นสะพานผีตายโหง เคยมีเรื่องเล่าในอดีตว่า เคยมีกลุ่มคนมายืนโบกรถอยู่ที่แถวๆสะพานรถไฟดังกล่าว โบกรถเพื่อจะไปสงขลา พอรถให้ขึ้นมาปรากฏว่าระหว่างขับกลุ่มคนดังกล่าวก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำเอาคนขับรถถึงกับจับไข้ไปหลายวัน
วัดโคกนาว..สมัยก่อนเรียก " โคกเน่า " เพราะเคยมีการฝังศพกันเป็นจำนวนมาก เเต่ปรากฏว่ามีน้ำท่วมขังในบริเวณดังกล่าวในปีหนึ่ง ชาวบ้านเลยจำต้องนำศพไปผูกติดเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่ บ้างก็ว่ามีนายพรานหลายคนไปยิงสัตว์ในโคกเน่า ถูกซากศพที่เน่าเปื่อยตกใส่จนขวัญหนีตามๆกัน ผู้เขียนเคยสัมภาษณ์ผู้เฒ่าผู้เเก่ท่านหนึ่ง ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า...หากมืดค่ำจะไม่ยอมเดินทางผ่านโคกเน่าเป็นอันขาดเพราะผีที่นี่หลอกเก่งที่สุด
หน้าสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่...เชื่อกันว่าเฮี๊ยนน่าดูชม..เพราะจะต้องมีคนถูกรถชนตาย หรือรถทับตายทุกปี หลายคนบอกว่าเขาต้องการ " ตัวตายตัวเเทน
น้ำตกโตนงาช้างที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ปรากฏมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องปกอยู่เรียกว่า “ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง” ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกับน้ำตกเชื่อว่าท่านนั้นมีรูปกายเป็นเสือดำขนาดใหญ่ มีเรื่องเล่าว่าราวปี พ. ศ. 2549 ได้มีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์คนหนึ่งเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้าง จนตกช่วงเย็นชายคนดังกล่าวได้ออกเดินทางปีนขึ้นไปชมทัศนียภาพบนน้ำตกโตนงาช้าง จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อนๆที่มาด้วยกันจึงออกตามหาแต่ก็หาไม่พบจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของทางน้ำตกทราบช่วยกันตามหาจนช่วงดึกจึงต้องยกเลิกไปแล้วออกหาตอนเช้าอีกที หาอยู่ 3 วัน 3 คืนก็ยังหานักท่องเที่ยวชายชาวสิงคโปร์คนดังกล่าวไม่พบ จึงได้เชิญหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีกรรม “เข้าทรง” และพอได้รับข้อมูลมาว่านักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่หลงป่ายังมีชีวิตอยู่ ประทังชีพด้วยการกินยอดไม้ และน้ำเป็นอาหาร เขาเพียงโดน “ผีบังตา” เอาไว้ท่านมิต้องเป็นห่วงแต่ประการใด ถึงเวลาเขาก็จะกลับมาเอง แต่หลังจากนั้นก็ขอให้ช่วยสร้างศาลให้เราอยู่ด้วย หัวหน้าทีมค้นหาจึงสัญญาว่าหากหาเจอก็จะสร้างศาลสถิตบูชาให้ วันที่ 4 ที่ออกค้นหาจึงหานักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจนพบแล้วสร้างศาลให้เรียกว่า “ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง”
ต้นไทรใหญ่หน้าวัดคลองเรียน มีอายุนานมากแล้ว(อาจจะถึง หรือเกิน 100 ปี).....ยามค่ำคืนมักปรากฏผู้คนมากมายพร้อมเทียนส่องสว่าง พวกเขามาหาตัวเลขก่อนวันหวยออกกันน่ะ แต่....หากเห็นผู้คนมากมายอันตรธานหายไปในพริบตาที่ชี้มือไปหา...ท่านจะซวยเอาได้!!!
