กะผมดองเรื่องในเตอรกีไว้เยอะมาก  ตอนนี้ดิฉันจะค่อยๆทยอยเอาลงครับ  ก่อนที่เริ่มเดินทางอีกครั้ง  เดี๋ยวเรื่องใหม่มาเรื่องเก่าก็ยังค้างจะกลายเป็นดินพอกหางหมูไปค่ะ  

...วันนึงที่เตอรกีดิฉันและเพื่อนเดินๆกันอยู่  ก็สังเกตุเห็นคนเยอะแยะเดินเข้าไปที่อาคารหลังนึง  ตามนิสัยคนช่างสงสัยและอยากรู้อยากเห็น  ก็เลยชวนกันเดินตามผู้คนเค้าเข้าไปในอาคารนั้น  เพื่อนเองซึ่งอยู่เตอรกีมานานพอควรก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรหรอกครับ  ตามเข้าไปแล้วก็เห็นกลุ่มคนเดินตามกันลงบันไดไปชั้นใต้ดินของอาคารครับ....เราเดินตามลงไป  ชั้นล่างมืดมากค่ะ  ก็ตกใจว่าเค้าลงไปดูอะไรกันมืดๆแบบนั้น  เลยเดินกลับขึ้นมาหาข้อมูล  ได้ความดังนี้ค่ะ  ชั้นใต้ดินที่เห็นนั้นเป็นอ่างเก็บน้ำโบราณสร้างขึ้นมาตั้งแต่ คศ.ต้นๆแล้วละครับ  ซึ่งภายในชั้นใต้ดินนั้นจะมีทางเดิน  เราสามารถที่จะเดินวนดูรอบๆได้ค่ครับ

....ลงไปอีกรอบคราวนี้ก็เดินตามๆเค้าไปแหละค่ะ  มืดมากค่ะ  แต่ก็พอเห็นทาง  ภายในนั้นมีเสาเยอะมาก  แต่ละต้นก็แตกต่างกันออกไป  เพราะมีที่มาต่างกัน  ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำนี้ไม่ได้ใช้แล้วคครับ  เค้าอนุรักษ์ไว้เป็นโบราณสถาน  ในนั้นยังมีน้ำอยู่เลยและปลาก็เยอะมาก 

....จากเสาจำนวนมากในนั้น  มีอยู่เสานึงซึ่งเป็นนางเอกของที่นี่  ทุกคนเข้ามาก็เพื่อจะไปชมเสาต้นนี้แหละค่ะ  เป็นเสาที่เป็นรูป "เมดูซ่า" ครับ  ดิฉันและเพื่อนซึ่งสวมรอยเป็นนักโบราณคดีศึกษา  ก็ค่อนข้างนิยมชมชอบกับเรื่องราวลึกลับเหล่านี้  แม้จะมืดอย่างไรก็ต้องเข้าไปชมเสา "เมดูซ่า" ให้เห็นกับตาให้ได้

....อ่างเก็บน้ำโบราณนั้นทั้งมืดทั้งกว้างใหญ่  เดินไม่ดีมีสิทธิหลงหาทางออกไม่ถูก  แต่การเดินหาเสา"เมดูซ่า"ไม่ยากครับ ใครๆก็ไปกัน  เราก็อาศัยเดินตามๆเค้าไปครับ

.................................................

ลงไปข้างล่างก็จะมีแต่เสาเยอะแยะไปหมดแบบนี้แหละค่ะ  ยังมีน้ำขังอยู่เต็มเลยครับ  มืดมากครับ

 

 

แต่ก็สวยงามคลาสสิคมากนะคะ  ในนี้อากาศเย็นมากครับ

 

ทางเดินเค้าดีค่ะ  ใช้ได้เลย  ของจริงน่ะมืดมาก  ดิฉันถ่ายรูปใช้แฟลชบ้างไม่ใช้บ้างครับ

 

ถ่ายเพดานดูรายละเอียดความเก่าและวิธีการจัดวางในการก่อสร้างของคนโบราณครับ  ดูสิครับละเอียดยิบเลย  สร้างมาตั้งแต่ คศ.ต้นๆ  ยังอยู่ได้จนทุกวันนี้  ทึ่งจริงๆครับ

 

ถึงจะมืดอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ยังมีไฟเพื่อความสวยงามของสถานที่ที่ติดไว้ตามเสาให้แสงสว่างได้บ้างเล็กน้อยครับ

 

เดินตามๆกันไปครับ  เค้าไปไหนเราไปด้วย

 

แหมจะเอารูปนี้ออกก็ขี้เกียจครับ  ใส่เข้ามาแล้ว  เอ็นทรีนี้รูปน้อยครับ  เพราะลงมาแล้วก็เหมือนๆกันไปหมดค่ะ  ดูๆไปก็แล้วกันนะครับ  ก็เดินตามกันไปแบบนี้แหละครับ

 

นี่ครับ ใกล้จะถึงจุดหมายที่ต้องการแล้ว  ....รู้ได้อย่างไรเหรอครับ  ก็ปริมาณคนน่ะสิครับ เยอะและออกันแบบนั้น  แสดงว่าตรงนั้นต้องเป็นไฮไลท์ครับ

 

ที่ไหนๆก็เหมือนกันครับ  แย่งกันดูจนไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก  ยืนรอตั้งนานให้คนน้อยๆจะได้ดูให้ชัดเจน  ปรากฎว่ารอไปเถ๊อะ!

