หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ลักษณะของกรรมประเภทต่างๆ

โพสท์โดย รวมมิตร

ลักษณะของกรรมประเภทต่างๆ..


 

กรรมที่จำแนกว่าโดยหน้าที่ (กิจจตุกะ) 4 อย่าง

กรรมที่จำแนกโดยหน้าที่นี้มีความแตกต่างกันไปโดยแบ่งเป็น

1. ชนกกรรม คือ กรรมที่ส่งผลตกแต่งมาให้เกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็น “ผลแห่งกรรมที่ได้กระทำมา” คือ ถ้าทำดีเอาไว้มากแล้วได้ไปเกิดเป็นเทวดา ก็เพราะหน้าที่ของชนกกรรมที่แต่งให้เกิดเป็นเทวดา หากกระทำกรรมไม่ดีไว้มาก ชนกกรรมก็จะตกแต่งให้มาเกิดไปในทางที่ไม่ดี เช่น คนที่มีความโกรธอยู่เสมอเกิดมาจึงมีผิวพรรณไม่ดี เป็นต้น

2. อุปัตตถัมภกรรม คือ กรรมที่ส่งผลเกื้อหนุนผลกรรมอื่นให้ได้รับผลกรรมนั้น เช่น ชาติก่อนเป็นมนุษย์ได้ทำความดีรักษาศีลมาก จึงได้ทำให้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก และขณะเป็นมนุษย์ในชาติที่แล้วก็ได้ ทำทานบริจาคมาก เมื่อเกิดมาในชาติต่อไปจึงได้เป็นมนุษย์และเป็นผู้ที่มีความร่ำรวยมาก ดังนี้เป็นต้น

ถ้า เป็นในด้านอกุศลกรรมที่ไม่ดี ก็เช่น ในชาติที่แล้วเป็นมนุษย์แต่ประกอบกรรมชั่วไม่เคยรักษาศีลเลย จึงนำมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานในปัจจุบัน และมี กรรมสนับสนุนตามซ้ำเติมทำให้ลำบากถูกเบียดเบียนทำร้าย ทำให้พิการ และเป็นโรคร้ายต่างๆ เช่น เพราะทำกรรมไม่ดีมากไม่รักษาศีลเลย โดยผิดศีลข้อ 1 มากที่สุดจึงได้เกิดเป็นสุนัขซึ่งนอกจากเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วยังไม่พอ ยังต้องเป็นสุนัขขี้เรื้อนพิกลพิการเสียอีก

3. อุปปีฬกกรรม คือ กรรมที่เบียดเบียนบีบคั้นผลกรรมอื่นที่ตรงข้ามกับตน ที่กำลังให้ผลไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลชั่วมิให้เกิดผลอีกต่อไปซึ่งจะให้ผลแบบ ค่อยเป็นค่อยไปซึ่งมีตัวอย่างที่ปรากฏชัดเจนในพระพุทธศาสนา ขอยกตัวอย่างให้ฟังอีกสักหนึ่งเรื่อง

ในสมัยพุทธกาล ยังมีชายคนหนึ่งนามว่า “นายวาตะ กาลกะ” เป็นผู้ที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาผมเผ้าพะรุงพะรังเหมือนคนป่าและมีขนงอก ยาวกว่าคนปกติไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนวดเครานั้นยาวรุ่มร่ามและมี สีแดง จึงได้ชื่อว่า “นายเคราแดง”นาย เคราแดงเป็นคนที่ไม่มีอาชีพแน่นอนมักถูก ผู้อื่นดูหมิ่นดูแคลนอยู่เสมอ เมื่อเป็นอย่างนี้จึงได้ไปสมัครเป็นโจร แต่หัวหน้าโจรไม่กล้ารับไว้เพราะดูลักษณะแล้วชายผู้นี้เป็นคนเหี้ยมโหดเกิน ไปกลัวจะแว้งกัดในภายหลังจึงไม่ยอมรับ

นาย เคราแดงถึงแม้จะผิดหวังแต่ก็ไม่ละความ พยายามไปเข้าฝากตัวเป็นสมุนของโจรอีกผู้หนึ่ง คอยปรนนิบัติรับใช้จนเป็นที่ถูกใจแล้วอ้อนวอนให้ไปฝากตัวกับหน้าหน้าโจรผู้ ที่เคยปฏิเสธเขาไว้ในครั้งแรกซึ่งหัวหน้าโจรทนความอ้อนวอนรบเร้าไม่ไหว จึงจำเป็นต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้