ตำนานต้นจามจุรีให้โชค-หาดใหญ่ใน หลายคนเรียกกันว่าทวดแม่จามจุรี หรือทวดไกรสิงห์-ราชสีห์จามจุรีใหญ่อันเป็นที่สิงสถิตของทวดแม่จามจุรีตั้งอยู่ ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 ตรงข้าม สภ.หาดใหญ่ ลือกันว่าต้นไม้ต้นนี้เคยเป็นที่ประหารชีวิตนักโทษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (ผู้คอตาย)สืบตำนานพอได้ว่าในราวปี พ.ศ. 2552 ภรรยาของตำรวจชั้นประทวนซึ่งทำงานอยู่ใน สภ.หาดใหญ่ ได้หลับลงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการปฏิบัติภาระหน้าที่ประจำวันที่บ้านพักใกล้กับต้นจามจุรี ครั้งหลับก็ฝันไปว่ามีเจ้าแม่จามจุรี สถิตอยู่ ณ ต้นจามจุรีใหญ่ใกล้กับที่พักของตน เจ้าแม่จามจุรี หรือทวดแม่จามจุรีบอกว่าจะให้เลขเด็ดแต่มีข้อแม้ว่าขอให้ตั้งศาลให้ที่ใต้ต้นจามจุรีเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ปรากฏว่าถูกหวยจริง แต่ผู้เป็นภรรยาของตำรวจชั้นประทวนนางนี้ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียเท่าใดนักจึงไปทำการบนกับทวดแม่จามจุรีว่าขอให้ถูกหวยเป็นครั้งที่สองแล้วจะสร้างศาลแก้บนให้ ปรากฏถูกหวยมาเลย์จริงดังที่ทำการบนไว้ ต่อมาจึงมีการสร้างศาลเพียงตาไว้ให้สำหรับเป็นที่สถิตแก่ทวดแม่จามจุรี ครั้งข่าวลือเรื่องทวดแม่จามจุรีให้เลขเด็ดได้อย่างแม่นยำยิ่งนักรู้ถึงหูเซียนหวย นักเลงตัวเลขจากทั่วประเทศจึงแห่กันเดินทางมาเพื่อขอเลขเด็ด ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างประเทศที่ทราบข่าว อาทิ ชาวมาเลย์ สิงคโปร์ จีน เป็นต้น จามจุรีอันเป็นที่สิงสถิตของทวดแม่จามจุรี ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 ตรงข้าม สภ.หาดใหญ่จึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อันมีสิ่งมุ่งหวังอันเดียวกันคือ “เลขเด็ด” นั่นเอง นอกจากเรื่องเลขเด็ดที่ชาวบ้านนิยมมาขูด ทาแป้ง ลูบหากันแล้วนี่ยังปรากฏความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่แพร่สะพัดกันไปในวงกว้าง คือเชื่อกันว่าทวดแม่จามจุรีนี้ไม่ชอบให้ใครมาตัดกิ่ง ก้าน ใบโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังเรื่องเล่าลือที่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเคยมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จะทำการตัดแต่งกิ่งไม้ข้างถนน ครั้งตัดแต่งมาเรื่อยๆจนถึงต้นจามจุรีใหญ่ต้นดังกล่าวปรากฏว่าอุปกรณ์สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ทำงานอยู่นาน พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถซ่อมอุปกรณ์ดังกล่าวได้ จึงต้องล้มเลิกการตัดแต่งกิ่งต้นจามจุรีออกไป ครั้งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่มาทำการตัดแต่งกิ่งไม้ในครั้งที่สองก็ปรากฏว่าอุปกรณ์สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ทำงานเหมือนครั้งแรก จึงเกิดการเล่าลือกันถึงเรื่องความเฮี๊ยนของต้นจามจุรีใหญ่ ณ ปากทางเข้าถนนโชคสมาน 1 กันอย่างกว้างขวาง
ตำนานผีทวดเฝ้าถ้ำ หรือตำนานทวดแหลมจาก เป็นความเชื่อของชาวบ้านตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ตำนานทวดแหลมจากมีดังนี้กล่าวคือ ภายในอาณาบริเวณของหมู่ที่ 1 ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ปรากฏว่ามีถ้ำใหญ่อยู่แห่งหนึ่งที่ซึ่ง ณ ถ้ำแห่งนี้เองชาวบ้านล้วนเชื่อกันว่าภายในถ้ำมีทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทอง ถ้วยชามที่เป็นทองคำฝังเอาไว้อยู่ภายในเป็นจำนวนมาก และภายในถ้ำนี้เองปรากฏว่ามีจระเข้ใหญ่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจระเข้เจ้าและศักดิ์สิทธิ์
พร้อมทั้งขนานนามให้ว่า “ทวดแหลมจาก” มีหน้าที่เฝ้าปกปักรักษาทรัพย์สมบัติดังกล่าวอยู่ คนแต่ครั้งโบราณหรือชาวบ้านในสมัยก่อนจะสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติต่างๆของทวดแหลมจากได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด ครั้งกาลต่อมามีคนพาลเข้าไปหยิบยืมทรัพย์ของทวดแล้วไม่ได้นำไปคืนให้ ทวดแหลมจากจึงโกรธและปิดถ้ำลงด้วยหินก้อนขนาดใหญ่ตรงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติของทวดได้อีก แต่ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวก็ยังเชื่อว่าทวดแหลมจากในรูปของจระเข้ทวดขนาดใหญ่ยังคงสถิตอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้น
เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ คราวหน้าจะหามาให้อ่านกันใหม่
ถ้าซ้ำก็ขออภัยด้วยนะคะ