 

นี่ครับนางเอกของงาน  เสาที่เป็นรูปศรีษะของ "เมดูซ่า"   ไม่ได้ ถ้าลืมตาละก็แย่เลย  ไม่กล้าดูหรอกครับ กลัวอาถรรพ์เหมือนกันครับ เสา "เมดูซ่า" และเสาหลายๆต้นที่เอามาก่อสร้างอ่างน้ำโบราณนี้  ได้มาจากการทำสงครามหลายๆครั้งในยุคก่อนๆครับ  (รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ทราบครับ)

 

อลังการสวยงามคครับ  ดิฉันน่ะปลื้มใจมากที่ได้มาชมเสา"เมดูซ่า"  เพราะชอบเรื่องลึกลับอะไรทำนองนี้ครับ  พอมาได้เห็นมันก็รู้สึกปลาบปลื้มและยินดีมีความสุขครับ  (....รู้สึกเหมือนที่ได้ไปเดินที่ปราสาทแดร๊กคูล่าร์ในเอ็นทรีนี้นครับ เคาน์ทแดร๊กคิวล่าร์.....และปราสาทบราน  )

 

รูปนี้ดิฉันดูไม่ออกและก็จำไม่ได้ด้วยว่าเป็นใคร  คงไม่ใช่ "เมดูซ่า" หรอกคครับ  เพราะเค้าคงระวังไม่ปล่อยให้มีสัญลักษณ์ของ"เมดูซ่า"เปิดตาเอาไว้เพื่อกันอาถรรพ์ตามตำนาน  เชื่อไม่เชื่อ  จริงหรือไม่จริง  ของอย่างนี้ดิฉันก็ไม่กล้าลบหลู่ค่ะ....กลัวครับ

 

เอ....เค้าดูอะไรกันอยู่นะ

 

ปล าครับ เพียบเลย  ในน้ำมีปลาเต็มไปหมด  แต่ไม่มีการให้อาหารหรอกครับ เดี๋ยวน้ำเน่า

 

บันไดทางออกครับ  เห็นมั๊ยคะอ่างเก็บน้ำโบราณ  ใหญ่โตมโหฬารจริงๆครับ

..........................................

....อ่านตำนานเมดูซ่ากันด้วยนะครับ  ดิฉันคัดลอกมาจาก "วิกิพีเดีย" ครับ

.............................................

....ในตำนานของกรีกนั้น เมดูซ่า (Medusa) เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู  และเมื่อมีคนมองมาที่ใบหน้าเธอ (จ้องตา) คนผุ้นั้นจะกลายเป็นหิน  ที่จริงแล้วก่อนที่ เมดูซ่า จะมีความร้ายกาจดังที่เป็นที่เล่าขานกันมานั้น  เมดูซ่า นั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมาก

....เมดูซ่า เป็นหนึ่งในลูกสาวทั้งสามของ เมทิส   ซึ่ง เมทิส เป็นเจ้าแห่งสติปัญญาและสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งต่างๆได้มากมาย  แต่เดิมลูกทั้ง 3 ของ เมทิส เป็นคนที่สวยงามมาก  แต่แล้ววันหนึ่ง เมทิส แม่ของ เมดูซ่า ถูกเทพ ซุส (Zeus) ข่มขืนและกลืนกินลงท้องไป  ซุส นั้นจึงได้เอาความสามารถทางสติปัญญาและการแปลงร่างของ เมทิส มาเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง  พลังอำนาจนั้นทำให้ เทพซุส ยิ่งใหญ่เหนือเทพทั้งปวง

....ต่อมาเทพธิดา อาเธน่า (Athena) ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่พลังของ เมทิส ทะลักออกมาทางหน้าผากของ ซุส  เมื่อ เอเทน่า ได้กำเนิดขึ้นพร้อมกับความสามารถทางสติปัญญาของ เมทิส ผู้เป็นแม่  แต่ เอเทน่า กลับเห็นว่า เมดูซ่า พี่น้องร่วมสายเลือดแม่  เป็นศัตรูคนสำคัญ

....อยู่มาวันหนึ่ง เมดูซ่า ที่เป็นสาวงาม  มีชายหลายคนหมายปองเป็นเจ้าของ  ก็ได้ไปบูชา เทพเอเทน่า ยังวิหารของ เอเทน่า   เทพโพไซดอน (Poseidon) ได้เห็นความงามของ เมดูซ่า  ต้องการครอบครอง เมดูซ่า เป็นของตน  จึงใช้กำลังขืนใจ เมดูซ่า  อาเทน่า เห็นดังนั้นจึงใส่ความ เมดูซ่า ว่าลบหลู่ เอเทน่า ในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้  เธอจึงสาบ เมดูซ่า ให้กลายเป็นมารร้ายหน้าตาน่าเกลียด  และให้ผมสวยงามของ เมดูซ่า กลายเป็นงู  เมดูซ่า ต้องได้รับความอับอายและโกรธแค้น  จึงได้ใช้ความเกลียดชังนั้นมาเป็นพลังในการสาบคนที่มองหน้าเธอให้กลายเป็นหินไป  เพื่อทดแทนสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นเช่นนี้  เมดูซ่า จึงกลายเป็นนางมารร้ายในตำนานกรีกไปด้วยประการฉนี้

....สุดท้าย เมดูซ่า ก็ถูก เพอร์ซีอุส ฆ่าตายด้วยการใช้ดาบฟันคอขาด  แต่คนที่อยู่เบื้องหลังการตายของ เมดูซ่า คือ เอเทน่า  ซึ่งนางนั่นเองที่เป็นคนใช้ให้ เพอร์เซอุส ไปฆ่า เมดูซ่า