ต่อ มาทางราชการ ได้เข้าไปปราบปรามโจรก๊กนี้และได้ตัดสินให้ลงโทษประหารโจรทุกคนเพราะก่อกรรม ทำเข็ญไว้มากแต่เนื่องจากโจรก๊กนี้มีมากมายหลายร้อยคนไม่มีผู้ใดจะทำหน้าที่ ประหาร ทางราชการจึงต้องค้นหาคนที่จะเป็นเพชฌฆาตผู้ประหารโจรก๊กนี้ได้ โดยจะยกโทษให้สำหรับคนที่ทำหน้าที่ประหารไว้ แต่ก็ไม่มีใครรับเพราะไม่อยากได้ชื่อว่า เป็นคนที่ประหารเพื่อนโจรด้วยกัน

นายเคราแดง คนนี้เองก็ได้รับอาสาอย่างหน้าตาเฉยเหมือนที่หัวหน้าโจรคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด

ต่อ มานายเคราแดงผู้นี้ก็ได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นเพชฌฆาตประจำราชสำนัก มีเงินเดือนประจำ มีหน้าที่ประหารโจรหลายก๊กหลายเหล่าที่ทางราชการจับมาได้เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวัยชราก็มีกำลังวังชาลดน้อยถอยลงไปจึงได้รับการปลด เกษียณ ได้รับบำเหน็จเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร

นาย เคราแดงอดีตโจรและเพชฌฆาตจึงคิดเปลี่ยน บุคลิกของตนเองด้วยการโกนหนวด โกนเครา หาเสื้อผ้าดูแลตัวเองอย่างดีแล้วให้ภรรยาทำอาหารที่อร่อยมาฉลองหน้าบ้านใน เช้าวันหนึ่ง ซึ่งเช้าวันนั้นเป็นวันที่พระสารีบุตรเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติแล้วก็ตรวจ ด้วยญาณเพื่อจะโปรดบุคคลที่เข้ามาอยู่ในข่ายญาณ ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็น นายเคราแดง ผู้นี้เอง

ขณะที่นายเคราแดงกำลังรับประทานอาหารก็ เหลือบเห็น พระสารีบุตรมาบิณฑบาต ณ หน้าบ้านตน จึงเกิดความคิดว่า “เรา ได้ทำบาปทำกรรมไว้มาก ฆ่าโจร ฆ่ามนุษย์ไว้ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำบุญทำกุศลเลยแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้นับว่าเป็นวันที่เราโชคดีหนักหนาเราควรถวายอาหารบิณฑบาต ดีกว่าจะบริโภคเสียเอง”

เมื่อ พระสารีบุตรได้ฉันอาหารเสร็จแล้ว ก็มอบข้าวก้นบาตรที่เลิศรสให้แด่นายเคราแดง รับประทานจนอิ่มหนำสำราญจากนั้นก็แสดงโปรดธรรม แต่นายเคราแดงก็ไม่อาจส่งจิตไปตามกระแสแห่งธรรมได้เพราะจิตผูกพันกับการฆ่า มานาน พระสารีบุตรจึงได้แนะอุบายวิธีให้จนนายเคราแดงเกิดปัญญาใกล้จะบรรลุเป็นพระ โสดาปัตติมรรคเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา

ได้ มีนางยักขิณีตนหนึ่งซึ่งมีเวรผูกพันกัน แต่ชาติปางก่อนได้เนรมิตตนเองเป็นแม่โคบ้า วิ่งไปไล่ชน นายเคราแดงจนถึงแก่ความตายแล้วนายเคราแดงก็ไปเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้น ดุสิตก็เพราะได้ทำบุญทำทานกับพระอรหันต์ขณะที่ออกจากนิโรธสมาบัติพอดีและมี จิตกุศลก่อนตาย นี่คือพลังอำนาจของกรรมเบียดเบียนฝ่ายดี ที่เข้ามาทำลายเบียดเบียนกรรมฝ่ายชั่วที่มีสภาพตรงกันข้ามกับตน ทำให้นายเคราแดงซึ่งฆ่าชีวิตมนุษย์มาตลอดชีวิตสมควรจะต้องมีนรกเป็นที่ไปแต่ กลับกลายไปสู่สวรรค์ได้

หากเป็นกรรมฝ่ายชั่วที่มีพลังแรงมาเบียดเบียนกรรมดีก็จะทำให้กรรมดีที่ บำเพ็ญสร้างเอาไว้ยังไม่ได้ผลเช่นกรณีของ “สุนักขัตตลิจฉวี” สุนักขัตตลิจฉวีเป็นคนจิตใจดีเมื่อได้มีโอกาสฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็เกิด ความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนาแล้วขอบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์โดยตั้งใจที่จะฝึกบำเพ็ญวิปัสสนา เพื่อตัดกิเลส เป็นอริยบุคคลพระพุทธองค์ได้บอกอุบายวิธีอันถูกต้องเหมาะสมกับจริตของพระ สุนักขัตตะลิจฉวี ในไม่ช้าท่านก็ได้สำเร็จฌานและบรรลุทิพพจักขุอภิญญา (ตาทิพย์) โดยเร็วภายในเวลาไม่กี่วันสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ เหนือวิสัยของคนธรรมดาได้

พระภิกษุใหม่อย่างสุนักขัตตลิจฉวีก็ดีใจ นักหนาที่ได้บรรลุญาณขั้นนี้จึงเข้าไปทูลขออุบายวิธีเพื่อที่จะฝึกวิชา “ทิพ พโสตอภิญญา” หรือวิชาหูทิพย์ให้สำเร็จต่อไป ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงให้ใช้วิธีการ บริกรรมภาวนา แต่ไม่ได้บอกอุบายวิธีในการสำเร็จเพราะทรงทราบว่าจะมีพลังอำนาจของ “กรรมเบียดเบียน หรือ อุปปีฬกกรรม” ไม่ให้ได้วิชาหูทิพย์

พระสุนักขัตติลิจฉวีได้ฝึกวิชาหูทิพย์ อยู่ 3 ปี ก็ไม่อาจสำเร็จวิชาได้ก็เกิดความเบื่อหน่ายและคิดผิดว่าพระพุทธเจ้าคงไม่มี วิชาที่วิเศษไปกว่านี้อีกแล้วจึงลาสิกขาแล้วไปอยู่สำนักอื่นนอกพระพุทธศาสนา ครั้นตายไปก็ไปเกิดในนรก

กรรม เบียดเบียนที่มาขัดขวางการบรรลุธรรมของ พระสุนักขัตตลิจฉวีนั้นก็คือในอดีตชาติของเขาเองเขาเกิดเป็น ชายที่มีที่พักอาศัยอยู่ ใกล้ๆ วัดริมแม่น้ำในยามเย็นใกล้ค่ำ วันหนึ่งขณะอาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้านก็พอดีมีสามเณรน้อยรูปหนึ่งพายเรือ ผ่านมา

ชายผู้ นี้นึกคะนองขึ้นมาก็แกล้งสามเณรโดย เอามือวักน้ำสาดไปที่สามเณร สามเณรก็หลบด้วยสัญชาตญาณจึงเป็นเหตุให้เรือล่มทันที สามเณรน้อยตกใจจึงรีบว่ายน้ำเข้าฝั่งส่วนปากก็ตะโกนด่าว่า ชายหนุ่มจนทำให้เกิดความโกรธ ชายหนุ่มคนนี้จึงเข้าไปตบที่บ้องหูของสามเณร 2-3 ที แล้วดึงสามเณรขึ้นมาสู่ริมฝั่งแม่น้ำจากนั้นกลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ก็เพราะกรรมที่ตนเองเคยได้ตบหูสามเณรในอดีตชาตินี่เอง เมื่อเกิดมาเป็น สุนักขัตตะลิจฉวี การจะมาฝึกวิชาที่เกี่ยวกับหูให้เป็นทิพย์จึงมีเหตุขัดข้องและเป็นไปด้วย ประการฉะนี้
4. อุปฆาตกรรม กรรมที่คอยตัดรอนผลกรรมอื่นๆ

อุป ฆาตกรรมหมายถึงว่า กรรมที่มาตัดรอนผลกรรมอื่นให้ขาดไปเลย เช่นคนที่สมควรจะมีอายุยืนยาวแต่ก็กลับต้องมาอายุสั้นยังไม่หมดอายุขัยก็ตาย เสียก่อนแทนที่จะมีอายุครบ 60-70 ปีตามอายุขัย แต่อายุ พออายุได้สัก 30-40 ปีก็ต้องตายเสียก่อน อย่างนี้เป็นเพราะได้สร้างกรรมที่เป็นอกุศลกรรมไว้มากเพราะชอบฆ่าสัตว์ตัด ชีวิตไว้มากนั่นเอง

ใน ทางตรงกันข้ามหากในอดีตเคยสร้าง กรรมดีไว้มากกว่าแม้จะควรจะถึงที่ตายแต่ก็ไม่อาจจะตายได้เพราะกรรมดีที่เคย ทำมาหนักกว่าและมาทำการตัดรอนกรรมชั่วให้ขาดออกทำให้มีอายุยืนยาวดังเช่น ตัวอย่างในพระพุทธศาสนาอย่าง “อายุวัฒนกุมาร” อายุ วัฒนกุมาร เป็นลูกของพราหมณ์ซึ่งพ่อแม่ของท่านมีเพื่อนเป็นพราหมณ์อยู่คนหนึ่ง ซึ่งพราหมณ์ผู้นี้ได้ตาทิพย์ทราบข่าวว่าเพื่อนคนนี้จะมาก็ทำการต้อนรับอย่าง ดี เมื่อคุยกันพอสมควรแก่เวลาพราหมณ์ผู้เป็นพ่อก็ส่งลูกชายอายุยังไม่ถึง 7 ปี ให้แก่แม่แล้วลากลับ เพื่อนก็อวยพรว่า “ท่านจงมีอายุยืนยาวเถิด” เมื่อพราหมณ์พ่อรับพรแล้ว พราหมณ์แม่ก็ส่งลูกให้พ่อแล้วก็ลาเช่นเดียวกันแล้วก็ได้รับพรเดียวกันทุก ประการ

จากนั้น ก็ถึงคราว อายุวัฒนกุมาร พ่อแม่ก็จับลูกให้กราบท่านพราหมณ์เพื่อรับพรบ้าง แต่ท่านก็นิ่งเฉยไม่พูดแบบนั้น ท่านพ่อท่านแม่ก็สงสัยเลยถามว่า “เวลาที่ผมกับเมียกราบลาท่าน ท่านบอกว่าจงเป็นผู้มีอายุยืนยาว แต่เวลาที่ให้ลูกกราบทำไมท่านจึงทำเฉยๆ”

ท่านพราหมณ์ก็บอกว่า “ก็ ลูกของท่านจะต้องตายภายใน 7 วัน ถ้าฉันพูดแบบนั้นฉันก็พูดผิดนะสิ” คนเป็นพ่อแม่ได้ยินก็ตกใจจึงก็เลยถามว่ารู้วิธีแก้หรือไม่ ท่านพราหมณ์ก็บอกเพียงว่า “รู้ว่าจะตายน่ะรู้ แต่วิธีแก้นั้นฉันไม่รู้ คนที่รู้วิธีแก้มีอยู่คนเดียวคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าหากว่าท่านต้องการจะ แก้ไขไม่ให้ลูกของท่านตาย ก็ไปหาพระพุทธเจ้าเถิด”

พ่อแม่ของเด็กจึงพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ก็ทราบเช่นเดียวกันว่าเด็กคนนี้ต้องตายภายใน 7 วัน พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

อายุขัย นั้น ตถาคตก็แก้ไม่ได้ เพราะนี่คืออุปฆาตกรรมเป็นกรรมที่เข้ามาแทรกระหว่างกลาง ซึ่งผลของความดีของเด็กคนนี้ยังมีอยู่มาก ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะได้เป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนาแล้วจะมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี แต่เวลานี้กรรมที่เป็นอกุศลเข้ามาลิดรอนจึงเป็นเหตุให้เด็กคนนี้จะต้องตายใน 7 วัน”

พระองค์จึงได้ตรัสแนะนำว่าให้พราหมณ์ทั้ง สองกลับไปบ้านแล้วนิมนต์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไปนั่งล้อมสวดเจริญพระปริตร ตลอด 7 วัน ซึ่งพราหมณ์พ่อแม่เด็กก็กลับไปนิมนต์พระไปทำการดังกล่าว โดยให้พระภิกษุนั่งล้อมโรงพิธีโดยไม่ต้องใช้สายสิญจน์เพราะพระภิกษุในสมัย นั้นมีมาก เมื่อล้อมแล้วก็เจริญพระปริตรไปเรื่อยๆ ตลอดเจ็ดวัน แม้บางเวลาจะมีการสวดบ้างไม่สวดบ้างแต่ก็นั่งล้อมกันแบบนั้น พระภิกษุทั้งหลายต่างก็พากันเข้ามาสวดสลับหมุนเวียนกันไป

ผู้ที่จะเอาชีวิตของเด็กคนนั้นก็คือ “ยมบาล” ซึ่งเป็นลูกน้องของท่านท้าวเวสสุวัณผู้ปกครองส่วนหนึ่งของสวรรค์ชั้นจตุมหา ราชิกา ขณะที่มีการสวดพระปริตรอยู่ท้าวเวสสุวัณก็ลงมาฟังการสวดด้วย ตอนนี้เมื่อเจ้านายชั้นผู้ใหญ่มาพลทหารก็ต้องไปยืนอยู่ข้างหลังและมีพระ อรหันต์มากมายมาก็นั่งล้อมรอบอยู่แบบนั้น ยมบาลก็เข้าไม่ได้ ได้แต่ตั้งท่าว่าถ้าเผลอเมื่อไรจะเอาชีวิตเมื่อนั้นเพราะกรรมเดิมของเด็กคน นี้เคยสร้างไว้มากที่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไว้มากมาย

แต่ ยมบาลไม่ทราบว่าท่านอายุวัฒนกุมารนั้นก็ มีผลบุญที่ทำไว้ในอดีตชาติมากเช่นเดียวกัน ในเมื่อเห็นท่าว่าจะเอาชีวิตไม่ได้แน่แล้วก็ต้องตั้งท่ารอให้พระท่านเผลอ แต่บังเอิญว่าวันที่เจ็ดนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาเป็นประธานในการสวดด้วย พระองค์เอง

เมื่อ ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลกเสด็จมา อย่างนี้ ยักษ์ที่เป็นยมบาลตนนี้ก็ต้องถอยหลังไปพ้นเขตเพราะทั้งพรหมและเทวดาต่างพา กันลงมามากมายมหาศาล ในที่สุดต้องออกไปอยู่ขอบจักรวาลเพราะพรหมและเทวดามีปริมาณมากสุดประมาณ และพระพุทธองค์ก็ทรงประทับนั่งสวดพระปริตรไปจนหมดเวลา 7 วัน ในที่สุดยมบาลผู้นี้ก็ไม่อาจเอาชีวิตเด็กคนนี้ได้

เป็นอันว่าท่านอายุวัฒนกุมารก็ไม่ ต้องตายก่อนวัยอันควร เมื่อถึงเวลาอายุ 7 ขวบ ท่านอายุวัฒนกุมารก็บวชเณรแล้วก็ได้สำเร็จอรหัตผล มีชีวิตอยู่มาได้ถึงอายุ 120 ปี ตรงตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ทุกประการ นี่คือผลแห่งอุปฆาตกรรมดีที่ตัดรอนผลกรรมชั่วจนไม่อาจนำพาให้ผลแห่งความชั่ว มาถึงตัวได้

ผล แห่งอุปฆาตกรรมที่เป็นกรรมนี้ใน ปัจจุบัน เราทุกคนก็คงจะเคยพบเห็นกันมาบ้างแล้วสำหรับคนที่เคยยากจนได้รับความลำบากมา ตลอดชีวิตแล้วจู่ ๆเกิดถูกหวยรางวัลใหญ่ๆ ร่ำรวยกันไปในพริบตานี่ก็จัดว่าเป็นผลแห่งอุปฆาตกรรมที่ดีมาตัดรอนความยากจน อันเกิดจากกรรมชั่วเพราะมีใจตระหนี่ถี่เหนียวให้หมดสิ้นไป

จาก ลักษณะของกรรมและการจำแนกกฎแห่งกรรมที่ ได้กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่า เรื่องของกฎแห่งกรรมนั้นไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติใด ๆเลย เป็นเรื่องของเหตุผลล้วนๆ และเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์อย่างมากเพราะ เมื่อเหตุดีผลก็ต้องดีเมื่อเหตุไม่ดีผลก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เราสามารถจะใช้ปัญญาลองพิจารณาไตร่ตรองดูอีกครั้งได้ว่า เราสมควรจะสงสัยหรือเชื่อในกฎแห่งกรรมที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ได้หรือไม่

หาก เรายังไม่เชื่อว่าการให้ผลของกรรมนั้นจะ ตรงตามเหตุที่ก่อขึ้นหรือไม่ เราก็สามารถลองพิสูจน์ด้วยการกระทำทั้งกรรมดีหรือไม่ดีก็ตามย่อมจะได้ผลเป็น การรับรองการกระทำแน่นอน ว่า ผลของกรรมนั้นไม่ย่อมผิดจากเหตุที่ทำเป็นแน่แท้

การ ปลงใจให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมนี้จะมีผล อย่างยิ่งใหญ่หากได้ลองพิสูจน์ด้วยตนเอง คนที่ทำกรรมไม่ดีแล้วได้รับผลที่ไม่ดีของกรรมนั้นเมื่อเข้าใจแล้วก็จะทำให้ เกิดความกลัวที่จะทำกรรมไม่ดีอีกและก่อให้เกิดความเข้าใจและสบายใจ

เพราะ เมื่อใดที่ต้องประสบความทุกข์ยากลำบาก ก็จะทำใจยอมรับได้เนื่องจากผลแห่งเหตุไม่ดีมาคอยฉุดรั้งหรือก่อให้เกิดความ ทุกข์ซึ่งเหตุนั้นอาจจะเกิดในปัจจุบันชาติหรืออดีตชาติอันยาวไกลที่เราไม่ อาจจดจำได้ก็จะทำใจยอมรับได้โดยดุษณีว่าจะเร็วหรือช้าก็ย่อมให้ผลตามนั้น

และ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่อาจเข้าใจเรื่องกฎ แห่งกรรมได้ลึกซึ้งถ่องแท้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้เลยเพราะจะทำให้เราหลงผิดแก้ ปัญหาไม่ถูกต้องให้ตรงตามเหตุ หรือ อาจทำให้หลงทางไปเลยก็ได้เมื่อมีความทุกข์อยู่อาจไปกระทำการอื่นๆ ที่หลงว่าเป็นการแก้ไขกรรมได้จริงทำให้ถูกหลอกให้เสียทรัพย์กันมากมายเพิ่ม ความทุกข์ยากลำบากเป็นการซ้ำเติมชีวิตเข้าไปอีก

ใน ขณะเดียวกันหากยังมีความสุขอยู่หากไม่ เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ก็จะทำให้หลงในสุขได้เช่นกันจนลืมทำกรรมดีเพิ่มเติมมีความประมาทในชีวิตและ เมื่อบุญเก่าได้หมดลงโดยไม่ยอมทำเพิ่มสุดท้ายก็จะดึงให้ชีวิตตกต่ำลงให้พบ กับความลำบากเช่นเดียวกัน..
................................................................................................................................................................................

ที่มา http://www.torthammarak.com/modules/...itemid=22ffice
รูป
ชนิดของไฟล์: bmp 11.bmp (147.8 KB, 129 views)
__________________
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ.
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
รวมมิตร's profile


โพสท์โดย: รวมมิตร
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
84 VOTES (4/5 จาก 21 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พ่อของ "น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์" เสียชีวิตแล้วผ้าขี้ริ้ววัว หรือสไบนาง ส่วนที่มักถูกเอามาทำอาหารยอดนิยม คืออะไรและอยู่ตรงส่วนไหนของวัวพลังมหัศจรรย์ของ "เกลือ" เปลี่ยนการซักผ้าให้สะอาดง่ายรวมภาพความฮา แบบสร้างสรรค์ ของคนเขมร กับ นักท่องเที่ยวกับรูปปั้นม้าน้ำอันโด่งดังในโลกโซเชียลตอนนี้4สำนักดัง ให้เลขชนกันอีกแล้ว งวด 2 พฤษภาคม 2567ต้าวสาบ..น่าร๊าคอ่า!"คีอานู รีฟส์" รู้สึกเซอร์ไพรส์..หลังแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่เป็นชื่อตนเองของในร้านนี้หยิบได้ฟรีทุกชิ้นกทม.แนะนำ อย่าอยู่กลางแจ้งเด็ดขาด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ของในร้านนี้หยิบได้ฟรีทุกชิ้นพ่อของ "น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์" เสียชีวิตแล้วiPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!ต้าวสาบ..น่าร๊าคอ่า!
ตั้งกระทู้ใหม่